พาเด็กๆไปเรียน ขี่ม้า เพิ่มการเรียนรู้ ที่สโมสรขี่ม้าแจ้งวัฒนะ

ในอดีตคนส่วนใหญ่มักจะมองการ ขี่ม้า ในเชิงกีฬา เป็นกิจกรรมที่เข้าถึงได้ยาก และมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ในปัจจุบันมุมมองการขี่ม้าเปลี่ยนไป การขี่ม้าเป็นกิจกรรมที่ฝึกสมาธิ สร้างบุคลิกภาพที่ดี ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายและอารมณ์

ซึ่งสถานที่ที่เรามาก็เป็นอีกหนึ่งในกิจกรรมจากหนังสือ NATURE LEARN ห้องเรียนธรรมชาติ สำนักพิมพ์บ้านและสวน และยังมีอีกหลากหลายสถานที่ให้เด็กๆได้ไปลองทำเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกห้องเรียน บางอย่างก็นำปรับใช้ในการสร้างสรรค์เองที่บ้านได้ด้วย ขี่ม้า

หนังสือห้องเรียนธรรมชาติมีการแนะนำสถานที่และกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ สำหรับเด็กๆให้ผู้ปกครองนำไปปรับใช้เพื่อสร้างกิจกรรมในบ้านง่าย ๆได้

ลุงเหน่ง-สุทธิพงษ์ ธารินเจริญ เจ้าของคอกม้าใจดีที่มาสอนเด็กๆด้วยตัวเอง

สำหรับสถานที่แห่งนี้คือ “สโมสรขี่ม้าแจ้งวัฒนะ” หรือชื่อลำลองว่า “คอกม้าลุงเหน่ง” ที่นี่คึกคักไปด้วยเด็กๆหลายวัย เด็กเล็กๆ บางคนยังมีพี่เลี้ยงจูงม้าพาเดินในสนาม เด็กที่เรียนมานานสามารถบังคับม้าเองได้ก็ขี่ม้าเองคนเดียว เราได้พูดคุยกับ ลุงเหน่ง-สุทธิพงษ์ ธารินเจริญ เจ้าของคอกม้า ซึ่งมีความผูกพันกับม้าตั้งแต่เด็ก หากใครใช้ถนนเลียบคลองประปาช่วงก่อนถึงถนนแจ้งวัฒนะจะสังเกตเห็นคอกม้าแห่งนี้อยู่ริมถนน มีคลองเล็กๆคั่นกลางพื้นที่ราว 15 ไร่

ก่อนมาเป็นคอกม้าลุงเหน่ง  

 

คอกม้าที่นี่สะอาดสะอ้าน มีเจ้าหน้าที่ดูแลนำหญ้ารองนอนในคอกออกมาตากทุกวัน และโกนขนม้าให้สั้นเกรียนเพื่อให้ทำความสะอาดผิวหนังได้ลึก ทุกเช้าเวลาตี 5 ต้องนำม้าออกมาวิ่งและฝึกใหม่เพราะการที่มีเด็กขี่หลายคนม้าจะจดจำแบบผิด ๆ ได้จึงต้องสอนใหม่กันทุกเช้า

 

“บ้านเดิมของผมอยู่แถวราชครูที่นั่นมีคอกม้าแข่งชื่อดังคือ ”คอกณรงค์ชัย” ตอนเด็ก ๆ ผมแวะเข้าไปดูม้าทุกวันให้คนเลี้ยงม้าช่วยสอนขี่ม้าตั้งแต่อายุ 10 ขวบ สมัยก่อนหนังคาวบอยดังมาก พอดูหนังเยอะก็ยิ่งอยากขี่ม้าเลยมาทำอาชีพเลี้ยงวัวจะได้ขี่ม้า ขี่ม้าเลี้ยงวัวต้อนวัวกันอยู่ที่นี่ตั้งแต่ 40 ปีก่อน ตอนหลังทำปศุสัตว์ในเมืองเป็นเรื่องยากขึ้นเพราะมีกลิ่นรบกวน จึงเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงปลาสวยงามก่อนจะหันมาทำคอกม้าในภายหลัง

“ช่วงแรกที่เลี้ยงไม่ได้เป็นม้าสายกีฬา บังเอิญว่ามีครอบครัวหนึ่งเค้ามีเป้าหมายว่าลูกต้องเป็นนักกีฬาทีมชาติเค้าผ่านมาตรงนี้ เห็นว่าสถานที่เหมาะจะซ้อมเก็บตัวนักกีฬาเลยขอมาเช่าคอก เอาครูฝึกเข้ามา จากที่เราขี่ม้าเล่น ๆ พอเห็นเขาออกแข่งประสบความสำเร็จก็เหมือนจุดประกายให้อยากจะไปแนวทางนั้นบ้าง เห็นการฝึกซ้อมการปฏิบัติกับม้าเราก็ได้ความรู้จึงเริ่มทำม้ากีฬา”

รู้จักม้าก่อนขี่ม้า

ลุงเหน่งผสมพันธุ์ม้าเองเกือบทั้งหมดอาศัยประสบการณ์ที่คลุกคลีในแวดวงปศุสัตว์มาโดยตลอด มีทั้งสายพันธุ์ควอเตอร์ (Quarter) อาราเบียน (Arabian) วอร์มบลัด (Warm Blood) เทอร์รับเบร็ด (Thoroughbred) และม้าไทย แต่ละสายพันธุ์ก็มีข้อดีเสียแตกต่างกัน ม้าไทยมีข้อดีคือมีความแข็งแรง การดูแลสุขภาพง่าย ค่าใช้จ่ายต่อเดือนน้อย แต่ข้อด้อยคือม้าตัวเล็ก ลุงเหน่งจึงพัฒนาสายพันธุ์ม้าให้ตัวใหญ่ขึ้น เมื่อลูกม้าเกิดต้องรอจนอายุ 3 ปีให้กระดูกสันหลังแข็งแรงถึงเริ่มฝึกได้

“ฝึกม้าแคระลำบากเพราะต้องใช้เด็กฝึก ช่วงเริ่มฝึกใหม่ ๆ ม้ายังไม่ยอมเด็กอาจจะตกได้ ดังนั้นต้องเอาเด็กเก่งแล้วไปฝึก กลายเป็นว่าฝึกม้าเล็กไม่ง่าย เพราะหากเป็นม้าใหญ่ครูยังฝึกได้ ลูกม้าตัวหนึ่งต้องฝึก 2-3 ปี จึงจะใช้งานได้ อายุใช้งานม้าจะอยู่ราว 10 ปี

“ม้าเกิดในนี้โตในนี้กับม้าซื้อจากข้างนอกเอามาสอนไม่เหมือนกัน ธรรมชาติของม้ามีความกลัวและหวาดระแวงเป็นทุน พอเอาม้าจากสิ่งแวดล้อมอื่นก็จะมีตกใจบ้าง ตรงนี้อยู่ใกล้กรมทหาร มียิงปืน อู่รถ หากเราสอนๆ ม้าตกใจแค่กระโดดเด็กตกลงมาก็อันตราย แต่ม้าที่โตในนี้จะชินกับพื้นที่ ลูกที่เกิดมาก็นิ่งและสอนง่าย ที่นี่คนกับม้าอยู่ร่วมกันได้ ม้าเดินไปหาคน ให้อาหาร มีความคุ้นเคยกัน ม้าจะมองคนแล้วรู้สึกดี ไม่ตื่น เรามองม้าแล้วรู้เลยว่ามันเลียนแบบกัน ปกติม้ายังไม่ขี่อันตรายมาก แต่ม้าที่นี่ไม่เป็นเพราะเค้ามองเห็นว่าตัวนั้นพอคนขี่ลงจะเลี้ยงขนม ม้าก็เลียนแบบอยากให้คนขี่เพราะจะได้ขนม สิ่งเหล่านี้บางอย่างไม่ได้เกิดจากในตำรา แต่เกิดจากสิ่งที่เราเห็นและสัมผัส”

ภายในบริเวณคอกม้าด้านที่อยู่ใกล้ถนน ม้าที่เติบโตมาที่นี่จึงเคยชินกับเสียงรถและไม่ตื่นตกใจง่าย มีการปล่อยม้าให้เดินเล็มหญ้าอิสระในสนาม ม้าตัวเตี้ยที่เห็นคือม้าแคระซึ่งเหมาะสำหรับเด็กเล็ก

“สมัยก่อนเด็กเรียนขี่ม้าได้ต้อง 7 ขวบ แต่เดี๋ยวนี้สัก 2 ขวบกว่าก็เรียนได้ นั่นเพราะว่าเมื่อก่อนเราไม่มีม้าแคระ มีแต่ม้าตัวเล็กคือม้าขนาดปกติแต่ยังเด็กเพราะฉะนั้นวุฒิภาวะของม้ายังไม่ได้ พอมีม้าแคระคือม้าอายุเยอะแต่ตัวเล็ก มีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบต่อผู้นั่งบนหลัง แต่ม้าเล็กพอเจออะไรอยากจะเล่น สอนๆ อยู่กระโดดเพราะยังเด็ก พอมีม้าแคระเด็กที่เรียนก็อายุน้อยลงได้”

ขี่ม้าสร้างการเรียนรู้

“แต่ก่อนการขี่ม้ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ขี่ม้าเป็น แต่ระยะหลังม้าช่วยเรื่องสมาธิของเด็ก ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเด็กเดี๋ยวนี้เล่นเกมส์ เล่นโทรศัพท์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้มาคือความเร็ว ความทันใจ อยากจะเล่นกดปุ๊บได้ปั๊บ มันก็ส่งผลต่อเด็กว่าเคยทำอะไรเร็ว เปลี่ยนเร็ว ตามใจตัวเอง สมาธิไม่นิ่ง ประสบการณ์ที่เราเจอเด็กมาเยอะมันเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดโดยไม่ต้องรอเวลานาน เด็กซน ๆ ไม่นิ่ง มาขี่ม้าพักเดียวมีสมาธิเพราะถ้าไม่มีสมาธิเค้าจะตกม้า เพราะฉะนั้นทุกคนต้องระวังตัว

“เวลาเด็กอยู่กับสัตว์ใหญ่พอเค้าเริ่มควบคุมได้ ความมั่นใจของเด็กก็จะสูง ผู้ปกครองท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเดิมน้องเรียนปานกลาง ไม่กล้าแสดงออก พอถึงวันหนึ่งครูเรียกผู้ปกครองไปหาอยากจะคุยด้วย ครูถามว่าน้องเปลี่ยนไป น้องไปทำกิจกรรมอะไรมา ผู้ปกครองก็ตอบไปว่าพาน้องไปขี่ม้า ตอนนี้เค้ากลายเป็นเด็กกล้าแสดงออก มีความเป็นผู้นำ ผลการเรียนดีขึ้น พอโรงเรียนเห็นพัฒนาการของเด็กครูก็ต้องศึกษา นั่นคือโรงเรียนที่มีความสนใจในตัวเด็ก”

“เดี๋ยวนี้จุดมุ่งหมายไม่ใช่ให้เด็กขี่ม้าได้ แต่เป็นการให้ลูกมาอยู่กับธรรมชาติ เด็กที่มาจะสนใจเรื่องรักสัตว์ ดูแลม้า เด็กได้จูงม้า ให้ม้ากินหญ้า เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนกับม้า”

“สมัยนี้ม้าให้อะไรมากกว่านั้นทั้งเรื่องสังคม สมาธิ ความมั่นใจของเด็ก แต่ยังติดเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นมันจะโดนแยกระหว่างคนที่มีกับไม่มีไปในตัว แต่ตอนหลังคนก็ให้ความสนใจมากขึ้นกลุ่มก็ขยายขึ้น ทำให้วงการขี่ม้าเปลี่ยนไป ครูในบ้านเราอีกหน่อยไปเรียนต่างประเทศกลับมาเป็นครูกันมากขึ้น ก็จะช่วยให้เราไม่ต้องจ้างครูต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายก็จะลดลง ม้าลูกผสมในไทยก็มีมากขึ้นต้นทุนก็ถูกลง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเด็กออร์ทิสติกซึ่งคุณหมอจะแนะนำให้ผู้ปกครองพามาเรียนขี่ม้า ก็จะมีราคาพิเศษเป็นรายบุคคล”

 

เด็ก ๆ มาแต่เช้าตรู่ขี่ม้าเดินรอบ ๆ สนาม เมื่อเด็กโตขึ้นต้องเปลี่ยนม้าตามขนาดของตัว แต่สำหรับเด็กที่เป็นนักกีฬาควรซื้อม้าเป็นของตัวเอง เนื่องจากม้าที่มีคนขี่หลายคนจะสับสนกับคำสั่งทำให้ปฏิบัติไม่ได้ตามต้องการ

 

กิจกรรมสำหรับเด็ก

สโมสรขี่ม้าแจ้งวัฒนะรับเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป 1 คอร์ส เรียนทั้งหมด 10 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง สำหรับเด็กเล็กอายุไม่เกิน 4 ขวบเรียนครั้งละครึ่งชั่วโมง โดยเปิดวันละ 2 ช่วง ตั้งแต่ 8.00-12.00 น. และ 14.00-17.00 น. ส่วนกลุ่มที่นำม้ามาฝากหรือนักกีฬาจะเริ่ม 17.00-18.00 น. เพื่อรอให้สนามกลางแจ้งแดดร่ม เด็กเล็กส่วนใหญ่จะเรียนแต่เช้าตรู่เพื่อไม่ให้ร้อนมาก ช่วงสายและบ่ายจะเป็นคลาสเรียนสำหรับผู้ใหญ่

เด็กที่เริ่มมาเรียนใหม่ ๆ จะมีพี่เลี้ยงช่วยจูงม้าเดินบริเวณพื้นที่กลางแจ้ง ซึ่งทำเป็นลานโล่งเหมือนเดินเล่นในสวน เมื่อเด็กเริ่มคล่องจึงปล่อยให้คุมม้าเอง จากนั้นจึงเข้ามาฝึกเดินสนามในร่ม แล้วจึงพัฒนาการบังคับม้าให้วิ่ง กระโดด

“พอเด็กนั่งตรงถูกต้องไม่กลัวไม่เกร็ง เราก็เริ่มให้บังคับเอง อาจจะมีเด็กจูงม้าคอยดูอยู่ข้าง ๆ ถ้าวิ่งในสนามปลอดภัยผ่านแล้วก็มาเดินมาสนามในร่ม พอค่อนข้างโอเคไปเดินข้างนอกได้เอง สำหรับเด็กที่ฝึกใหม่ ๆเราจะเลือกม้าที่สามารถควบคุมได้ จะไม่ใช้ม้าที่เก่งเกินไปเพราะความสามารถของเด็กจะยังบังคับไม่ได้”

สนามกลางแจ้งสำหรับเด็กที่ฝึกจนเชี่ยวชาญและนักกีฬาที่นำมาฝากไว้ที่นี่ ได้ใช้สนามฝึกขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Showjumping) และศิลปะการบังคับม้า (Dressage)

“การเรียนของเด็ก ๆ จะใช้คำสั่งแบบสากลทั้งหมด จึงสามารถนำไปใช่ต่อยอดในการเรียนระดับสูงขึ้นไปหรือเรียนต่อในต่างประเทศได้ การขี่ม้าจะเน้นสั่งด้วยท่าทางไม่ออกคำสั่งด้วยคำพูด เช่น ม้าเดิน ให้ใช้ขาสองข้างกระทุ้งสีข้างม้าเบา ๆ เรียกว่า เตือนน่อง ระหว่างที่ม้าเดินเด็กจะเตือนน่องไปเรื่อย ๆ หากต้องการให้ม้าเลี้ยวไปทางใดให้ดึงบังเหียนด้านนั้น เช่น เลี้ยวขวาใช้มือขวาดึงบังเหียนผ่อนสายด้านซ้าย  หยุดให้ดึงสายบังเหียนทั้งสองข้างเข้าหาตัวเบา ๆ เมื่อขี่เสร็จให้เด็กๆ ตบคอม้า พูดชมและขอบคุณทุกครั้ง”

เมื่อขี่ม้าเสร็จทุกครั้งเด็กจะตบคอม้าเบา ๆ พูดขอบคุณและนำขนมหรือผลไม้มากินเป็นการตอบแทน

 

หากสนใจพาเด็กๆมาเรียนรู้การขี่ม้า

ติดต่อได้ที่ สโมสรขี่ม้าแจ้งวัฒนะ ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 42

โทรศัพท์ 0-876-392-395 Facebook: Chaengwattana Horse Club

ขอขอบคุณ

คุณสุทธิพงษ์ ธารินเจริญ

คุณสุทธิพา ธารินเจริญ

 

ค้นหาห้องเรียนธรรมชาติอื่น ๆเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือ NATURE LEARN ห้องเรียนธรรมชาติ สั่งซื้อง่าย ๆได้ที่นี่ >> https://www.facebook.com/Baanlaesuanbooks/


เรื่องที่น่าสนใจ