เปลี่ยนทาวน์โฮมร้างให้เป็นบ้านที่มีสีสัน
รีโนเวตทาวน์โฮมร้าง ให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศของนักเพอร์คัชชันสาว โดยเปิดพื้นที่ชั้นล่างให้ลื่นไหลตามระนาบแนวนอน และเปิดโถงในส่วนของระนาบแนวตั้งกับบันไดที่เชื่อมต่อจากชั้นล่างไปจนถึงดาดฟ้า พร้อมตกแต่งด้วยสีสันของเครื่องดนตรีเพอร์คัชชันที่ทำให้บ้านดูสนุกสนาน
Design Directory : สถาปนิก Full Scale Studio



ด้วยความต้องการที่ชัดเจนของ คุณกิ๊กกี้-ญาณิกา เลิศพิมลชัย ว่าอยากมีบ้านที่รวมฟังก์ชันของสตูดิโออัดเสียงและออฟฟิศทำงานเล็ก ๆ ไว้ด้วยกัน แทนที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ในโครงการเพื่อมาทุบรื้อเพื่อปรับแก้ผังพื้นที่ภายใน เธอเลือกที่จะมองหาบ้านมือสอง โดยปักหมุดทำเลในใจให้อยู่ตรงแถวพระราม 9 ซึ่งเป็นย่านที่มีห้องซ้อมดนตรีและออฟฟิศโปรดักชั่นอยู่กันหนาแน่นที่สุด แล้วทำการ รีโนเวตทาวน์โฮมร้าง แห่งนี้ใหม่
“เพราะเราทำโฆษณาและก็เล่นดนตรีที่เป็นเพอร์คัชชันด้วยเวลาไปออกทัวร์เพื่อนนักดนตรีก็มักจะนัดขึ้นรถกันแถวนี้เลยคิดว่าหาบ้านอยู่ย่านนี้เลยแล้วกันทำเป็นโฮมออฟฟิศที่มีห้องอัดด้วยและบ้านเก่าโซนนี้ยังมีที่ทางให้ทั้งทีมงานกับลูกค้ามาจอดรถได้สบายใจกว่าอยู่บ้านจัดสรรพอตัดสินใจได้ก็ลองไปประมูลบ้านเลยแต่ก็มาติดปัญหาเรื่องออกแบบไม่คืบหน้าไม่สามารถนำแบบไปสร้างจริงได้เสียเวลาไป 2 ปีตอนนั้นเครียดมากเลย”



บ้านมือสองที่มาถึงมือสถาปนิกคนที่สอง
แต่ในเรื่องร้าย ๆ ก็ยังเกิดช่วงจังหวะดี ๆ เมื่อคุณกิ๊กกี้ปรับทุกข์เรื่องบ้านกับ คุณอรรถ–อรรถสิทธิ์กองมงคล มือเพอร์คัชชันรุ่นพี่ที่เป็นสถาปนิกจาก Full Scale Studio ซึ่งแม้จะมีออฟฟิศอยู่เชียงใหม่ แต่ด้วยความเข้าอกเข้าใจถึงสิ่งที่คนเล่นเพอร์คัชชันต้องการอย่างถ่องแท้ คุณกิ๊กกี้จึงขออิมพอร์ตสถาปนิกเชียงใหม่มาช่วยรีโนเวตบ้านใหม่ทั้งหมด
“ผมรู้สึกว่าบ้านนี้มีความพิเศษนะ” คุณอรรถเล่าถึงความน่าสนใจในบ้านมือสองหลังนี้ “ปกติทาวน์โฮมในกรุงเทพฯจะมีหน้ากว้างแค่ 4-5 เมตร แต่หลังนี้หน้ากว้างมากหลังบ้านก็มีป่าเป็นพื้นที่สีเขียวฟังก์ชันภายในมีการเหลื่อมชั้นซอยสเปซเหมือนบ้านที่มีแปลน 5 ชั้นทั้งที่เป็นบ้านขนาด 3 ชั้นผมว่าทำให้น่าอยู่และสร้างพื้นที่ใช้สอยอย่างคุ้มค่าได้เลยเพียงแต่ภายในค่อนข้างทรุดโทรมเพราะเป็นบ้านทิ้งร้างมานานถนนหน้าบ้านก็ทรุดดีที่โครงสร้างหลักยังดีอยู่ก็ช่วยประหยัดงบในการรีโนเวตไปได้ส่วนหนึ่ง


“ผมกับกิ๊กกี้เล่นเพอร์คัชชันเหมือนกันทำงานด้านครีเอทีฟเหมือนกันตอนออกแบบบ้านนี้ผมเลยคิดว่าจะทำให้เหมือนบ้านตัวเองแต่เป็นเวอร์ชันผู้หญิงเข้าใจเลยว่าต้องมีที่วางเครื่องดนตรีสะสมเยอะไปไหนก็จะอดซื้อไม่ได้เพราะมันมีคุณค่าในอาชีพเก็บแล้วก็ต้องโชว์ได้ด้วยแล้วจะทำห้องอัดเสียงยังไงทั้งเรื่องฟังก์ชันใช้สอยและมุมทำงานไปจนถึงพื้นที่พักผ่อนโดยเครื่องมือออกแบบที่ผมใช้ออกแบบมักจะอยู่ในรูปทรงเรขาคณิตพื้นฐานที่ควบคุมไดเมนชันได้ง่ายกว่าฟรีฟอร์มถ้าใช้ให้ถูกให้กระจายออกไปตามส่วนต่างๆก็จะทำให้เกิดภาพจำที่เข้าใจง่ายใช้งานก็ง่ายและไม่ซับซ้อน”







เชื่อมพื้นที่ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
คุณอรรถเริ่มด้วยการแก้ปัญหาหลักของทาวน์โฮมที่มักจะอับทึบเพราะมีด้านเปิดเฉพาะหน้าบ้านกับหลังบ้าน ด้วยลักษณะพื้นที่ใช้สอยที่อยู่ในแนวลึกยาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า จึงต้องเพิ่มช่องเปิดรับแสงหน้าบ้านทั้งในรูปแบบของหน้าต่างและคอร์ตต้นไม้ด้านใน
“พื้นหน้าบ้านเดิมทรุดต่ำลงไปมากก็ต้องทำสเต็ปขึ้นมาใหม่แล้วก็เติมคอร์ตสำหรับปลูกต้นไม้ไว้หน้าบ้านให้เป็นพื้นที่สีเขียวที่คอยสร้างความสดชื่นเวลาเข้าบ้านมาผมว่าต้นไม้เล็กๆต้นเดียวก็ได้ผลมากนะแต่ต้องเลือกต้นที่รากไม่แผ่กว้างไปทำลายโครงสร้างอาคารฟอร์มใบสวยโดยคอร์ตตรงนี้ยังสามารถเชื่อมเข้าถึงสตูดิโออัดเสียงได้เลยทำให้สเปซตรงนี้เปิดเป็น Public ได้เพื่อให้ทีมงานเข้ามายกของหยิบเครื่องดนตรีได้เองโดยไม่ต้องเปิดเข้าไปในบ้านและเมื่อเข้าประตูบ้านจริงๆก็จะเป็นส่วนของออฟฟิศที่เปิดโล่งแบบโอเพ่นแปลนโปร่งไปถึงมุมสวนหลังบ้านได้เลยตรงนี้คือความลื่นไหลของระนาบแนวนอน








“ส่วนระนาบแนวตั้งก็จะได้จากการเปิด Void ตรงโถงหน้าบ้านซึ่งต้องรื้อห้องน้ำเล็กๆตรงชั้นบนออกแล้วก็ยังมีบันไดที่เชื่อมต่อจากชั้นล่างไปจนถึงดาดฟ้าชั้นบนทำให้แสงลมมุมมองและความรู้สึกเชื่อมถึงกันได้พอขึ้นชั้น 2 ก็เข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวตามผังเดิมคือมีการเหลื่อมสลับชั้นระหว่างห้องกินข้าวกับห้องนั่งเล่นผมเปิดผนังตรงนี้ให้เป็นกระจกในเฟรมไม้เพื่อการเชื่อมถึงกันได้ในแนวระนาบให้แสงธรรมชาติเข้าถึงกลางบ้านหรือแม้แต่การแชร์มุมมองออกไปถึงสวนหลังบ้านได้เลย”
ด้วยฟังก์ชันที่สบายจึงทำให้มุมนี้กลายเป็นมุมโปรดของคุณกิ๊กกี้และคุณมาร์คไปทันที “เราชอบที่มันคอนเน็กกันได้เพราะมาร์คชอบทำอาหารเวลาอยู่ที่ครัวก็ยังมองเห็นเราและลูกในห้องนั่งเล่นได้แถมยังดูทีวีจากห้องนั่งเล่นได้ด้วยและบางทีก็ใช้ตรงนี้เป็นห้องประชุมแล้วตอนก่อสร้างพี่อรรถเห็นผู้รับเหมาออกไปนอนพักกันตรงหลังคาเหล็กเหนือคอร์ตหลังบ้านก็เลยได้ไอเดียทำประตูเปิดให้ออกไปรับลมชมวิวสวนหลังบ้านซึ่งบางทีเราก็ออกไปถ่ายทำคอนเทนต์สนุกๆกันตรงนั้น”


เครื่องดนตรีสีสันและเพอร์คัชชัน
นอกจากแก้ปัญหาให้ทาวน์โฮมมีความโปร่งสบายแล้ว สิ่งที่ทำให้บ้านหลังนี้มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครก็คือการถ่ายทอดบุคลิกของคนเล่นเพอร์คัชชัน ผู้สร้างจังหวะสนุก ๆ เติมชีวีตชีวาให้เสียงเพลง โดยเฉพาะสาวเพอร์คัชชันคนนี้ที่ชื่นชอบความสดใสของสีสันไม่แพ้จังหวะของเครื่องดนตรี
“เราชอบสีสันอยู่แล้วปกติเวลาไปเล่นดนตรีก็จะแต่งตัวสีสดใสเต็มที่พี่อรรถก็เลยเลือกใช้สีเขียวมินต์มาแต่งบ้านให้ตั้งแต่บานเฟี้ยมกับกรอบหน้าต่างกลมหน้าบ้านและก็บิลท์อินบางส่วนพอเอามาผสมกับชมพูพาสเทลก็เลยดูสนุกกลายเป็นว่าเราต้องไปตามหาของตกแต่งที่เข้ากับเฉดสีนี้มาใช้ทั้งสวิตช์ไฟโคมไฟไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้สีเขียวในห้องอัดตู้สีเขียวในห้องกินข้าวหรือบีนแบ็กตอนนี้เวลาจะซื้อของเข้าบ้านก็ต้องคิดเยอะหน่อยว่าสีมันไปด้วยกันได้ไหม” (หัวเราะ)


คุณอรรถเล่าว่าเขาตั้งใจให้พื้นที่หลักส่วนใหญ่เป็นสีขาวเหมือนผืนผ้าใบ เติมด้วยสีเขียวเล็กน้อยเพราะเป็นสีที่คุณกิ๊กกี้ชอบ แล้วออกแบบชั้นวางโครงเหล็กโปร่งผสมกับไม้อัดยางไว้ให้เต็มผืนผนังห้องชั้นล่างสำหรับวางเครื่องดนตรีและของสะสม กลายเป็นสีสันและเรื่องราวที่เจ้าของบ้านแต่งเติมขึ้นได้เอง
“เพราะเครื่องดนตรีมีรูปทรงไม่ตายตัวผมเลยออกแบบให้สามารถถอดแผ่นไม้ออกเพื่อปรับใช้งานได้แล้วก็เพิ่มที่นั่งเล่นกับช่องเก็บของใต้ที่นั่งไว้ด้วยส่วนห้องอัดเสียงก็กั้นแยกไว้ด้วยผนังอิฐบล็อกสีขาวเพราะด้านนี้ไม่ซีเรียสเรื่องเสียงเข้า–ออกแต่ผมต้องการให้แสงและมุมมองผ่านถึงกันได้แบบไม่อึดอัดต่างจากห้องอัดเสียงทั่วไปที่ปิดทึบดูไม่สบายตาเลยภายในห้องอัดค่อยกรุด้วยแผ่นซับเสียงและทำประตูอีกด้านที่ใกล้กับถนนหน้าบ้านให้เป็นกระจกใสหนาสองชั้นซีลยางรอบเพราะเป็นด้านที่ต้องกั้นเสียงจากภายนอกให้เต็มที่ปล่อย Void ให้สูงเปิดช่องดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและยังไหลผ่านออกไปสู่ออฟฟิศในบ้านผ่านผนังอิฐบล็อกกระจกใสได้เลย


พื้นที่สงบและส่วนตัวที่สุด
หากไล่ระดับความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ในบ้านจากห้องอัด ส่วนทำงาน ส่วนพักผ่อน ขึ้นสู่ห้องนอนชั้นบนก็คือพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด และยังมีสเปซที่กว้างสุด เพราะคุณอรรถวางผังไว้แบบโอเพ่นแปลนโดยไม่กั้นผนังห้องใด ๆ ซ้อนเข้าไป แม้แต่ส่วนของ Walk-in Closet
“ผมอยากให้ฟังก์ชันห้องนอนมีไว้สำหรับนอนอย่างเดียวจริง ๆ เพิ่มแค่ส่วนนั่งเล่นเบย์วินโดว์ไว้นอนเล่นอ่านหนังสือและทำหน้าที่หน้าต่างรับแสงเข้ามาตู้เสื้อผ้าก็ทำเป็นบิลท์อินให้เต็มผืนผนังเว้นแค่ช่องประตูทางเข้ากับประตูห้องน้ำเพื่อให้เก็บเสื้อผ้าได้มากที่สุดและยังมีหน้าต่างเล็กๆคอนเนคไปกับระเบียงบนดาดฟ้าที่ตั้งใจวางอ่างอาบน้ำใหญ่ไว้ตามความต้องการของคุณกิ๊กกี้พร้อมเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ ไว้ปาร์ตี้กับเพื่อนได้”


จังหวะของความสุขที่ลงตัว
แม้จะออกตัวด้วยจังหวะที่สับสนวุ่นวาย แต่เมื่อได้สถาปนิกที่เป็นเหมือนคอนดักเตอร์มาช่วยปรับให้ทุกตัวโน้ตกลมกล่อมขึ้น บ้านหลังนี้ก็เสร็จสมบูรณ์เข้ากับจังหวะชีวิตที่พอดีของครอบครัว
“เพราะก่อนทำบ้านเรายังไม่มีลูกแล้วบ้านก็มาเสร็จตอนมีลูกพอดีก็แฮปปี้และอยู่ติดบ้านกันมากฟังก์ชันทุกอย่างตอบรับไลฟ์สไตล์มากทั้งโฮมออฟฟิศที่สามารถให้ลูกค้ามาคุยมาถ่ายงานและมาจบงานได้พร้อมๆกับที่เราดูแลลูกไปด้วยยังมีแค่อ่างอาบน้ำที่เราขอไว้เพราะมันช่วยผ่อนคลายตัวเองได้เยอะแต่พื้นที่ในห้องน้ำไม่พอเลยต้องไปไว้บนชั้นดาดฟ้าซึ่งยังไม่ค่อยมีเวลาไปใช้บ่อยๆเท่าที่ตั้งใจตอนนี้ใช้เป็นอ่างน้ำให้ลูกเล่นแทน” คุณกิ๊กกี้เล่าทิ้งท้ายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอันสดใส

เจ้าของ : คุณญาณิกา เลิศพิมลชัย Mr.Mark Lawrence Ong และเด็กชายเมฆินทร์ ออง
สถาปนิก : Full Scale Studio โดยคุณอรรถสิทธิ์ กองมงคล
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ
สไตล์ : Suanpuk