บ้านใต้ถุนสูงแบบไทยประยุกต์ เปิดโล่ง รับลมเย็นสบายทั้งวัน
บ้านใต้ถุนสูงแบบไทยประยุกต์ ที่ภายในบ้านส่วนใหญ่แบ่งพื้นที่ด้วยวิธีซึ่งสามารถเปิดโล่งไว้ได้ตลอดและสามารถปิดได้เมื่อต้องการ และไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของบ้านก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสวนรอบๆบ้าน เป็นการใช้ภูมิปัญญาของการสร้างบ้านไทยผสมกับการออกแบบบ้านร่วมสมัย ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน





บ้านใต้ถุนสูงแบบไทยประยุกต์ ของ คุณแพท-สุทธิลักษ์ ชมิดต์ แม้ชื่อเล่น นามสกุล และรูปร่างหน้าตาของเจ้าของบ้านหลังนี้ จะไม่บ่งบอกถึงลักษณะของคนไทย แต่บ้านที่เธอออกแบบด้วยตัวเองในจังหวัดเชียงรายหลังนี้ สะท้อนถึงความเป็นไทยที่อยู่ในตัวเธอได้มากทีเดียว
คุณแพทย้ายจากกรุงเทพฯมาอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว ทิ้งชีวิตนางแบบและงานศิลปะในเมืองใหญ่มาจับงานศิลปะเพื่อการใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆแห่งนี้แทน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างรีสอร์ตขนาดเล็กอารมณ์ไทยแท้ ที่เธอตั้งชื่อว่า “Naga Hill” ภายในรั้วเดียวกันนี้จึงมีทั้งรีสอร์ตซึ่งประกอบด้วยบ้าน 9 หลัง บ้านของคุณแพท และบ้านพักพนักงานอีกหลายชีวิต อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ (แต่ถ้าจะนับจริงๆ ควรต้องรวมคอกของวัวอีกหลายตัว ที่คุณแพทเลี้ยงเอามูลมาเป็นปุ๋ยด้วย) แต่ละส่วนแยกกันอยู่อย่างเป็นสัดส่วนในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยมีสวนแบบธรรมชาติเป็นตัวเชื่อม ให้บรรยากาศที่ดูคล้ายหมู่บ้านขนาดเล็ก

สำหรับ บ้านใต้ถุนสูงแบบไทยประยุกต์ หลังนี้ เดิมเป็นบ้านพักพนักงาน มีลักษณะแบบบ้านไทยประยุกต์ สร้างด้วยไม้เก่าเพื่อให้ได้บรรยากาศแบบบ้านไม้ทางภาคเหนือ หลังจากพบว่าบ้านหลังเล็กที่อยู่มาตั้งแต่ต้นเริ่มคับแคบไป คุณแพทจึงเริ่มปรับปรุงบ้านหลังนี้และต่อเติมส่วนต่างๆให้เหมาะกับการอยู่อาศัยยิ่งขึ้น เช่น แบ่งพื้นที่ภายในบ้านใหม่ และทำใต้ถุนเป็นห้องพักแขกและห้องทำงาน แล้วใช้บ้านหลังเล็กเป็นพื้นที่ของสำนักงาน ห้องพักแขก และห้องครัว



ก่อนขึ้นไปชมบ้าน เราถอดรองเท้าที่ตีนบันได แล้วเดินขึ้นไปสู่พื้นที่หลักของบ้าน มีมุมเล็กๆสำหรับนั่งใส่รองเท้าก่อนเข้าสู่โถงกลางบ้านที่เปิดโล่ง ซึ่งหากเทียบกับบ้านเรือนไทยแล้วก็ทำหน้าที่คล้ายชานบ้านที่เชื่อมเรือนแต่ละหลังเข้าด้วยกัน ห้องต่างๆที่แยกจากโถงกลางก็มี ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องนอน และมีบันไดเวียนลงไปสู่ห้องใต้ถุน ที่เราเรียกส่วนต่างๆว่าห้อง เพื่อให้เห็นถึงการแบ่งพื้นที่ใช้งานที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าในความเป็นจริงแล้ว มีเพียงห้องนอนเท่านั้นที่ปิดล้อมด้วยผนังและประตูมิดชิดพอที่จะเรียกว่าห้อง แต่ส่วนอื่นนั้นแบ่งพื้นที่ด้วยวิธีซึ่งสามารถเปิดโล่งไว้ได้ตลอดและสามารถปิดได้เมื่อต้องการ เช่น ส่วนนั่งเล่นที่ยกระดับพื้นขึ้นแล้วใช้ม่านสีแดงกั้น และส่วนรับประทานอาหาร ที่เป็นส่วนของระเบียงบ้าน ทำประตูบานเฟี้ยมลูกฟักกระจกซึ่งสามารถปิดได้ในเวลากลางคืนหรือเมื่อฝนตก ด้วยหลักการในการเปิดและปิดพื้นที่เช่นนี้ ทำให้ในตอนกลางวัน เมื่อพื้นที่ในบ้านเปิดโล่งถึงกัน จะมีลมพัดเย็นสบาย และได้แสงสว่างเพียงพอ นอกจากนี้ ทุกส่วนของบ้านยังสามารถเปิดออกไปสู่ภายนอกได้ จึงมีทางเข้า-ออกของบ้านมากกว่าหนึ่งทาง เพื่อความสะดวกในการออกไปดูแลความเรียบร้อยรอบๆรีสอร์ต และไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของบ้านก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสวนรอบๆบ้าน นับว่าเป็นการใช้ภูมิปัญญาของการสร้างบ้านไทยผสมกับการออกแบบบ้านร่วมสมัย ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน


นอกจากการเปิดพื้นที่โล่งแบบบ้านไทย อีกประเด็นที่น่าสนใจในการออกแบบบ้านหลังนี้ก็คือเรื่องของขนาดและสัดส่วน ซึ่งเราพบว่าได้ปรับขนาดให้เข้ากับผู้อยู่อาศัยและการใช้งาน เช่น ระยะของพื้นในส่วนนั่งเล่นที่ยกขึ้นสูงกว่าช่องแมวลอดของบ้านไทยเล็กน้อยเพื่อให้ได้ระดับที่นั่งสบาย หรือระเบียงที่วางโต๊ะอาหารไม้ตัวยาวสำหรับรองรับการสังสรรค์ของญาติมิตรจำนวนมากได้พอดี ขณะเดียวกัน การปรับขนาดก็ไม่ได้ทำให้สัดส่วนของบ้านผิดเพี้ยนไปจากสัดส่วนที่สวยงามของบ้านไทย






ระหว่างการพูดคุย คุณแพทเล่าถึงความพยายามในการทำความเข้าใจกับช่างชาวท้องถิ่นต่อไอเดียต่างๆในรายละเอียดของบ้านที่ช่างอาจไม่คุ้นเคย ผลของความพยายามนั้นทำให้บ้านหลังนี้มีเสน่ห์มากกว่าบ้านสำเร็จรูปอยู่มากโข โดยเฉพาะการนำวัสดุธรรมชาติที่ราคาถูกและหาได้ง่ายในท้องถิ่นมาใช้ เช่น ผนังกรุไม้ไผ่สาน เครื่องจักสานที่นำมาประยุกต์เป็นของใช้ ผสมผสานกับวัสดุสมัยใหม่อย่างเหล็กดัดโค้งเป็นลวดลาย การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เก่ามาจัดวางควบคูกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ที่ทำใหม่ หรือแม้แต่การวางเบาะผ้าคู่กับหมอนขวานใส่ปลอกลายผ้าถุงในมุมต่างๆ ทั้งหมดนี้ไม่เพียงสวยงามน่ามอง ยังสะท้อนถึงรสนิยมที่เกิดจากความเข้าใจและรู้จักตัวเองอย่างดีเยี่ยมของผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย



เราใช้เวลาอยู่ที่ บ้านใต้ถุนสูงแบบไทยประยุกต์ หลังนี้ จนดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า รู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศสงบสบายและอัธยาศัยของคนที่นี่จนไม่อยากกลับ นึกถึงคำพูดของคุณแพทที่เล่าว่า หลังจากพยายามทำสวนโดยไม่ใช้สารเคมีเลยมาหลายปี วันนี้ สวนที่นี่เริ่มมีหิ่งห้อยมาอาศัยอยู่บ้างแล้ว ด้วยแววตาที่เปี่ยมความสุข สะท้อนให้เราเห็นว่า เมื่ออยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ เราสามารถมีความสุขได้ง่ายๆ ด้วยการอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ โดยไม่ต้องไปไขว่คว้าหาสิ่งใดให้มากมายไกลตัวเลย
เจ้าของ-ตกแต่ง : คุณสุทธิลักษ์ ชมิดต์
เรื่อง : ภัทรสิริ อภิชิต
ภาพ : ศุภกร, ภัทรสิริ
นิตยสารบ้านและสวน ฉบับเมษายน 2550