เปิดลายแทงชมงานศิลปะ Bangkok Art Biennale ที่ One Bangkok Art Loop
เสพศิลป์ใจกลางเมืองในเส้นทาง Art Loop โครงการ One Bangkok กับ 7 ชิ้นงานสำคัญของเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Bangkok Art Biennale 2024

เข้าสู่เดือนสุดท้ายแล้วกับเทศกาลศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ Bangkok Art Biennale 2024 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในครั้งนี้เราจะพาไปชมผลงานที่จัดแสดงอยู่ในโครงการใหม่ใจกลางเมือง One Bangkok หนึ่งในสถานที่แสดงงานศิลปะจากหลากหลายศิลปิน ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในอาร์ตลูป (art loop) หรือเส้นทางแห่งศิลปะที่ครอบคลุมทั่วโครงการ
เส้นทางแห่งศิลปะดังกล่าว ตั้งใจสื่อสารงานศิลปะให้เข้ากับยุคสมัย เข้าถึงได้ง่าย สอดคล้องไปกับวัฒนธรรม และสร้างความยั่งยืนให้แก่คนเมือง หลากหลายชิ้นงานสำรวจลึกลงไปถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่ก่อนจะเป็นเมืองต้นแบบแห่งนี้ เพื่อระลึกถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของถนนวิทยุอันยาวนาน
โดยมีผลงานประติมากรรมที่ติดตั้งถาวรอยู่จำนวน 2 ชิ้นงาน จาก 2 ศิลปินระดับโลก ได้แก่ อนิช คาพัวร์ (Anish Kapoor) และ โทนี แคร็กก์ (Tony Cragg) ประติมากรรมอันทรงพลังทั้งสองชิ้นจะกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของกรุงเทพฯ ติดตั้งอยู่บริเวณลาน One Bangkok Park
S-Curve


แผ่นสเตนเลสขัดเงาดัดโค้งเป็นรูปตัวเอส (S) พื้นผิวกระจกคล้ายรูปทรงนูนและเว้า เมื่อติดตั้งอยู่บริเวณพลาซ่าจึงทำให้สะท้อนภาพของบริบทรอบๆ ขยายและบิดเบี้ยว เกิดเป็นภาพลวงจากการเคลื่อนไหว ชิ้นงานดังกล่าวได้ซึมซับสภาพแวดล้อมเข้าไปในอีกโลกหนึ่งที่ มนุษย์ ธรรมชาติและสถาปัตยกรรมปะทะกันพัลวัน เป็นเอกภาพที่และดูงดงามและน่าฉงนในขณะเดียวกัน
พิกัด: ลาน One Bangkok Park
“It is, it isn’t”


แผ่นสเตนเลสซ้อนตัวเรียงรายขึ้นไปเป็นชั้นๆ ก่อรูปเป็นทรงอันโดดเด่น อยู่บริเวณลานพลาซ่าในโครงการ วันแบงค็อก งานศิลปะชิ้นนี้รายล้อม ด้วยตึกสำนักงาน ต้นไม้ และสวน ศิลปินจึงสื่อสารถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมและธรรมชาติ โดยนำวัสดุที่มีความเป็นอุตสหกรมหนักหน่วง มาออกแบบให้เกิดเส้นโค้งดูแวววาวลื่นไหล คล้ายการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบอย่างลงตัว ผลงานของเขากลายเป็นแลนด์มาร์กที่ย้ำเตือนว่าสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นและธรรมชาติสามารถอยู่ร่วมกันได้
แผ่นสเตนเลสขัดเงาดัดโค้งเป็นรูปตัวเอส (S) พื้นผิวกระจกคล้ายรูปทรงนูนและเว้า เมื่อติดตั้งอยู่บริเวณพลาซ่าจึงทำให้สะท้อนภาพของบริบทรอบๆ ขยายและบิดเบี้ยว เกิดเป็นภาพลวงจากการเคลื่อนไหว ชิ้นงานดังกล่าวได้ซึมซับสภาพแวดล้อมเข้าไปในอีกโลกหนึ่งที่ มนุษย์ ธรรมชาติและสถาปัตยกรรมปะทะกันพัลวัน เป็นเอกภาพที่และดูงดงามและน่าฉงนในขณะเดียวกัน
พิกัด: ลาน One Bangkok Park
Myth 4 & Scale for Filtration

ศิลปิน Tian Xiaolei

ศิลปิน Tian Xiaolei

ศิลปิน Tian Xiaolei
ผสมผสานศิลปะคลาสสิกกับเทคโนโลยีร่วมสมัยและอนาคตที่คาดเดาเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อด้วยงานวีดิทัศน์ดิจิทัลและศิลปะจัดวาง ผลงานศิลปะของเขาสำรวจบริเวณที่มนุษย์กับเทคโนโลยีมาตัดกัน สะท้อนให้เห็นกว่าความก้าวหน้าทางดิจิทัลได้เปลี่ยนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม อารมณ์และอัตลักษณ์ของมนุษย์ไปอย่างไร ด้วยการนำโมทีฟแบบดั้งเดิมมาตีความใหม่และใช้แก่นความคิดเรื่องปัญญาประดิษฐ์และความทะเยอทะยานด้านพันธุศาสตร์ เถียนสร้างสิ่งแวดล้อมโอบล้อมรอบด้านและเหนือจริงซึ่งท้าทายมุมมองแบบเดิม ๆ
แผ่นสเตนเลสขัดเงาดัดโค้งเป็นรูปตัวเอส (S) พื้นผิวกระจกคล้ายรูปทรงนูนและเว้า เมื่อติดตั้งอยู่บริเวณพลาซ่าจึงทำให้สะท้อนภาพของบริบทรอบๆ ขยายและบิดเบี้ยว เกิดเป็นภาพลวงจากการเคลื่อนไหว ชิ้นงานดังกล่าวได้ซึมซับสภาพแวดล้อมเข้าไปในอีกโลกหนึ่งที่ มนุษย์ ธรรมชาติและสถาปัตยกรรมปะทะกันพัลวัน เป็นเอกภาพที่และดูงดงามและน่าฉงนในขณะเดียวกัน
พิกัด: The Storeys, ชั้น 2
Wood for the Trees

ศิลปิน Rob Crosse

ศิลปิน Rob Crosse
Wood for the Trees ถ่ายทำที่ Lebensort Vielfalt am Südkreuz โครงการที่พักอาศัยของชาว LGBTQ+ หลายช่วงวัยซึ่งบริหารงานโดยศูนย์ให้คำปรึกษา Schwulenberatung ที่กรุงเบอร์ลิน ภาพอันงดงามของผู้อาศัยและกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ ตัดสลับกับภาพนักวิทยาศาสตร์ทำงานศึกษาป่าโบราณท่ามกลางความเงียบสงบ มีความหลากหลายทางชีววิทยา ความสัมพันธ์ของทั้งสองเส้นเรื่องชวนให้เปรียบเทียบกับถึงการรักษาดูแล ความสูงวัยและความพอเพียงของบริบท
พิกัด: The Storeys, ชั้น 2
Some velvet morning

ศิลปิน Jennie Bringaker

ศิลปิน Jennie Bringaker
ประติมากรรมแมวอันน่าหลงใหล อันสื่อถึงความพร่าเลือนระหว่างความสมจริงและจินตนาการ โดยหลอมรวมคุณลักษณะของมนุษย์เข้ากับธรรมชาติ จนเกิดเป็นรูปร่างอันเป็นมนุษย์กึ่งสัตว์ ซึ่งสะท้อนถึงทั้งตัวตนและสัญลักษณ์แห่งความเป็นมารดา Some Velvet Morning เชื้อเชิญให้เราครุ่นคิดถึงบทบาทของศิลปะรูปทรง (figuration) ในการทำความเข้าใจโลก ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน เพื่อสร้างภาพฝันแห่งการเปลี่ยนแปลงและสะท้อนความสัมพันธ์ของเรากับธรรมชาติ เป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังของจินตนาการและการแทนความหมาย (representation) ในการกำหนดอนาคตที่ปรารถนา
พิกัด: The Storeys, ชั้น 2
A Conversation With a Potter

ศิลปิน Pim Sudhikam

ศิลปิน Pim Sudhikam

ศิลปิน Pim Sudhikam
ด้วยสนใจความเป็นแก่นแท้ของ “ดิน” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างงาน ศิลปินจึงนำดินเหนียวที่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นดินจากโครงการก่อสร้างในพื้นที่ประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯและโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในจุดต่างๆมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำและสร้างภาชนะขึ้นด้วยมือและปลายนิ้วของตนด้วยกระบวนการภายใต้ข้อจำกัดของเครื่องมือและเทคนิคเช่นเดียวกับช่างปั้นหม้อในอีกกาลเวลาหนึ่ง ภาชนะที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันกับภาชนะดินเผาก่อนประวัติศาสตร์และภาชนะที่มีรูปทรงที่สะท้อนการใช้งานในปัจจุบันเหล่านี้เป็นเสมือนสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนบทสนทนาระหว่างช่างปั้นหม้อจากสองกาลเวลาที่เชื่อมโยงความทรงจำของผืนดินด้วยดินจากแผ่นเปลือกโลกเดียวกันผ่านเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกัน
พิกัด: The Storeys, ชั้น 2
Zero

ศิลปะจัดวางอันเกิดจากการขบคิดถึงสิ่งรอบตัวเราอย่าง “สระว่ายน้ำ” โดยเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งกับสถาปัตยกรรม เพื่อท้าทายมุมมองเดิมที่ผู้คนมีต่อประติมากรรมสาธารณะ โดยการหยิบยกเพียงองค์ประกอบที่จำเป็น แต่พลิกนำมาพลิกแพลง เพื่อให้ผู้ชมได้ลองมองสิ่งรอบตัวในมุมใหม่ ไปพร้อมๆ กับเติมความหมายของตนเองลงไปในช่องว่างใจกลาง Zero ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า
พิกัด: Parade Park
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.bkkartbiennale.com
FB: BkkArtBiennale
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล, ธนายุต วิลาทัน, ภาพประชาสัมพันธ์