เคล็ดลับการดูแลรองเท้าให้แห้งไวในช่วงหน้าฝน
ถ้าต้องออกจากบ้านในช่วงหน้าฝนแบบนี้ เห็นทีจะต้องได้เปียกฝนกันบ้างล่ะ นอกจากเสื้อผ้าที่จะเปียกแล้ว รองเท้าเปียก จากฝนและแอ่งน้ำ ก็แทบจะหลีกเลี่ยงได้ยาก ยิ่งถ้าเป็นรองเท้าคู่โปรด ที่ต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดี ต้องมีวิธีดีๆ ที่ช่วยให้รองเท้าแห้งได้ไว เพราะแค่ใส่เสื้อกันฝน หรือกางร่มก็ไม่ช่วยให้หนีพ้นน้ำได้
ในเมื่อรองเท้าก็นับว่าเป็นของใช้อีกชิ้นที่ต้องเจอศึกหนัก แถมยังมีส่วนที่ต้องคอยระวังไม่อยากจะให้เปื้อน ให้เปียกน้ำมากขนาดนี้ การดูแลรองเท้าในช่วงหน้าฝน จึงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ บ้านและสวน มาชวนให้เตรียมตัวและจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่รองเท้าคู่โปรดต้องเจอตลอดทั้งหน้าฝน ใช้งานรองเท้าได้อย่างไร้กังวล จะกี่ฝน จะกี่น้ำ ก็ไม่หวั่น !
1 . จัดการรองเท้าหลังลุยฝน

หลังจากลุยฝนพร้อม รองเท้าเปียก ชุ่มจนถึงบ้านแล้ว การถอดทิ้งไว้ให้รองเท้าแห้งเองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย เพราะไหนจะทำให้รองเท้าเสียทรง คราบก็ยิ่งฝังแน่น และยังแห้งยากอีก วิธีดูแลที่ดีคือการหาผ้าสะอาด ๆ มาซับน้ำ และเช็ดทำความสะอาดคราบดิน หรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ออก จากนั้นให้นำกระดาษหนังสือพิมพ์ มาขยำเป็นก้อน และยัดเข้าไปด้านในเพื่อดันรองเท้าไม่เสียรูปทรง คราวนี้ก็นำไปวางตากในบริเวณที่มีลมผ่าน และวางพิงรองเท้าเข้ากับกำแพง เพื่อให้น้ำไม่ไปขังอยู่ตรงพื้นรองเท้า
2 . วางรองเท้าในที่อากาศถ่ายเทสะดวกหลังใช้

พื้นที่สำหรับวาง หรือเก็บรองเท้านั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ที่มีความชื้นมากเป็นพิเศษ หรือบางวันแค่ใส่ออกไปเดินแปปเดียว และเจอน้ำขังเข้าไปหน่อย รองเท้าก็ชื้นเอาได้ง่าย ๆ แล้ว ซึ่งพอกลับมาถึงบ้าน ถอดรองเท้าปุ๊ป ก็อย่าเพิ่งยัดรองเท้าเข้าตู้ที่ปิดสนิทโดดเด็ดขาด เพราะนั่นจะยิ่งทำให้รองเท้าชื้น จนเกิดกลิ่นอับรวมทั้งเสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วย ทางที่ดีควรวางไว้ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ส่วนรองเท้าที่เก็บอยู่ในกล่องหรือตู้นั้น ก็อาจหา silica gel หรือสารดูดความชื้นต่าง ๆ มาใส่ไว้
3 . ขจัดกลิ่นอับในรองเท้าด้วยเบคกิ้งโซดา

นอกจากจะต้องทำให้รองเท้าสะอาด ไร้คราบ ดูเหมือนใหม่แล้ว เรื่องกลิ่นก็ละเลยไม่ได้ และสำหรับช่วงที่อากาศชื้นขนาดนี้ บางทีใส่แค่แปปเดียว ก็มีกลิ่นในรองเท้าแล้ว ยิ่งถ้าคู่ไหนที่ต้องใส่ทุกวัน จนไม่มีเวลาซักหรือนำไปตาก ก็ต้องมาใช้ทางลัดแก้ขัดกันไปพลาง ๆ โดยหลังจากเลิกใช้งานในตอนเย็นที่กลับถึงบ้านแล้ว ให้นำเบกกิ้งโซดามาเทใส่ไปในรองเท้า และปล่อยทิ้งไว้ตลอดคืน เช้ามาก็ค่อยเคาะออก เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดกลิ่นอับด้านใน ทำให้ใส่รองเท้าคู่ประจำออกนอกบ้านได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น
4 . การทำความสะอาดเฉพาะจุด

แม้จะดูแล และระวังสุดชีวิต เพื่อไม่ให้รองเท้าคู่เก่งที่เพิ่งซักมาต้องเลอะ แต่ในระหว่างวันก็อาจเจอน้ำกระเด็นใส่ หรือต้องเดินผ่านบริเวณที่มีน้ำขังบ้าง ซึ่งนั่นอาจทำให้รองเท้าเลอะเทอะ และเกิดคราบเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่ถ้าไม่อยากรอจนคราบเริ่มฝังแน่น หรือสะสมเยอะ ๆ จึงค่อยซัก ก็สามารถใช้ฟองน้ำหรือสำลีชุบน้ำสบู่อ่อน ๆ มาถูวนตรงที่มีคราบ และค่อยนำผ้าสะอาดมาผ้าซับออกอีกที เท่านี้คราบเล็ก ๆ ที่มากวนใจในแต่ละวัน ก็จะหลุดออกไป รองเท้าก็จะเหมือนเพิ่งซักใหม่ได้ทุกวันเพราะไม่ต้องทนรอให้เลอะจนสะสม
5 . การทำความสะอาดพื้นรองเท้า

ดูแลทำความสะอาดคราบเลอะ ที่พื้นผิวรองเท้ากันไปแล้ว ส่วนต่อมาก็คือพื้นรองเท้านั่นเอง แม้จะเป็นส่วนที่คราบอาจเลอะและฝังแน่นได้ยากกว่า แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจทำความสะอาดได้ยากขึ้น ซึ่งการทำความสะอาดพื้นยางด้านล่างนั้น ไม่ยากเลย แค่หาแปรงสีฟันอันเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วมาบีบยาสีฟันลงไปตามปกติ และนำไปขัด ๆ ถู ๆ ที่พื้นยาง หรืออีกวิธีคือการใช้คลีนซิ่งลบเครื่องสำอาง มาบีบใส่สำลีและนำไปถู ก็ทำให้พื้นรองเท้าสะอาดได้เหมือนกัน
6 . รองเท้าแห้งไวได้ด้วยไดร์เป่าผม

ไม่ว่ารองเท้าจะเปียกจนชุ่ม หรือแค่อับชื้นนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ถือว่ายังแห้งไม่ทันใจ ให้พร้อมใช้งานได้อยู่ดี ในเมื่อตากไม่ทัน แดดไม่มี สิ่งที่ช่วยได้ก็คือไอเท็มพื้นฐานในบ้านอย่างไดร์เป่าผมนั่นเอง โดยอันดับแรก ให้นำแผ่นรองด้านในรองเท้าออกมา พร้อมทั้งคลายเชือกหรือสายรัดออก เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้มากขึ้น จากนั้นก็ลงมือเป่าลมร้อนเข้าไปช่วยให้รองเท้าแห้งแบบติดสปีดกันเลย
7. สับเปลี่ยนพื้นรองเท้าด้านใน

แม้รองเท้าจะสะอาด และไร้กลิ่นแล้ว แต่บางครั้งพอต้องใส่รองเท้าคู่เดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน ในช่วงที่อากาศชื้น ก็ทำให้ไม่สบายเท้าได้เหมือนกัน ซึ่งวิธีแก้ง่าย ๆ คือการหาพื้นรองเท้าด้านใน มาสับเปลี่ยนนั่นเอง อยากได้กี่อันก็สามารถซื้อตุนไว้ได้จากห้างสรรพสินค้าทั่วไป พอผ่านไปอีกวันก็นำแผ่นใหม่มาวางแทน แผ่นเก่าก็นำออกไปตาก หรือทำความสะอาด และสลับกลับมาใช้ใหม่ ไม่ต้องทนเหนอะหนะเท้าให้ลำบาก และไม่ต้องรีบทำความสะอาดบ่อย ๆ ด้วย
8 . ปกป้องรองเท้าก่อนลุยฝน

ทำความสะอาดรองเท้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาก็คือการดูแลปกป้อง ไม่ให้น้ำฝนหรือคราบต่าง ๆ มาทำอะไรรองเท้าเราได้ง่าย ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีทั้งสเปรย์นาโน แบบสำเร็จรูปพร้อมใช้งานที่แค่นำมาฉีดพ่นรองเท้าให้ทั่ว และทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน ก็ช่วยป้องกันคราบเลอะติดได้ ส่วนอีกวิธีที่ทำได้เอง ก็คือการนำเทียนหรือขี้ผึ้งมาถูลงไปบนรองเท้าให้หนาพอประมาณ ตามด้วยการนำไดร์มาเป่าลมร้อนให้เนื้อเทียนค่อย ๆ ซึมลงไปเคลือบผิวรองเท้า เป็นการป้องกันอีกชั้นเพื่อไม่ให้น้ำหรือคราบต่าง ๆ ซึมลงไป ทีนี้ก็จะเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
9 . ใช้ถุงคลุมรองเท้ากันฝน

ถ้าไม่อยากต้องคอยกังวล หรือทำความสะอาดบ่อย ๆ และพร้อมลุยออกจากบ้านโดยไม่ต้องแคร์ฝน ก็แนะนำถุงคลุมรองเท้า ที่ออกแบบมาอย่างเฉพาะ ไอเทมนี้จะเป็นตัวช่วยเสริมสำหรับป้องกันรองเท้าจากน้ำ และคราบเลอะต่าง ๆ โดยแค่สวมถุงคลุมรองเท้า ทับเข้าไปหลังจากใส่รองเท้าคู่โปรด ไม่ว่าฝนจะตก น้ำจะขัง หรือโคลนจะกระเด็นมากี่ครั้ง ก็ทำอะไรรองเท้าของเราไม่ได้! พอใช้งานเสร็จหรืออยู่ในอาคารที่ร่ม ก็สามารถถอดออกและนำไปทำความสะอาด เพื่อนำกลับมาสวมอีกครั้งได้อย่างสบาย ๆ
เคล็ดลับการตากผ้าในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ