บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก

บ้านคอนกรีตเสริมเหล็กสีสดที่เต็มไปด้วยศิลปะของผู้สืบสานโนราโรงครู

บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก
บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก

“โนรา” หรือ “มโนราห์” เป็นที่รู้จักดีว่าเป็นศิลปะการแสดงพื้นเมืองอย่างหนึ่งของภาคใต้ การลงมาเยือนสงขลาเพื่อเยี่ยมชมบ้านของผู้สืบสานโนราครั้งนี้ ทำให้รู้จักโนราในมิติที่มากกว่าศิลปะการแสดง แต่เป็นความสัมพันธ์แห่งชีวิตในการอยู่ร่วมกัน หลอมรวมด้วยวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกสู่ใจและสานต่อด้วยศิลปะ พิธีกรรม และสถาปัตยกรรมอย่างน่าชื่นชม

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: ทวีคูณสถาปนิก โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เขียนศักดิ์ แสงเกลี้ยง

บ้านหลังนี้สร้างใหม่บนที่ดินเดิมของครอบครัว โดยรื้อบ้านไม้เดิมออกและแปรสภาพเป็นวัสดุในการสร้างบ้านใหม่ ซึ่งออกแบบโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เขียนศักดิ์ แสงเกลี้ยง (อาจารย์เขียน) อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และสถาปนิกผู้ก่อตั้ง ทวีคูณสถาปนิก ได้เล่าถึงความเป็นมาว่า บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก

“เมื่อปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ จนต้องหนีน้ำไปอยู่กันที่สงขลาบ้านเกิดของภรรยาหลายเดือน ในบริเวณบ้านมีบ้านไม้สองหลังที่คุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัวน้องภรรยาอยู่ด้วยกัน จึงเกิดความคิดอยากสร้างบ้านที่สามารถรวมญาติให้มาอยู่ด้วยกันอย่างสบาย”

ออกแบบประตูหน้าบ้านด้วยอิฐช่องลมและตะแกรงเหล็กฉีก แต่ผสมผสานและจัดวางใหม่ให้น่าสนใจ รวมถึงวางท่อนไม้เก่าบนบันไดให้ได้ระดับพอดีสำหรับนั่งได้ด้วย
บ้านคอนกรีตเปลือยสีเงิน คือ บ้านคุณยาย เมื่อท่านเสียชีวิตแล้วจึงใช้เป็นเรือนรับรองแขก ถัดมาที่อยู่บนโรงรถ คือ ห้อง “ครูหมอโนรา” และลานโล่งด้านหน้าเป็นพื้นที่ตั้งโรงพิธี “โนราโรงครู” ซึ่งเปิดให้ชาวบ้านเข้าชมการแสดงได้

เมื่อเข้ามายังบริเวณหน้าบ้าน จะพบศาลาโล่งปูพื้นไม้ที่มีลมพัดเย็นสบาย ซึ่งคุณแม่บอกว่า “ใช้นั่งเล่นนอนเล่นและกินข้าวที่นี่กันแทบทุกมื้อ” เข้าไปด้านในเป็นลานโล่ง อาจารย์เขียนเล่าถึงการวางผังว่า

“ลานโล่งกว้างนี้ตั้งใจเปิดให้เป็นพื้นที่กึ่งสาธารณะในเวลาที่มีพิธี ‘โนราโรงครู’ จะมีการสร้างเรือนไม้ไผ่เครื่องผูกสำหรับประกอบพิธี 3 วัน 3 คืน เป็นวันรวมญาติที่ทุกคนมาช่วยงานและร่วมพิธี ซึ่งเปิดให้ชาวบ้านเข้ามาดูการแสดงได้ และจะรื้อถอนเมื่อเสร็จพิธี ในพื้นที่นี้มีอาคาร 2 หลัง คือ บ้านหลังใหญ่สำหรับครอบครัวมาอยู่พร้อมหน้ากัน ส่วนด้านในเป็นบ้านของคุณยายและมีห้อง ‘ครูหมอโนรา’ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษโนราที่เป็นปู่ย่าตายายของครอบครัวเรา”

บ้านทรงจั่วที่ผสมผสานงานไม้ เหล็ก และคอนกรีต โดยใช้วัสดุบ้านเดิมแทบทุกชิ้นมาสร้างบ้านหลังใหม่

บ้านหลังใหญ่เป็น บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ที่สะดุดตาด้วยการใช้สีสดตัดกัน โดยได้แรงบันดาลใจจากสีสันเครื่องแต่งกายของโนรา และการผสมผสานองค์ประกอบงานเหล็ก ไม้ และคอนกรีต

“เป็นการออกแบบที่ใช้วัสดุรียูส (Reuse) ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งไม้ ท่อคอนกรีต เหล็กดัดจากบ้านเก่า และตะแกรงเหล็กฉีกที่เป็นของใช้แล้วจากที่อื่น แล้วนำมาออกแบบใหม่ให้มีคุณค่าและเข้ากับบริบทของบ้านนี้”

ประตูหน้าบ้านมีสองชั้น คือด้านในเป็นประตูไม้ทึบ และด้านนอกเป็นประตูตะแกรงเหล็กฉีกที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ดีและยังรู้สึกปลอดภัย
เฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกชิ้นทำด้วยไม้จากบ้านเดิม และแบ่งสัดส่วนห้องนั่งเล่นด้วยการยกระดับ
ออกแบบผนังโปร่งโดยใช้อิฐช่องลมและตะแกรงเหล็กฉีกวางเป็นแพตเทิร์น หน้าบ้านวางตุ่มน้ำล้างเท้าให้ล้างบนพื้นตะแกรงเหล็กที่ระบายน้ำได้
ทำโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ด้วยไม้จากบ้านเดิมให้วางอาหารได้เพียงพอในวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากัน

ภายในบ้านเน้นพื้นที่เปิดโล่งที่เชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งสองชั้น “เมื่อเข้ามาภายในบ้าน บริเวณตรงกลางจะเป็นโถงทางเข้ามีที่นั่งรับแขก โซนฝั่งซ้ายเป็นส่วนนั่งเล่นและห้องนอนคุณแม่ ส่วนโซนฝั่งขวาเป็นส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งออกแบบเป็นโต๊ะยาวขนาดใหญ่ทำด้วยไม้ของบ้านเดิม เพราะการรับประทานอาหารทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะฝีมือแม่ยายที่ทำอาหารอร่อย ทำให้ทุกคนมีความสุข ลงไปด้านล่างมีชั้นใต้ดินเป็นออฟฟิศสำหรับเพื่อนหรือลูกศิษย์มาทำงานหรือทำกิจกรรม ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอน และห้องโถงใหญ่ ซึ่งแต่เดิมเตรียมไว้เป็นระเบียงเปิดโล่งสำหรับคุณพ่อ ได้พักผ่อนและแขวนกรงนกไว้แข่งและดูเล่นที่นิยมกันในภาคใต้ แต่พอคุณพ่อเสียชีวิตจึงกั้นเป็นห้องโถงอเนกประสงค์แทน”

ออกแบบเสาอาคารบิดแกนให้เกิดมุมที่แปลกตา แล้วทำอ่างล้างมือที่อยู่ใกล้โต๊ะรับประทานอาหารไว้นอกห้องน้ำเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ทุกอย่างในบ้านคือองค์ประกอบศิลปะแบบผสมผสาน ทั้งผนังปูนที่เจาะช่องกลมกรอบเหล็กให้มองลงมาจากชั้นบน รูปโนรา (วาดโดยอุดมพร ศรีสุข) และภาพเขียนฝีมืออาจารย์เขียน
ราวกันตกชั้นบนตกแต่งด้วยช่องกลมและเหลี่ยมน้อยใหญ่ หากไม่สังเกตอาจไม่รู้ว่ามันคือ ท่อซีเมนต์และกระถางปูนจากบ้านเดิมที่ดัดแปลงมาตกแต่งบ้าน

“Whoever you are, I’ll save your every penny with qualities and values” ประโยคที่เขียนบนผนังบ้านเป็นคติของอาจารย์เขียนที่ให้ความสำคัญกับการก่อสร้างโดยใช้ต้นทุนต่ำ ด้วยการออกแบบที่มีคุณภาพ สร้างสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่า ซึ่งแสดงให้ประจักษ์ในทุกส่วนของบ้านหลังนี้

สะตอกุ้งผัดกะปิ น้ำพริกกะปิเคียงผักลวก ชะอมทอดไข่ ผัดเผ็ดหมูป่า และอาหารอีก 2-3 อย่าง เป็นฝีมือคุณแม่ที่จัดเตรียมไว้บนศาลาหน้าบ้าน ทำให้เราได้สัมผัสวัฒนธรรมการกินในบรรยากาศเป็นกันเอง ไปพร้อมๆ กับเรื่องเล่าของ “โนรา” ที่คนบ้านนี้ร่วมกันสืบสาน เผยแพร่ และส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป

พื้นชั้นสองนี้แต่เดิมจะเป็นระเบียงเปิดโล่งให้คุณพ่อได้พักผ่อนและแขวนกรงนก ต่อมาปรับเป็นโถงอเนกประสงค์ใช้รับรองญาติและเพื่อนๆ ตกแต่งด้วยโคมไฟจากเศษตะแกรงเหล็กฉีก
ห้องนอนคุณแม่อยู่ชั้นล่างทำเป็นเตียงสี่เสาที่ใช้จับลุกนั่งได้สะดวก ออกแบบผนังข้างเตียงเป็นช่องใช้วางหนังสือและของตกแต่ง
ตกแต่งผนังด้วยประโยคของอาจารย์เขียนที่ว่า “Whoever you are, I’ll save your every penny with qualities and values” และทำผนังระบายอากาศด้วยการก่ออิฐเว้นช่อง โดยใช้หน้าต่างและราวกันตกจากบ้านเดิม
ห้องน้ำและห้องแต่งตัวที่ทำผนังช่องกลมขอบเหล็กให้สามารถนั่งเล่นและมองลงมาด้านล่างได้

 


โนราโรงครู

โนรามีการแสดง 2 รูปแบบ คือ โนราเพื่อความบันเทิง และโนราเพื่อประกอบพิธีกรรมที่เรียกว่า “โนราโรงครู” เป็นพิธีกรรมเชิญครูหรือบรรพบุรุษของโนรามายังโรงพิธีเพื่อไหว้ครูหรือไหว้ตายายโนรา เพื่อรับของแก้บน และเพื่อครอบเทริด (เครื่องประดับศีรษะของตัวนายโรงหรือโนราใหญ่ ทำเป็นรูปมงกุฎอย่างเตี้ย) หรือผูกผ้าแก่ผู้แสดงโนรารุ่นใหม่


Norah’s Culture Home บ้านผู้สืบสาน “โนราโรงครู” (บ้านสวย ต.ค. 62)

เจ้าของ: ครอบครัวทวีคูณ (บ้านแสงเกลี้ยง บ้านอ่อนเจริญ บ้านอ่อนศรี และบ้านชิตพิทักษ์)
ออกแบบ: ทวีคูณสถาปนิก โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เขียนศักดิ์ แสงเกลี้ยง www.taweecool.com

เรื่อง : ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ