บ้านไม้ผสมคอนกรีตเปลือย ในย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ที่ยังคงความสงบตามวิถีชาวบ้าน
บ้านไม้ผสมคอนกรีตเปลือย หลังนี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองกรุงเทพฯที่ยังคงความสงบตามวิถีชาวบ้าน เป็นบ้านหลังใหญ่ที่ใช้ไม้และโครงสร้างคอนกรีตปูนเปลือยเป็นวัสดุหลัก


เจ้าของ บ้านไม้ผสมคอนกรีตเปลือย หลังนี้ คือ พี่โหน่ง – คุณชาตรี ลดาลลิตสกุล ซึ่งเดินออกมาต้อนรับทีมงาน “บ้านและสวน” อย่างเป็นกันเอง นอกจากเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัทต้นศิลป์ สตูดิโอ จำกัด แล้ว พี่โหน่งยังเป็นสถาปนิกรุ่นพี่ที่รุ่นน้องๆอย่างผมและในวงการทุกคนให้ความเคารพ ด้วยฝีไม้ลายมือที่จัดเจนและมีกระบวนการออกแบบที่ลึกซึ้ง


พี่โหน่งเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างบ้านหลังนี้ว่า “ตั้งใจจะสร้างบ้านที่เป็นสถาปัตยกรรมไม้เป็นหลัก เพราะประเทศไทยของเรามีจุดเด่นและจุดแข็งคือสถาปัตยกรรมไม้ การใช้วัสดุไม้ทำให้เรามีภูมิปัญญาที่เป็นวัฒนธรรมของเราเอง พึ่งตนเองได้ในเรื่องของการสร้างที่อยู่อาศัย นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด”

เดิมทีเดียวพี่โหน่งพักอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองซึ่งรายล้อมไปด้วยความเจริญ แต่ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะมีบ้านไม้บรรยากาศเหมือนบ้านในต่างจังหวัดเป็นของตนเองสักหลัง จึงตัดสินใจซื้อไม้จากที่ต่างๆมาเก็บสะสมไว้ทั้งไม้ใหม่และไม้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ประจวบกับเมื่อเจอที่ดินบรรยากาศสงบผืนนี้ จึงตัดสินใจซื้อและเริ่มออกแบบทันที พี่โหน่งเล่าถึงแนวคิดในการออกแบบให้ฟังว่า “หัวใจคือต้องอยู่สบายทั้งกายและใจ มีความสงบ การตกแต่งภายในเป็นแบบเรียบง่ายด้วยของน้อยชิ้น การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก เปิดโอกาสให้ตัวสถาปัตยกรรมได้แสดงพลังซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมันออกมาได้ อย่างเต็มที่”

พี่โหน่งใช้ช่างไม้ที่เป็นช่างชาวบ้านมาร่วมก่อสร้างและปรับแก้รายละเอียดหน้างานอีกหลายครั้งโดยไม่เร่งรีบ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุด เพราะตั้งใจจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้สถาปนิกรุ่นหลังได้เห็นวัฒนธรรมบ้านไม้ไทยแบบร่วมสมัยที่หาได้ยาก จึงใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 3 ปี

บ้านหลังนี้มีทั้งหมด 3 ชั้นและวางผังเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่พักอาศัยและส่วนสำนักงานขนาดเล็ก ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่เว้นระยะระหว่างโครงสร้างเสาถึง 10 เมตร และถือเป็นหัวใจของบ้านหลังนี้ เมื่อเราเดินเข้ามาภายในบ้านจะพบที่ว่างขนาดใหญ่ที่หันหน้ารับกับแนวทิศเหนือ-ใต้พอดิบพอดี เป็นโถงรับแขกที่เรียบง่ายและธรรมดาที่สุด แต่สัมผัสได้ถึงลมธรรมชาติที่พัดเข้ามาตลอดเวลา

ด้านหน้ามีสระนํ้าเล็กๆที่ช่วยทำให้กระแสลมที่พัดเข้ามานั้นเย็นลงและเกิดความสงบขึ้นทุกครั้งที่เฝ้ามอง พื้นที่ชั้นล่างจะเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารและครัวไทยในฝั่งหนึ่ง มีการออกแบบพื้นที่สำหรับใช้สอนเปียโนของคุณครูแหม่ม ซึ่งเป็นภรรยาของพี่โหน่งในอีกฝั่งหนึ่ง ชั้น 2 จะเป็นส่วนสำนักงานขนาดเล็กที่อยู่คนละฝั่งกับห้องนอนที่เชื่อมต่อไปยังส่วนอเนกประสงค์บนชั้น 3 ที่ใช้สำหรับกิจกรรมนันทนาการ หรือแม้แต่การวาดรูปที่พี่โหน่งชื่นชอบ

ภายในส่วนใหญ่จะใช้ไม้สักในการตกแต่งเป็นหลักร่วมกับไม้ชนิดอื่น ควบคู่ไปกับการใช้คอนกรีตปูนเปลือยโดยเน้นธรรมชาติของวัสดุและสัจจะของเนื้อ วัสดุให้มากที่สุด พี่โหน่งได้ฝากข้อคิดทิ้งท้ายไว้ว่า
“น่าเสียดายที่วัฒนธรรมและค่านิยมของการก่อสร้างบ้านไม้กำลังจะเลือนหายไป พร้อมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยที่สั่งสมกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านความรู้ในการก่อสร้างบ้านเรือน เพราะถ้าสิ่งเหล่านี้ได้สูญสิ้นไปแล้ว อารยธรรมสถาปัตยกรรมไทยจะไม่เหลืออะไรต่อไปให้ลูกหลานอีกเลย”

สถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม วันเวลาที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยอาจนำพาความศิวิไลซ์เข้ามาแทนที่ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเรานำความเจริญเหล่านั้นมาต่อยอดอย่างสร้างสรรค์ในจุดยืน ที่มีวัฒนธรรมที่มั่นคง เพื่อไม่ให้สิ่งดีๆเหล่านี้ต้องเลือนหายไป เป็นการสืบต่อลมหายใจนี้ให้อยู่กับคนไทยและบ้านไทยไปอีกนานเท่านาน
เจ้าของ : คุณชาตรี ลดาลลิตสกุล-คุณกุสุมา ฉันทภาค
ออกแบบ : บริษัทต้นศิลป์ สตูดิโอ จํากัด โดยคุณชาตรี ลดาลลิตสกุล
เรื่อง : ศุภชาติ บุญแต่ง
ภาพ : ชัยพฤกษ์ โพธิ์แดง