ดาดฟ้าซึม ไม่ต้องเศร้า แก้ได้ด้วยผลิตภัณฑ์กันซึมพร้อมใช้งาน

ดาดฟ้าตึกแถว อาคารพาณิชย์เก่า เป็นอีกหนึ่งรูปแบบอาคารที่นิยมรีโนเวทเพื่อสร้างธุระกิจต่าง ๆ เช่น คาเฟ่ ร้านอาหาร โฮลเทล Co-Working Space ออฟฟิศ หรือรีโนเวทเป็นบ้านพักอาศัย ซึ่งต้องซ่อมแซมหลายจุดเพื่อให้พักได้อย่างสบาย หนึ่งจุดที่มองข้ามไม่ได้คือดาดฟ้า ที่แม้จะไม่ถูกใช้ประโยชน์แต่ก็เป็นต้นตอของปัญหาน้ำรั่วซึมและสร้างความวุ่นวายมานักต่อนัก 

ดาดฟ้าคอนกรีต หรือ หลังคา Flat Slab ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสักระยะ มักจะเกิดปัญหารั่วซึมตามภายหลังให้ปวดหัว โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่ต้องทำหน้าที่รองรับน้ำฝนอย่างหนัก ซึ่งปัญหารั่วซึมเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

-เกิดจากรอยรั่วซึมของพื้นหลังคาคอนกรีตดาดฟ้า เนื่องจากพื้นหลังคามีรอยร้าวจากสภาพอากาศที่ต้องเผชิญทั้งแดดและฝน เนื่องจากธรรมชาติของคอนกรีตไม่รองรับการยืดหดตัวที่สูง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ หรือการสั่นสะเทือน เช่น มีรถขนาดใหญ่ขับผ่านบ้านเป็นประจำ อาจจะทำให้เกิดรอยแตกร้าวได้ หรือเกิดจากรอยร้าวบริเวณรอยต่อโครงสร้าง รวมถึงรอยร้าวบนหลังคาคอนกรีตที่เคยทำระบบกันซึมไว้แต่เริ่มเสื่อมสภาพ 

-เกิดจากช่องระบายน้ำอุดตัน ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ สิ่งปฎิกูล หรือเศษฝุ่นผงดิน ล้วนแต่เป็นสาเหตุให้ช่องระบายน้ำอุดตันได้ สิ่งนี้เองทำให้เกิดน้ำขังบนดาดฟ้าและซึมลงสู่พื้นที่ด้านล่าง ดังนั้น การตรวจสอบและทำความสะอาดดาดฟ้าในช่วงก่อนฤดูฝนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอยู่เสมอ 

-เกิดจาก “กันซึมเสื่อมสภาพ” เมื่ออาคารมีอายุนานกว่า 10 ปี วัสดุหลาย ๆ อย่างจะเริ่มเสื่อมสภาพรวมถึงวัสดุกันซึมที่ถูกใช้ในการหล่อคอนกรีต ซึ่งบางชนิดอายุสั้น จึงจำเป็นต้องตรวจสอบและทากันซึมอยู่เสมอ

-เกิดจากการออกแบบก่อสร้าง อีกหนึ่งปัญหาดาดฟ้ารั่วเกิดจากการออกแบบก่อสร้างที่ผิดวิธี ซึ่งดาดฟ้าเป็นพื้นที่รับน้ำฝนจะต้องมี Slope หรือความลาดเอียงไปสู่ท่อระบายน้ำ หากองศาความเอียงน้อยก็อาจจะเกิดปัญหารั่วซึมได้ง่าย และควรมีจุดระบายน้ำมากกว่า 2 จุดเพื่อให้ระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วด้วย

ซ่อมดาดฟ้ารั่ว

การหมั่นดูแลและตรวจสอบดาดฟ้าอยู่เสมอจะช่วยลดปัญหารั่วซึมได้ แต่หากเกิดปัญหาแล้วการเลือกผลิตภัณฑ์กันซึมเพื่อซ่อมแซมให้ถูกประเภทและเหมาะกับการใช้งานก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรรู้ ซึ่งในท้องตลาดมีให้เลือกหลัก ๆ 3 ชนิดด้วยกันคือ 

1. อะคริลิกทากันรั่วซึม (Acrylic) มีความยืดหยุ่นสูง ป้องกันการรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยึดเกาะพื้นกับพื้นผิวได้ดี ทั้งยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อพื้นที่ดาดฟ้า เช่น สะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ ไม่มีสารระเหยที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กลิ่นไม่ค่อยฉุน จึงใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องเป็นช่างชำนาญก็สามารถใช้งานได้ เพียงแค่มีแปรงทาสีหรือลูกกลิ้งทาสีก็ทาได้ด้วยตัวเอง สามารถป้องกันการรั่วซึมได้ประมาณ 3-5 ปี ทนต่อการแช่ขังของน้ำได้ประมาณ 30 วัน เหมาะสำหรับพื้นที่สัญจรน้อย เช่น ดาดฟ้าที่ไม่มีกิจกรรมใดๆพื้นที่สัญจรน้อย

2. โพลียูรีเทนสูตรน้ำ (PUD) เป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งาน ที่มีโพลียูริเทนเป็นองค์ประกอบหลัก ผสมกับอะคริลิกที่ทำหน้าที่เป็นตัวผสานระหว่างโพลียูรีเทนกับน้ำและสารเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นสูงกว่ากลุ่มอะคริลิก มีคุณภาพสูง และมีค่าการยึดเกาะพื้นผิวที่ดี หากเลือกสูตรที่ช่วยป้องกันรังสียูวีมั่นใจได้เลยว่า สีของผลิตภัณฑ์จะไม่ซีดจาง แม้จะผ่านการตากแดดตากฝนเป็นเวลานานก็ตาม ใช้งานง่ายโดยใช้แปรงทาสีหรือลูกกลิ้งทาสีทาได้ด้วยตัวเองได้ อายุการใช้งานยาวนานถึง 5 ปี ทนต่อการแช่ขังของน้ำได้ประมาณ 45 วัน เหมาะสำหรับพื้นที่สัญจรปานกลาง เช่น ดาดฟ้าที่มีกิจกรรมต่าง ๆ ดาดฟ้าที่ต้องมีการขึ้นไปซ่อมบำรุงเครื่องจักร

3. โพลียูรีเทนสูตรน้ำมัน (PUR) เป็นผลิตภัณฑ์กันซึมพร้อมใช้งานชนิดโพลียูรีเทน 100% คือไม่มีส่วนผสมของอะคริลิกจึงมีค่าความยืดหยุ่นสูง ทนต่อสภาวะอากาศได้ดีทั้งสภาวะอากาศร้อนและเย็นจัด มากถึง -5 องศาเซลเซียส มีค่าแรงยึดเกาะสูงสุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กันซึมชนิดโพลียูรีเทนสูตรน้ำและชนิดอะคริลิก สามารถใช้งานในพื้นที่ที่น้ำแช่ขังได้นานโดยไม่จำเป็นต้องปรับระดับของดาดฟ้าก่อน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า 10 ปี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง เช่น ลานจอดรถบนดาดฟ้า ลานเล่นกีฬาบนดาดฟ้า ดาดฟ้าที่มีการปลูกต้นไม้ หรือดาดฟ้าที่ต้องการความคงทนเป็นพิเศษ

เทคนิคในการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันการรั่วซึมให้มีประสิทธิภาพนอกจากเราจะต้องทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตที่ระบุมาในฉลากอย่างเคร่งครัดแล้วนั้น การเตรียมพื้นผิวก่อนการทาผลิตภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยพื้นผิวจะต้องเรียบ สะอาด ปราศจากฝุ่น คราบน้ำมันและสิ่งสกปรก อีกทั้งควรจะต้องทำการปรับระดับของดาดฟ้าให้มีความลาดเอียงสำหรับระบายน้ำป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขัง ยกเว้นโพลียูรีเทนสูตรน้ำมันที่ไม่ต้องปรับระดับลาดเอียงของดาดฟ้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ชนิดราคาจะแตกต่างกันตามความคงทนด้วย 

สำหรับดาดฟ้าอาคารที่เกิดปัญหารั่วซึม เลือกใช้ เฟล็กซี่โค้ท รูฟซีล ผลิตภัณฑ์อะคริลิกทากันรั่วซึมพร้อมใช้งาน สำหรับทาปิดรอยรั่วซึมของดาดฟ้า มีความยืดหยุ่นสูง ยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี และสามารถป้องกันการรั่วซึมได้ 100% ใช้ปกปิดรอยแตกร้าวได้ ทั้งยังทาทับกระเบื้องเดิมได้โดยไม่ต้องรื้อออก เฟล็กซี่โค้ท รูฟซีล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้งาน ปราศจากสารระเหยที่เป็นอันตราย กลิ่นไม่ฉุนทั้งยังใช้งานง่ายไม่จำเป็นต้องเป็นช่างชำนาญก็สามารถใช้งานได้ด้วยแปรงทาสีหรือลูกกลิ้งทาสี ป้องกันการรั่วซึมได้ยาวนานกว่า 5 ปี 

ขั้นตอนการซ่อมดาดฟ้ารั่วซึมด้วย เฟล็กซี่โค้ท รูฟซีล 

1. ทำความสะอาดพื้นผิวก่อนเริ่มงาน เก็บเศษใบไม้ สิ่งปฏิกูลออกให้สะอาด พื้นผิวต้องไม่มีคราบเชื้อรา ตะไคร่น้ำ และทิ้งพื้นผิวให้แห้งสนิท (อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน) จากนั้นอุดโป๊วรอยแตกร้าว ด้วย เทอร์ราคริล อะคริลิกสำหรับอุดโป๊วที่มีความยืดหยุ่นสูง ทาสีทับได้ อุดรอยแตกร้าว ทิ้งให้แห้งตัวอย่างน้อย 8 ชั่วโมง

2. ขั้นตอนการทำชั้นรองพื้น โดยการผสม เฟล็กซิโค้ท รูฟซีล กับน้ำสะอาดด้วยอัตราส่วน 2:1 โดยปริมาตร ทาเป็นชั้นรองพื้นเที่ยวที่ 1 ทิ้งไว้ให้แห้ง 2-4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมของบริเวณที่ทำงาน)

ข้อแนะนำ: ควรกวนผสม เฟล็กซิโค้ท รูฟซีล ให้เข้ากันดีก่อนนำมาใช้งาน

3. ทา เฟล็กซิโค้ท รูฟซีล ด้วยลูกกลิ้งหรือแปรง ชั้นแรก โดยหากต้องการเสริมความแข็งแรง สามารถใช้ร่วมกับ นิปปอนเพนต์ เมช เบลท์ (ตาข่ายไฟเบร์เมช เสริมแรง) ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 2-4 ชั่วโมง โดยเวลาจะขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมของบริเวณที่ทำงานเช่นเดียวกัน

4. ทา เฟล็กซิโค้ท รูฟซีล อีก 1 เที่ยวในแนวตั้งฉากกับเที่ยวแรก ให้ได้ความหนารวมอย่างน้อย 1.5 มิลลิเมตร โดย เฟล็กซิโค้ท รูฟซีล ทิ้งให้แห้ง 4-6 ชั่วโมงเป็นอันเสร็จสิ้น จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นหลังจากการติดตั้งไป 7 วัน

 

ข้อแนะนำ หลีกเลี่ยงการใช้งานในวันที่เสี่ยงต่อฝนตกหรือวันที่มีฟ้าครึ้มอากาศแปรปรวนเพื่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยอัตราการใช้งาน เฟล็กซี่โค้ท รูฟซีล 1-1.5 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร

 

ระบบกันซึม นิปปอนเพนต์ 

Terracryl (เทอร์ราคริล)

Flexicoat Roof Seal (เฟล็กซี่โค้ท รูฟซีล)

ขอบคุณข้อมูลจากสี NIPPON PAINT

 Nippon Paint Decorative

 @nipponpaint

 www.nipponpaintdecor.com

 Nippon Paint Decorative

  02 463 1899