รีวิวไม้ใบยอดฮิตทั้ง 14 สกุล ในวงศ์อราซีอี(Araceae) จากประสบการณ์จริง

หากคุณพึ่งเข้าสู่วงการต้นไม้ใบหรือต้องการปลูกต้นไม้ในบ้าน คุณต้องเริ่มต้นกับต้นไม้พวก     อโกลนีมา บอนสี หน้าวัวใบ มอนสเตอรา หรือฟิโลเดนดรอน เหล่านี้คือต้นไม้พี่น้องกันในวงศ์อราซีอี(Araceae) ที่มีหลากหลายรูปทรงและสีสันของใบ ที่สำคัญปลูกไม่ยากและหลายชนิดเหมาะกับปลูกในบ้านได้สบายๆ แต่ต้นไม้แต่ละสกุลก็จะมีนิสัยเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป นำไปสู่การดูแลที่ต่างกันด้วยไปเล็กน้อย ผมไปร์ท-ปัญชัช ชั่งจันทร์ บรรณาธิการแผนกสวนจึงขอมารีวิวความต่าง นิสัย รวมไปถึงเคล็ดลับการดูแลจากประสบการณ์การปลูกจริงๆ ที่ผ่านมาครับ

รู้จักกับวงศ์อราซีอี(Araceae) กันสักนิด

  • วงศ์อราซีอี(Araceae) มีชื่อเรียกง่ายๆกันว่าวงศ์บอน ดังนั้นจึงจัดเป็นต้นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ใบเลี้ยงเดียว มีลำต้นอยู่ใต้ดินในแบบเหง้าหรือหัวที่ช่วยสะสมอาหาร ส่วนที่อยู่บนดินจะมีลักษณะต่างกันตามสกุลต่างๆ
  • เป็นต้นไม้อวบน้ำ ส่วนใหญ่จึงชอบความชุ่มชื้น ที่แฉะ และส่วนใหญ่สามารถเติบโตในน้ำได้
  • ช่อดอกออกตามซอกใบใกล้กับปลายยอด มีปลีดอกและกาบรองดอกเด่นชัด ส่วนใหญ่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยมีสีสันสวยงามเท่าไหร่ ยกเว้นดอกหน้าวัวในสกุลแอนทูเรียม
  • ส่วนใหญ่ ผลมีเนื้อนุ่ม เมื่อสุกจะมีสีส้มหรือแดง ภายในมีเมล็ดแข็งที่สามารถเพาะได้
  • ทุกส่วนมียางใยที่มีพิษจากผลึกแคลเซียมออกซาเลต ส่วนผลให้ผิวหนังของทั้งคนและสัตว์เกิดอาการคันหรือบวมได้

สกุลอโลคาเซีย (Alocasia)

ระดับความยาก : ยาก

ที่ปลูก : หากปลูกในสวนควรเป็นบริเวณริมน้ำที่มีความชื้นสูง หากปลูกในบ้านควรอยู่บริเวณที่ได้รับแสงแดดช่วงเช้าอย่างริมหน้าต่างหรือระเบียง

ต้นไม้ชนิดอื่น : แก้วหน้าม้า นางกวัก ม้าลาย กระดาด หนังช้าง เป็นต้น

สิ่งสำคัญในการปลูก :

อโลคาเซียเป็นต้นไม้ที่จัดว่าดูแลยากพอสมควร เนื่องจากชอบดินร่วนซุยและความชื้นสูง แต่ห้ามสูงในระดับที่มีน้ำขังแม้แต่บริเวณจานรองกระถางหากเยอะเกินไป จนน้ำขังเป็นระยะเวลาหนึ่งใบจะร่วง ค่อยๆเน่า หยุดโต หรือยุบตัว แต่หากให้น้ำน้อยเกินไปก็ยุบตัวได้อีกเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว ยิ่งต้นที่ใบด่างจะโตช้ามาก และใบไหม้ได้ง่าย บางชนิดอย่างกระดาดดำดอกมีกลิ่นหอม

แสงแดดเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง อโลคาเซียส่วนใหญ่ชอบแสงแดด 50 เปอร์เซ็นต์ หากร่มกว่านี้ต้นจะโทรม ไม่แข็งแรง แต่หากแดดจัดไปใบก็จะไหม้ เหลือง หรือเหี่ยวได้ง่าย เรียกว่าต้องขยับย้ายที่กันจนเหนื่อยแน่นอนกว่าจะลงตัว

เราสามารถบำรุงด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยละลายช้าได้ในช่วยฤดูฝน ช่วงฤดูอื่นไม่มีความจำเป็นต้องใช้

สิ่งที่ต้องระวังคือศัตรูพืช มีทั้งหนอนผีเสื้อที่จะมากินใบได้อย่างรวดเร็ว หากไม่ดูดีๆอาจกินได้ถึงเหง้า อีกทั้งยังมีพวกไรแดงมากวนใจเสมอ หากปลูกในบ้านต้องสลับไปตั้งไว้นอกบ้านบ้างถือว่าช่วยได้มาก

สกุลอโกลนีมา (Aglaonema)

ระดับความยาก : ปานกลาง

ที่ปลูก : ใต้ต้นไม้ใหญ่ ระเบียงหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนที่ได้แสงแดดช่วงเช้า

ต้นไม้ชนิดอื่น : เสือพราน เขียวหมื่นปี ดุจอัญมณี ขันหมาก

สิ่งสำคัญในการปลูก :

อโกลนีมาเป็นพรรณไม้ที่มีลูกผสมเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา มีสีสันเยอะมาก แม้แต่ผมเองก็ไม่สามารถจดจำหรือแยกแยะชนิดต่างๆได้ง่าย เหมาะกับปลูกในกระถาง ส่วนใหญ่นิสัยเหมือนกันคือชอบอยู่ในที่ที่ได้รับแสงแดดอ่อนๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงแดดในช่วงเที่ยงและบ่ายเด็ดขาด เพราะจะทำให้ใบไหม้และสีซีด ไม่สวยเท่าที่ควร เหมาะกับใส่กระถางประดับในบ้าน และไม่ชอบที่อับชื้น ส่วนมากจะโตช้า

สิ่งที่ต้องระวังคือการรดน้ำ อโกลนีมาส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำแฉะ ควรรดน้ำแค่วันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว หากเลี้ยงในบ้านไม่ควรให้น้ำขังบริเวณจานรองมากเกินไป หากแฉะไป ใบจะซีดและเน่าอย่างรวดเร็ว ในฤดูฝนหากเป็นไปได้ ไม่จำเป็นต้องรดน้ำเลย

เครื่องปลูกใช้ใบกาบมะพร้าวกับดินใบก้ามปูช่วยรักษาความชื้น และใส่ปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอทุก 3 เดือน

ศัตรูพืชควรระวังในช่วงฤดูฝนจะมีเชื้อราและเพลี้ยชนิดต่างๆ ที่มักเกิดกับต้นไม้ที่อยู่ในบ้าน รวมไปถึงแมลงเจาะใบอย่างตั๊กแตน หนอนและหอยทาก ควรรีบกำจัดทิ้งและลิดใบที่เสียออก

สกุลแอนทูเรียน (Anthurium)

ระดับความยาก : ปานกลาง

ที่ปลูก : ทุกห้องภายในบ้านที่ได้รับแสงแดดบ้างเล็กน้อย หรือในสวนใต้ร่มต้นไม้ใหญ่

ต้นไม้ชนิดอื่น : หน้าวัว หน้าวัวใบ เจ้าสัว

สิ่งสำคัญในการปลูก :

หน้าวัวใบถือว่าเป็นต้นไม้ที่เหมาะกับการวางประดับในบ้านมากที่สุดสกุลหนึ่ง เพราะทนร่มได้ดี แต่ก็มีบางชนิดที่ชอบความชื้นสูง เช่น ควีนแอนทูเรียม และ คิงแอนทูเรียน หากได้รับแดดมากเกินไปใบจะไหม้ ส่วนใหญ่ราคาแพง เพราะโตช้า บางชนิดเป็นต้นไม้เลื้อยคล้ายกับสกุลฟิโลเดนดรอน เช่น หน้าวัวใบนิ้วมือ (Anthurium digitatum (Jacq.) Schott) หรือหน้าวัวใบมะละกอ (Anthurium clavigerum Poepp. in Poepp. & Endl.) ต่างกันที่กลิ่นของใบ ต้นไม้ในสกุลหน้าวัวใบจะไม่มีกลิ่น ต่างกับสกุลฟิโลเดนดรอนจะมีกลิ่นเฉพาะตัว บางต้นอาจสูงได้ถึง 2 เมตร จึงควรเลือกภาชนะและที่ตั้งให้เหมาะสม ควรปลูกในกระถางที่ยกสูงหรือตั้งไว้บนที่สูงเพื่ออวดทรงใบและบางชนิดมีใบห้อยยาวลงมามาก

ใช้วัสดุปลูกคือกาบมะพร้าสับผสมกับใบก้ามปู รดน้ำเพียงวันละ 2 ครั้ง และอาจต้องพ่นใบเพิ่มเติมในวันที่อากาศร้อนช่วงบ่าย ให้ปุ๋ยละลายช้าทุก 3 เดือน ศัตรูพืชมีบ้างเล็กน้อยเช่นเพลี้ยชนิดต่างๆ และหนอน รวมถึงหอยทาก

สกุลคาลาเดียม (Caladium)

ระดับความยาก : ยาก (ยกเว้นฤดูฝน)

ที่ปลูก : ระเบียงหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว ที่ได้รับแสงแดดรำไร ลมไม่แรงและไม่เปิดเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอ

ต้นไม้ชนิดอื่น : พระยาเศวต ซานโทโซมา

สิ่งสำคัญในการปลูก :

ที่รู้จักกันส่วนใหญ่ในชื่อว่าบอนสี ซึ่งมีการผสมสายพันธุ์ใหม่ๆอยู่เสมอ เป็นต้นไม้สะสมที่นิยมมาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5 ไม่ชอบแสงแดดจัด หากได้รับแสงแดดมากเกินไปเพียงวันเดียวก็จะเหี่ยวและตายได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากชนิดใบกลมจะปลูกยากชนิดอื่น พันธุเก่าเช่น อิเหนา ไก่ราชาวดี หรือ ฮกหลงจะปลูกง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นเหมาะกับมือใหม่

บอนสีเป็นต้นไม้ที่ชอบความชุ่มชื้นสูง เราใช้เครื่องปลูกเป็นดินใบก้ามปู โดยจำเป็นมากที่เราต้องใช้น้ำหล่อไปที่จานรองกระถาง และบอนสีไม่ชอบอากาศหนาวเย็นทั้งจากฤดูหรือเครื่องปรับอากาศ เมื่อเจออากาศเย็นจะพักตัว เราสามารถงดน้ำและไปวางกลางแดดให้อุณหภูมิสูงแล้วรอจนผลิใบใหม่ได้

เห็นนิสัยแสนเรื่องมากแบบนี้ แต่พอเข้าฤดูฝนบอนสีกลับเป็นต้นไม้ที่งามวันงามคืน แทบไม่ต้องดูแลอะไรก็สามารถผลิใบอวดสีสันแสนสวยงามได้หลายใบ ผิดหูผิดตา

ใบและก้านใบค่อนข้างอ่อนเมื่อเจอลมแรงก็หักได้ง่าย และไม่เป็นระเบียบ บอนสีมีศัตรูพืชและโรคไม่มาก มีแค่เพลี้ยชนิดต่างๆและหนอนแก้วกัดกินใบเท่านั้น

สกุลไดฟ์เฟนแบเกีย (Dieffenbachia)

ระดับความยาก : ง่าย

ที่ปลูก : ทุกส่วนในบ้าน สวนในบริเวณห่างใกล้เด็กและสัตว์เลี้ยง

ต้นไม้ชนิดอื่น : เศรษฐีวิลสัน แสงจันทร์ สาวน้อยปะแป้ง ว่านพญาช้างเผือก

สิ่งสำคัญในการปลูก :

หนึ่งในต้นไม้ใบที่ปลูกง่ายมากและเหมาะสำหรับใครที่ต้องการปลูกต้นไม้ประดับในบ้าน แม้แต่ในบริเวณที่ได้รับแสงแดดน้อยมาก ยกเว้นต้นที่มีใบสีเหลืองอย่างแสงจันทร์ และ ทรอปิกมาริแอนน์ที่ไม่ทนในที่ร่ม ต้องปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงรำไรหรือครึ่งวันเช้า หากได้รับแสงแดดมากเกินไปหรือน้อยเกินไปใบจะไหม้ ควรระวังให้อยู่ไกลจากการสัมผัสทางร่างกายเพราะยางมีพิษค่อนข้างแรงกว่าต้นไม้ในสกุลอื่น บางชนิดโตช้า เช่น ริมเงิน

สามารถรดน้ำปกติวันละครั้งเท่านั้น และให้ปุ๋นละลายช้าทุก 3 เดือน สามารถปลูกในดินหรือกาบมะพร้าวสับก็ได้ ศัตรูพืชมีเพียงหอยทากและหนอนแก้วเท่านั้น ต้องหมั่นสังเกตและรีบกำจัด

สกุลเอพิเพรมนัม (Epipremnum)

ระดับความยาก : ง่ายมาก

ที่ปลูก : ทุกส่วนของบ้านและสวนที่ได้รับแสงแดดบ้างเล็กน้อย

ต้นไม้ชนิดอื่น : ราชินีสีทอง พลูฉีก พลูด่างญี่ปุ่น

สิ่งสำคัญในการปลูก :

ถือว่าเป็นต้นไม้ใบที่ปลูกง่ายที่สุดและแนะนำให้มือใหม่หัดปลูกทุกคนเริ่มต้นที่ต้นไม้สกุลนี้ โดยเวลาปลูกควรมีเสาหรือกำแพงให้ต้นไม้ชนิดนี้เกาะขึ้นไปด้วย เนื่องจากเป็นต้นไม้เลื้อยอิงอาศัย ซึ่งเมื่อโตขึ้นและยึดเกาะสูงขึ้นก็จะเปลี่ยนรูปทรงของใบและสีสันไปจากเดิม แต่ก็สามารถปลูกให้เลื้อยคลุมดินได้เหมือนกันหรือใส่กระถางแขวนไว้ แต่ต้นไม้จะไม่กลายและอยู่ในร่างเดิมเสมอ

ชอบแสงแดดรำไรและความชื้นสูง แต่ก็ทนต่อแสงแดดและความแห้งแล้งได้ดีในระดับหนึ่ง สามารถรดน้ำเพียงวันละครั้งก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย แต่ก็สามารถให้ปุ๋ยละลายช้าได้ทุก 3 เดือน ศัตรูพืชมีเพียงหอยทากเท่านั้นและเชื้อราในเครื่องปลูก

สกุลโฮมาโลมีนา (Homalomena)

ระดับความยาก : ง่ายมาก

ที่ปลูก : สวนริมน้ำหรือบริเวณความชื้นสูง ห้องน้ำ ห้องรับแขก หรือระเบียงบ้านที่ได้แสงแดดเช้า

ต้นไม้ชนิดอื่น : เสน่ห์จันทร์ทอง พัดโบก กวักพรหม

สิ่งสำคัญในการปลูก :

ต้นไม้ในสกุลนี้หลายชนิดเป็นต้นไม้พื้นบ้านของไทย และเป็นต้นไม้มงคลตามความเชื่อโบราณ สามารถเติบโตได้ในบริเวณที่แสงแดดรำไรหรือน้อย แต่ไม่ชอบแสงแดดแรง หากได้แดดมากเกินไปใบจะเป็นสีเหลืองและใหม้ ไม่สวยงาม สามารถใส่กระถางวางตรงไหนของบ้านก็ได้

ชอบดินที่ชุ่มชื้นหรือกาบมะพร้าวสับ ซึ่งเราสามารถรองน้ำที่ก้นกระถางได้ บางชนิดสามารถปลูกในน้ำขังหรือใส่แจกันได้เลย เช่น พัดโบก ถือว่ามีศัตรูพืชน้อยมากและทนทานต่อโรค

สกุลมอนสเตอรา (Monstera)

ระดับความยาก : ง่าย

ที่ปลูก : บริเวณบ้านที่ได้รับแสงแดดรำไร เช่น ระเบียงหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และในสวนใต้ต้นไม้ใหญ่หรือริมผนังบ้าน

ต้นไม้ชนิดอื่น : พลูฉลุ พลูปีกนก

สิ่งสำคัญในการปลูก :

ต้นไม้ยอดฮิตที่ปลูกไม่ยาก ปัญหาที่หลายคนเป็นคือเรื่องแสงแดดและน้ำ ควรปลูกมอนสเตอราในบริเวณที่ได้รับแสงแดดรำไร เช่น ริมหน้าต่างที่แดดส่องมาในช่วงเช้า หรือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ควรเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อระบายอากาศให้มีอากาศถ่ายเทไม่อับหรือร้อนอุดอู้จนเกินไป หากได้รับแสงแดดมากเกินไปใบจะเป็นสีเหลืองและไหม้ บางชนิดใบใหญ่มากและมีรูขาดง่าย ควรปลูกในพื้นกว้างที่คนไม่ค่อยเดินผ่านหรือสัมผัสโดยตรง

เราสามารถรดน้ำได้ทุกวันเช้าเย็น แต่ไม่ควรให้จนน้ำท่วมขัง เมื่อต้นใหญ่ควรมีวัสดุให้ต้นได้ยึดเกาะ เช่น ต้นไม้ เสาไม้หรือกำแพง โดยทั่วไปใบค่อนข้างหนาจึงไม่มีแมลงศัตรูพืชหรือโรคมากนัก จะมีเพียงเชื้อราจากความชื้นเท่านั้น

สกุลฟิโลเดนดรอน (Philodendron)

ระดับความยาก : ง่าย ถึง ปานกลาง

ที่ปลูก : ในสวนที่แสงแดดรำไร ทุกห้องในบ้านที่แสงแดดส่องถึง ระเบียงบ้าน

ต้นไม้ชนิดอื่น : ฟิโลใบมะละกอ ฟิโลเขียว ฟิโลหูช้าง ฟิโลหลังแดง

สิ่งสำคัญในการปลูก :

จัดเป็นต้นไม้ใบที่เลี้ยงง่ายและทนทานมาก มีให้เลือกหลากหลายชนิดตามความชอบ ซึ่งแต่ละชนิดมีรูปทรงและสีสันไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะปลูกง่ายแต่บางชนิดโตช้ามาก หากต้นยังเล็กมีจำนวนใบไม่มาก เกิดเป็นโรคหรือมีศัตรูพืชมากัดกินก็อาจตายได้เช่นกัน เช่นเดียวกันกับไม้ใบชนิดอื่นในวงศ์นี้ ต้นฟิโลเดนดรอนส่วนใหญ่ไม่ชอบแสงแดดจัด มีเพียงบางชนิดอย่างฟิโลเขียว ฟิโลทอง ฟิโลหูช้างที่อดทนต่อแดดแรงได้แต่ก็จะมีสีใบไม่สวยงามเท่าที่ควร บางชนิดสามารถมีใบใหญ่ได้เป็นเมตรเลยทีเดียว บางชนิดโตช้าและบางชนิดโตเร็วต้องศึกษาให้ดีก่อนซื้อ

เราสามารถรดน้ำได้ทุกวันเช้าเย็น ใส่ปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอ สามารถให้น้ำหล่อที่จานรองกระถางได้ เมื่อต้นใหญ่ควรมีวัสดุให้ต้นได้ยึดเกาะ เช่น ต้นไม้ใหญ่ เสาไม้หรือกำแพง โดยทั่วไปใบค่อนข้างหนาจึงไม่มีแมลงศัตรูพืชหรือโรคมากนัก อาจมีหอยทากหรือหนอนมากัดกินบ้าง สามารถเก็บเอาออกไปทิ้งกำจัดได้ บางชนิดไม่ถูกกับสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงเลย

สกุลราฟิโดฟอรา (Rhaphidophra)

ระดับความยาก : ง่าย

ที่ปลูก : ข้างแผ่นไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือผนังที่ค่อนข้างชื้น

ต้นไม้ชนิดอื่น : แนบอุรา สยามมอนสเตอร์ สไปเดอร์

สิ่งสำคัญในการปลูก :

หลายคนมักเข้าใจผิดในความเหมือนของต้นไม้สกุลนี้กับต้นไม้ในสกุลอื่น เช่น เข้าใจว่าจินนี่อยู่ในสกุลมอนสเตอรา หรือ แนบอุราอยู่ในสกุลซินแด็ปซัส

ต้นไม้สกุลนี้ค่อนข้างปลูกและขยายพันธุ์ง่าย เมื่อโตเต็มที่แล้วจะยิ่งเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งด้วยลักษณะรากตามข้อที่ชอบเลื้อยไต่ ทำให้จำต้องหาผนังหรือต้นไม้ที่เหมาะสมสำหรับการเลื้อยได้ไกลหลายเมตรของต้นไม้สกุลนี้ ซึ่งหากวัสดุนั้นมีความชื้นไม่เพียงพอหรือร้อนเกินไปต้นไม้ของเราก็อาจไม่ไต่อย่างสวยงามได้เช่นกัน อีกหนึ่งความสนุกของต้นไม้ชนิดนี้คือร่างขนาดต้นเล็ก กับร่างต้นใหญ่มักไม่เหมือนกันจึงเป็นความสนุกในการปลูกที่จะเห็นพัฒนาการนั้นๆของต้นไม้ เราควรปลูกในห้องที่มีผนังที่แดดส่องถึงบ้าง แต่ไม่ชอบแสงแดดแรง

เราสามารถรดน้ำได้ทุกวันเช้าเย็น ใส่ปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอทุก 3 เดือนได้ ไม่ค่อยมีโรค แมลง ศัตรูพืชมารบกวนมาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในร่างเติบโตเต็มที่แล้ว

สกุลซินแด็ปซัส (Scindapsus)

ระดับความยาก : ง่าย

ที่ปลูก : แขวนบริเวณที่ได้รับแสงแดดเช้า หรือรำไร หรือปลูกใต้ต้นไม้ใหญ่

ต้นไม้ชนิดอื่น : เอกโซติกา

สิ่งสำคัญในการปลูก :

ความต่างของต้นไม้สกุลซินแด็ปซัสกับราฟิโดฟอราคือรากที่ออกจากลำต้นที่เลื้อยทอดยาวทำหน้าที่เพียงพยุงลำต้นเท่านั้น ซึ่งหากผนังหรือเปลือกต้นไม้ที่อยู่ด้านข้างไม่ชุ่มชื้นหรือเย็นเพียงพอ ต้นไม้ชนิดนี้ก็จะไม่เกาะเลยเช่นกัน จึงแนะนำให้ปลูกเลี้ยงใส่กระถางแล้ววางห้อยไว้จากที่สูงจะดีกว่า ตั้งไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดดรำไร แต่อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นต้นไม้ที่ดูแลง่ายและไม่ค่อยมีโรคหรือศัตรูพืชนัก เราสามารถรดน้ำได้ทุกวันเช้าเย็นตามปกติ ใส่ปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอทุก 3 เดือนก็เพียงพอ

สกุลสปาทิฟิลลัม(Spathiphyllum)

ระดับความยาก : ปานกลาง

ที่ปลูก : ห้องนั่งเล่น ระเบียงบ้าน ในสวนบริเวณที่ได้แสงแดดรำไร

ต้นไม้ชนิดอื่น : เดหลีใบมัน

สิ่งสำคัญในการปลูก :

ต้นเดหลีเมื่อปลูกไปสักระยะจะเริ่มแกร็นและใบเล็กลง หรือใบบางส่วนแห้ง ปัญหามาจากความชื้นและสารอาหารไม่เพียงพอ ต้องใช้วัสดุปลูกที่ระบายน้ำดีและเก็บความชื้นได้อย่าง ดินร่วน ผสมกับปุ๋ยคอก ใบก้ามปูและทรายหยาบ หลีกเลี่ยงบริเวณแสงแดดโดยเด็ดขาดเพราะใบจะไหม้หรือเป็นสีเหลือง แต่หากอยู่ในบริเวณที่ร่มเกินไปจะไม่ออกดอก บางชนิดดอกมีกลิ่นหอม

รดน้ำสม่ำเสมอเช้าเย็นอย่าให้ดินแข็งหรือแห้งจนเกินไป และใส่ปุ๋ยละลายช้าทุก 3 เดือน ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงมารบกวน ยกเว้นช่วงที่ออกดอกอาจมีแมลงมารบกวนเยอะบ้าง และมีพวกหนอนหรือหอยทางมากัดกินใบบ้างในบางครั้ง

สกุลซามิโอคัลคัส (Zamioculcas)

ระดับความยาก : ง่ายมาก

ที่ปลูก : ทุกห้องในบ้าน แม้ในห้องที่มีแสงแดดน้อย ในสวนบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดดจัดจนเกินไป

ต้นไม้ชนิดอื่น : กวักมรกตดำ

สิ่งสำคัญในการปลูก :

ถือเป็นต้นไม้ใบอีกชนิดที่ปลูกง่ายมาก เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลต้นไม้หรือเป็นมือใหม่หัดปลูก แม้แต่ต้นที่เป็นใบด่างก็ดูแลไม่ยาก สามารถอยู่ได้ในบริเวณที่ได้แสงแดดจำกัด แต่อย่างไรก็ตามต้องนำไปตั้งเพื่อรับแดดอ่อนๆนอกบ้านบ้างทุก 2 สัปดาห์ สามารถตัดกิ่งที่ยืดหรือไม่ต้องการไปปักแจกันได้ ไม่นานก็จะแตกรากเป็นต้นใหม่

เรื่องวัสดุปลูกก็แล้วแต่สะดวกจะเป็นดินร่วนหรือกาบมะพร้าวก็ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงดินเหนียวที่ระบายน้ำยาก สามารถลืมรดน้ำไปได้เลยหลายวัน เพียงสังเกตไม่ให้ดินแห้งเกินไปก็พอ สามารถให้ปุ๋ยละลายช้า ซึ่งใส่แค่ 6 เดือนต่อครั้งก็ได้

ต้นกวักมรกตจะเหี่ยวยากมาก ตังนั้นหากได้รับน้ำน้อยหรือมากเกินไป ได้รับแสงแดดเกินไป อาการจะออกทางสีของใบ เช่น สีซีดและเหลือง หรือแคระแกร็น ไม่แตกยอดใหม่ เพียงแค่ให้น้ำสม่ำเสมอและไปตั้งหลบแดด ตัดแต่งใบที่ไม่สวยงามออก ก็จะกลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม เรื่องโรคหรือแมลงศัตรูพืชแทบไม่มีเลย

มีงานวิจัยว่าช่วยกำจัดสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายได้ เช่น สีทาบ้าน ควันบุหรี่ น้ำยาฟอกสี สารตัวทำละลายในการพิมพ์ อู่พ่นสีรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม น้ำยาซักแห้ง น้ำยาสำหรับย้อมผมและดัดผม สารกำจัดศัตรูพืช สารที่เกิดจากการเผาไหม้และปนเปื้อนในอากาศ น้ำดื่ม อาหาร และเครื่องดื่ม

สกุลซิงโกเนียม (Syngonium)

ระดับความยาก : ง่ายมาก

ที่ปลูก : ทุกห้องภายในบ้าน ในสวนบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่หรือริมกำแพง

ต้นไม้ชนิดอื่น : เงินไหลมา ออมเพชร ออมเงิน ออมทอง พลูอินโด

สิ่งสำคัญในการปลูก :

สำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นปลูกต้นไม้ใบประเภทต้นไม้เลื้อยแต่มีพื้นที่จำกัดและราคาไม่แรง ต้นไม้ในสกุลนี้ผมขอแนะนำ เพราะเป็นต้นไม้ขนาดเล็ก โตเร็ว ขยายพันธุ์เร็ว แม้แต่ต้นใบด่างก็ถือว่าปลูกง่าย ปัจจุบันมีให้เลือกหลายชนิดและหลากสีสันของใบ สามารถนำไปปลูกใส่กระถางได้ในบริเวณที่มีแสงน้อย หรือจะนำไปปักแจกันก็ได้เช่นกัน แต่ระวังหากอยู่ในบริเวณที่แดดจ้าเกินไปใบจะไหม้อย่างรวดเร็ว

เหมาะกับปลูกให้ไต่เสา ต้นไม้ใหญ่ หรือกำแพง เมื่อโตขึ้นใบจะหนาและเปลี่ยนร่างไปจากต้นต้นเล็กที่เลื้อยคลุมดิน ทนต่อแสงแดดได้ดียิ่งขึ้น แต่สีสันและลวดลายของใบอาจน้อยลงไป

วัสดุปลูกก็ยังเป็นพวกกาบมะพร้าวสับเป็นหลัก แต่ก็สามารถเติบโตได้ในดินร่วนทั่วไป ให้ปุ๋ยละลายช้าทุก 3 เดือน ให้น้ำทุก 2-3 วัน หรือมากกว่านั้นก็ได้ สังเกตที่ความชื้นของเครื่องปลูก ถือว่ามีศัตรูพืชน้อยมาก มีแค่เพลี้ยชนิดต่างๆบาง และพวกหนอนแก้หรือหอยทาก


เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ