บ้านแคบที่โปร่งสบายด้วยแสงธรรมชาติ
บ้านแคบ แต่ยาว ด้วยขนาด 17×8 เมตร หน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตก จะออกแบบอย่างไรให้ภายในโปร่งสบายด้วยแสงธรรมชาติ
Design Directory : สถาปนิก Studio Vilaa

ด้วยพื้นที่หน้าบ้านกว้าง 17 เมตร อาจไม่ได้ทำให้บ้านหลังนี้ดูเล็กไปกว่าบ้านอื่นสักเท่าไร แต่ถ้ามองจากมุมสูงลงมาจึงจะเห็นว่าภายในมีขนาดลึกเข้าไปเพียง 8 เมตรเท่านั้น อีกทั้งรูปทรงที่ดินยังมีการตัดเฉียง ทำให้กลายเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ไม่สมมาตร การออกแบบวางตัว บ้านแคบ ลงไปบนที่ดินผืนขนาดจำกัดแบบนี้ โดยไม่ทำให้การอยู่อาศัยภายในอึดอัดนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


ออกแบบจากข้อจำกัดที่มี
เดิมที คุณบอล–สันติกร ไชยเพียร กับภรรยา ทำงานและอาศัยอยู่ในคอนโดใกล้ ๆ ที่ดินผืนนี้ เมื่อมีคนประกาศขายที่ดิน ทั้งคู่จึงซื้อไว้เพราะอยากสร้างบ้านสำหรับอยู่อาศัยแบบสบาย ๆ สักหลัง และสามารถเดินมาทำงานได้ในระยะเพียงแค่ 50 เมตรเท่านั้น
“จริง ๆ ก็พยายามหาที่กว้างกว่านี้แล้วแต่ไม่เจอ พอดีมาได้ที่ตรงนี้ประมาณ 37 ตารางวา ด้วยความที่เป็นซอยตันเลยรู้สึกว่าปลอดภัยดี แล้วได้แฟนของน้องสาวซึ่งก็คือ คุณบอส – ฐิติ พนาจรัส มาช่วยออกแบบบ้านให้ เพราะเราไม่อยากได้บ้านทรงกล่องและก็ไม่อยากให้บ้านดูซ้ำกับบ้านใครด้วย แต่อยากได้บ้านที่มีเพดานสูง แต่งด้วยโทนสีขาวคลีนแบบคาเฟ่ และมีชั้นล่างโล่ง ๆ สำหรับรองรับเพื่อนที่มักมาหากันอยู่บ่อย ๆ”



เมื่อดูจากทิศทางของที่ดินแล้ว หน้าบ้านจะถูกบังคับให้หันออกไปทางทิศตะวันตกซึ่งติดกับถนนหลัก คุณบอส สถาปนิกจาก Studio Vilaa จึงแก้ปัญหาด้วยการใส่พื้นที่คอร์ตสำหรับปลูกต้นไม้ไว้ตรงกลาง แล้วดันพื้นที่อยู่อาศัยให้หลบเข้าไปด้านในเพื่อช่วยเลี่ยงแนวแสงแดดและความร้อน แล้วกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัวของคอร์ตหน้าบ้านด้วยแนวรั้วอิฐลอน ซึ่งเป็นวัสดุธรรมดา ๆ ที่บ้านสมัยก่อนนิยมใช้ แต่กลับสร้างเสน่ห์ให้ตัวบ้านได้ดี



ทำภายในให้โปร่งโล่ง
ส่วนของคอร์ตหน้าบ้านนี้ไม่เพียงแต่เติมพื้นที่สีเขียวให้ส่วนพักผ่อนชั้นล่างเท่านั้น เรือนยอดต้นไม้ยังช่วยสร้างมุมมองที่ร่มรื่นสบายตาให้ห้องนอนที่อยู่ชั้นบนด้วย รวมถึงเอื้อกับการออกแบบฟังก์ชันภายในให้ดูโปร่งโล่งขึ้นได้ ตั้งแต่โถงนั่งเล่นที่สามารถเชื่อมสเปซต่อออกมาถึงคอร์ตเพื่อใช้งานได้ต่อเนื่องและกว้างขวาง
“เพราะเจ้าของอยากให้บ้านโปร่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลยมีการดันฝ้าภายในขึ้นไปให้เยอะที่สุด ทำให้โถงมี Void ที่สูงถึง 5 เมตร ช่วยเปิดรับแสงได้มาก ด้านหลังโถงเป็นบันไดทางขึ้นชั้นบน แล้วกระจายฟังก์ชันอื่นออกไปในแนวยาวทางซ้ายและขวา เชื่อมตรงกลางไว้ด้วยโถงและคอร์ต แต่เพราะที่ดินถูกตัดเฉียงเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู สเปซฝั่งซ้ายที่เป็นส่วนนั่งเล่นจึงสั้นกว่าฝั่งขวา โดยทำสเต็ปเล็ก ๆ เป็นตัวแยกพื้นที่แทนการกั้นห้อง แล้วเพิ่มมุมเปียโนไว้ข้าง ๆ ด้วย เพราะเจ้าของทำงานซ่อมเครื่องดนตรีและมีเปียโนเก่าที่เก็บไว้จากบ้านเดิม ซึ่งต้องการย้ายมาไว้ที่บ้านนี้ ผมเลยจัดมุมวางให้โดยเฉพาะเพื่อให้เขาได้เล่นเปียโนและมีสเปซรอบ ๆ ให้เพื่อนนักดนตรีเข้ามาแจมได้ ส่วนพื้นที่ด้านขวาออกแบบให้เป็นห้องกินข้าวกับครัวเล็ก ๆ ในสเปซโปร่งใต้ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร”

นอกจากยกสเปซให้สูงในแนวตั้งและดันพื้นที่ด้านข้างไปจนสุดขอบระยะถอยร่นจากเขตที่ดินเพื่อให้ภายในโปร่งสบายแล้ว ยังออกแบบให้มีช่องแสงในรูปแบบของสกายไลต์ทรงแคบพาดไปตามขอบผนังแนวยาวของตัวบ้าน เพื่อรับแสงธรรมชาติจากด้านบน รวมถึงสกายไลต์รูปวงกลมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษในมุมของเปียโน ด้วยเส้นดีไซน์ที่โค้งละมุนกับแสงที่สาดส่องลงมา จึงช่วยสร้างมิติให้มุมนี้ในตอนกลางวันและเสริมบรรยากาศที่นุ่มนวลในช่วงกลางคืน


ดีไซน์พิเศษสร้างฟังก์ชันให้แตกต่าง
แม้จะใช้การวางผังแบบโอเพ่นแปลนและจัดวางฟังก์ชันที่ไม่ซับซ้อน แต่สถาปนิกก็ยังออกแบบฟังก์ชันพิเศษๆ มาเพิ่มความน่าสนใจให้แต่ละพื้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใต้บันไดโดยเปลี่ยนให้เป็นมุมนั่งเล่นแบบ Pocket Sofa ที่หันหน้าออกไปชมวิวคอร์ตได้อย่างสบายตา หรือการเติมสกายไลต์ทรงกลมเหนือบันไดเพื่อรับแสงเข้าสู่ภายในเพิ่มขึ้น ส่วนสกายไลต์บริเวณมุมเปียโนเองก็ยังเชื่อมต่อขึ้นไปถึงระเบียงห้องนอน แถมยังออกแบบช่องแสงนี้ให้กลายเป็นแท่งโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับนั่งจิบกาแฟยามเช้าโดยสามารถมองผ่านช่องแสงนี้ลงไปเห็นความเคลื่อนไหวข้างล่างได้ด้วย




สำหรับตัวอาคารเองก็ใช้ภาษาทางสถาปัตยกรรมผ่านเส้นโค้งในส่วนของผนังอาคารชั้น 2 บริเวณห้องนอน หรือมุมมองจากหน้าบ้านที่ต้องรับแสงจากทิศตะวันตก แทนที่จะเป็นรูปทรงกล่องแข็ง ๆ ก็ลดทอนให้มีความโค้งเว้าที่นุ่มนวล รับกับแสงเงาที่ตกกระทบและเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา สัมพันธ์ไปกับฝ้าเพดานภายในที่โค้งรับแนวช่องเปิดสกายไลต์ ช่วยให้แสงที่เข้ามาละมุนขึ้นอีก โดยมีไฟแอลอีดีที่ขับเน้นมิติของแสงไปตามเส้นโค้งสวย ๆ ของฝ้าเพดาน ผสมผสานกับไฟแบบ Indirect Light เติมเสน่ห์ให้บ้านมีบรรยากาศที่แตกต่างในยามค่ำ

เมตร ช่วยให้เกิดความรู้สึกโปร่งสบายตา และเสริมด้วยงานไม้เพื่อเติมความอบอุ่นนุ่มนวล เช่นเดียวกับการใช้เส้นโค้งมาลดความแข็งกระด้างของเส้นผนังเหลี่ยม ๆ

เมตร เพื่อเพิ่มความโปร่งสบายให้ภายในได้มากที่สุด เมื่อมีแสงธรรมชาติเข้าถึงก็ยังสามารถวางต้นไม้ในบ้าน ช่วยเพิ่มมุมมองสีเขียวได้อีก

เมตร พร้อมช่องแสงสกายไลต์ทรงกลมรับด้วยผนังแนวโค้ง ทำให้มุมนี้ดูสวยละมุน
พื้นที่ไม่จำกัดความสุข
จากไลฟ์สไตล์ที่เคยหมกตัวอยู่แต่ในที่ทำงานจนค่ำมืด เมื่อได้มาอยู่ในบ้านขนาดกะทัดรัดที่โปร่งสบายด้วยแสงธรรมชาติ มีสเปซรอบ ๆ ให้ผ่อนคลาย ทำให้คุณบอลและภรรยาชอบใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงเปิดพื้นที่รองรับเพื่อน ๆ ให้มาช่วยสร้างเสียงเพลงแห่งความสุขกระจายไปทั่วทุกมุม เหมือนที่คุณบอลบอกไว้ว่า
“ผมรู้สึกว่าบ้านนี้เหมือนการเรียงตัวโน้ตขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่ส่วนอินโทร เข้ามาเจอท่อนฮุค มีคีย์เฮด และอารมณ์ความรู้สึกขึ้นลงไปตามตัวโน้ต มีมุมให้ใช้งานและมีมุมให้พักผ่อนหลากหลายแตกต่างกันไป แล้วปิดท้ายด้วยท่อนจบที่สวยงาม”
เชื่อว่าโน้ตตัวสุดท้ายที่คุณบอลพูดถึงน่าจะเป็นเสียงแห่งความสุขที่ยังคงล่องลอยอยู่ภายในบ้าน แล้วค่อย ๆ Fade out ไปราวกับไม่อยากให้ความสุขนั้นสิ้นสุดลง




เจ้าของ : คุณสันติกร ไชยเพียร
สถาปนิก : Studio Vilaa โดยคุณฐิติ พนาจรัส และคุณประกายมุก ใหม่ยะ
วิศวกรโครงสร้าง : คุณวศะพล ลีฬหะบำรุง
ก่อสร้าง : NA PLUS PROPERTY โดยคุณณฐพงษ์ ตรีวิบูลวณิชย์
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข,อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
สไตล์ : Suntreeya