19. ราชพฤกษ์
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-29.jpg)
![พรรณไม้ดอก](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-30.jpg)
ไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบในวงศ์ Fabaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cassia fistula สูงได้ถึง 5-15 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ขนาด 4-6 เมตร เปลือกเรียบเกลี้ยงสีเทาอ่อน สีเทาอมน้ำตาลหรือสีนวล ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 3-8 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปไข่แกมรูปขอบขนานปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบบางเกลี้ยงเป็นมัน ดอกสีเหลืองออกเป็นช่อแบบช่อกระจะยาวตามซอกใบห้อยย้อยลง ช่อดอกโปร่ง ยาว 20-45 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่กว้าง 5-8 เซนติเมตร ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ผลเป็นฝักทรงกระบอก ผิวเกลี้ยงสีดำ ยาว 20-60 เซนติเมตร ห้อยลงจากกิ่ง เมล็ดรูปแบนมน สีน้ำตาลเป็นมัน เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนปนทราย ทนดินเลว ชอบน้ำและความชื้นน้อยถึงปานกลาง ชอบแสงแดดเต็มวัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง เป็นไม้ประจำชาติไทย สัญลักษณ์ทางศาสนา ไม้มงคล ตกแต่งริมถนนและในสวน ปลูกริมทะเล เมื่อล้อมมาต้องพักฟื้นจนแตกใบใหม่ และรอใบใหม่แก่แล้วจึงใช้งานได้ดี ไม่ควรปลูกเป็นจำนวนมากในที่เดียว เพราะถ้ามีแมลงเข้าทำลายอาจตายทั้งกลุ่ม
20.ลำดวน
![พรรณไม้ดอก](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-31.jpg)
ไม้ยืนต้นขนาดกลางในวงศ์ Annonaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Melodorum fruticosum Lour. สูงประมาณ 4 – 8 เมตร ทรงพุ่มกลม ไม่ผลัดใบ พุ่มใบสวย ชอบขึ้นในที่โล่งและมีแสงแดด พบมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดอกบานวันเดียวแล้วโรยในวันรุ่งขึ้น ส่งกลิ่นหอมแรงตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเช้า แต่ยังคงกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงกลางวัน ออกดอกเดือนมกราคม -มีนาคม ควรปลูกให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 5 เมตร ผลมีรสหวานอมเปรี้ยวรับประทานได้ เป็นพรรณไม้ที่ถูกกล่าวถึงในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง มีความเชื่อโบราณว่าให้ปลูกโดยผู้หญิงไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้านจะช่วยดึงดูดความรัก เสริมดวงทางเสน่ห์เมตตา เนื้อไม้ของต้นลำดวนมีความแข็งแรงทนทาน สามารถนำมาใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้ได้
21. ศรีตรัง
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-32.jpg)
![พรรณไม้ดอก](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-33.jpg)
ไม้ต้นขนาดเล็ก ผลัดใบในวงศ์ Bignoniaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Jacaranda obtusifolia Bonpl. สูงได้ถึง 4 – 10 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง เปลือกสีน้ำตาลอมเทา ใบประกอบแบบขนนกสองชั้นปลายคี่ ก้านใบรวมยาว 40 – 50 เซนติเมตร เรียงตรงกันข้าม ใบย่อย 12 – 21 คู่ รูปรีหรือรูปขอบขนานแกมรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ปลายใบแหลม โคนใบมน ขนาดเล็ก ดอกออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกรูปพีระมิด ยาว 5 – 9 เซนติเมตร ดอกย่อยจำนวนมาก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว 2 – 4 เซนติเมตร กลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีม่วงเข้ม ออกดอกเดือนธันวาคมถึงมีนาคม ผลเป็นฝักสีน้ำตาลอ่อน เมื่อแก่แตกออก เมล็ดมีปีกจำนวนมาก ชอบดินร่วน น้ำมาก แสงแดดตลอดวัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ระยะปลูกที่เหมาะสม 3 – 8 เมตร ต้นต้องมีอายุ 4 ปีขึ้นไปจึงให้ดอก เหมาะปลูกเป็นกลุ่มเป็นแถวประดับสนาม ถ้าปลูกในภาคเหนือและภาคใต้จะให้ดอกดก หากพื้นที่ปลูกแห้งแล้งมักทิ้งใบหมดต้น เป็นพรรณไม้ประจำจังหวัดตรัง พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต เป็นผู้นำเข้ามาปลูก
22. เสี้ยวดอกขาว
![พรรณไม้ดอก](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-34.jpg)
ไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบในวงศ์ Fabaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bauhinia variegata L. สูงไม่เกิน 15 เมตร ทรงพุ่มกลม เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน กิ่งอ่อนมีขนสั้นนุ่ม ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่กว้างหรือเกือบกลม ขนาด 6 – 16 เซนติเมตร ปลายใบเว้าลึก โคนใบมนหรือเว้าเป็นรูปหัวใจ ใต้ใบมีขนนุ่ม ละเอียดบางๆ ออกดอกแบบช่อกระจะสั้นๆ ที่ปลายกิ่ง 2 – 3 ดอก เส้นผ่านศูนย์กลาง 7 – 12 เซนติเมตร กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กลับ สีขาวหรือสีม่วง ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี ผลเป็นฝักแห้งแตกเป็น 2 ซีกแบบฝักถั่ว กว้าง 2 – 2.5 เซนติเมตร ยาว 20 – 30 เซนติเมตร เมล็ดกลมมี 10 – 25 เมล็ด ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี น้ำปานกลาง แสงแดดตลอดวัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ชอบอากาศเย็น ทนแล้งได้ดี ปลูกในสวน ริมถนน ริมทางเดิน เปลือกมีสารแทนนิน ใช้ย้อมแห อวน ให้คงทน เนื้อไม้ใช้เป็นเชื้อเพลิง ใบอ่อนและฝักอ่อนรับประทานได้ เป็นพรรณไม้ประจำจังหวัดน่าน
23. เหลืองเชียงราย
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-35.jpg)
ไม้ต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ ในวงศ์ Bignoniaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tabebuia chrysotricha (Mart. ex DC.) Standl. สูง 3-6 เมตร ใบประกอบรูปนิ้วมือ เรียงตรงข้ามใบย่อย 5 ใบ รูปรีแกมรูปไข่กลับ แผ่นใบสาก มีขนสีน้ำตาลปกคลุม โคนใบสอบ ปลายใบแหลมมน ขอบใบหยักห่างๆ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอด มีขนสีน้ำตาลคลุม หนาแน่น กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง เชื่อมติดกันเป็นหลอด รูปแตร ผลเป็นผลแห้งแตก สีน้ำตาล มีขนคลุมหนาแน่น เมล็ดแบน มีปีก จำนวนมาก ดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกเหลืองปรีดียาธร ออกดอกช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน ชอบดินร่วน อากาศเย็น แสงแดดจัด น้ำปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
24. เหลืองปรีดียาธร
![พรรณไม้ดอก](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-36.jpg)
ไม้ต้นขนาดเล็ก ผลัดใบในวงศ์ Bignoniaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Roseodendron donnell-smithii (Rose) Miranda สูง 8-10 เมตร เรือนยอดรูปไข่ แตกกิ่งก้านเป็นชั้น มีเปลือกสีน้ำตาลแตกเป็นร่อง ใบประกอบรูปนิ้วมือ มีใบย่อย 5-7 ใบ รูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบมนหรือสอบ ใบเหลือบสีเงินทั้งสองด้าน ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง 7-15 ดอก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยก 5 กลีบ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ผลเป็นฝักสีเทา ชอบดินร่วนระบายน้ำดี น้ำปานกลาง ทนแล้งได้ดี แสงแดดเต็มวัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด นิยมปลูกประดับสวนทั้งแบบต้นเดียว เป็นกลุ่ม ในสนาม สวนหรือมุมอาคาร สามารถปลูกริมถนน แต่เปลือกมักแตกและผุตามธรรมชาติ ต้องพ่นยากันรา
25. อินทนิล
![พรรณไม้ดอก](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2022/08/25flowers-37.jpg)
ไม้ต้นผลัดใบในวงศ์ Lythraceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lagerstroemia speciosa(L.) Pers. สูง 10 – 25 เมตร เปลือกลำต้นสีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน ผิวค่อนข้างเรียบ อาจตกสะเก็ดเป็นแผ่นบาง ๆ บ้างเล็กน้อย ปลายใบแหลแผ่นใบค่อนข้างหนาเป็นมันทั้งสองด้านไม่มีขน ดอกออกเป็นช่อตั้งที่ปลายกิ่ง ดอกสีม่วงสด ม่วงอมชมพูหรือชมพู และสีจะซีดจางลงเมื่อดอกโรย ออกดอกเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ชอบแดดเต็มวัน ทนแล้ง นิยมปลูกริมถนนทางเดินและริมบ่อน้ำ
ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน