มาปลูก 5 สมุนไพรฝรั่ง ไว้กินเองที่สวนหลังบ้านกัน

สมุนไพรฝรั่ง หลายคนชอบรับประทานอาหารฝรั่งมีไม่น้อยที่อยากปลูก พืชสมุนไพรฝรั่ง ไว้ประกอบอาหารเอง ซึ่งปัจจุบันพืชสมุนไพรฝรั่งมีการปลูกในบ้านเราอย่างแพร่หลาย

ว่านสบู่เหล็ก

ว่านสามพันตึง ชื่อวิทยาศาสตร์: Xanthosoma nigrum (Vell.) Mansf. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูงประมาณ 2 เมตร มีลำต้นใต้ดินคล้ายเผือก แตกหน่อและไหลสั้นๆ รอบต้นแม่จำนวนมาก  ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปสามเหลี่ยม กว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตร ยาวกว่า 15 เซนติเมตร โคนใบเงี่ยงลูกศร ปลายใบแหลม แผ่นใบหนา สีเขียวคล้ำ เห็นเส้นใบสีเขียวเทา และมีนวลปกคลุม ใต้ใบสีเขียวเทา ก้านใบกลม สีม่วงคล้ำ ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ใบประดับรองรับช่อดอกสีเขียวอมม่วง ตอนบนสีขาว ปลีดอกสีขาวนวล อัตราการเจริญเติบโต: ปานกลาง ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดครึ่งวันถึงตลอดวัน น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ แยกไหล การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ […]

ว่านปรอท

ชื่อวิทยาศาสตร์: Typhonium  sp. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูงประมาณ 20 เซนติเมตร มีลำต้นใต้ดินคล้ายหัวเผือก รูปทรงกลมขนาดเล็ก ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่กว้างหรือรูปหัวใจ เนื้อใบค่อนข้างหนา สีเขียวเข้ม เส้นใบเด่นชัด ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ใบประดับคล้ายกาบรองรับช่อดอกสีขาวนวล มีจุดประสีแดง ปลีดอกสีเหลือง อัตราการเจริญเติบโต: ช้า  ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ ในทางสมุนไพรใช้เป็นยาถอนพิษ ฝี และอาการปวดแสบปวดร้อนจากน้ำร้อนลวกหรือไฟลวก โดยนำหัวหรือใบมาตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาว พอกบริเวณที่เกิดอาการจะช่วยบรรเทาอาการลงได้ แต่หัวว่านนี้เมื่อกินเข้าไปแล้วจะคันมาก เนื่องจากมีสารแคลเซียมออกซาเลตในเนื้อ หมายเหตุ: ว่านปรอทที่ปลูกเลี้ยงกันในปัจจุบันมีหลายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่เป็นต้นที่เรียกว่า ว่านตะพิดเล็ก หรือ อุตพิดเล็ก (Typhonium sp.) ซึ่งเป็นพืชอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ว่านปรอทในบางตำราก็เป็นพืชในวงศ์ขิงด้วย

ว่านกวักพระพรหม

สาลิกาลิ้นทอง ชื่อวิทยาศาสตร์: Schismatoglottis sp. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: ลำต้นเหนือดินสูง 30-40 เซนติเมตร มีข้อปล้องเด่นชัด  ใบ: ใบรูปรีแกมรูปไข่ แนวเส้นใบเป็นร่องตื้น สีเขียว มีลายสีขาวเหลือบเงินเป็นแถบตามยาวทั้งสองด้านของแผ่นใบ ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ใบประดับรองรับช่อดอกสีเขียวอ่อน ปลีดอกสีขาว อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี โดยเฉพาะดินใบก้ามปู แสงแดด: แสงแดดรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมปลูกเพื่อความเป็นสิริมงคล เมตตามหานิยม และช่วยให้ค้าขายดี บางถิ่นเรียกว่า สาลิกาลิ้นทอง

ว่านเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์

ชื่อวิทยาศาสตร์: Homalomena  sp. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูง 30-50 เซนติเมตร ทุกส่วนมีกลิ่นหอม ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปหัวใจกว้าง สีเขียว ก้านใบสีม่วงแดง ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ก้านช่อดอกสีขาวมักโค้งลง ใบประดับคล้ายกาบรองรับช่อดอกสีเขียว ปลีดอกสีขาวนวล อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ

ว่านเสน่ห์จันทร์ศรีมหาโพธิ์

ว่านเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ ชื่อวิทยาศาสตร์: Homalomena  lindenii (Rodigas) Lindl. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: ลำต้นเหนือดินสูง 30-50 เซนติเมตร ทุกส่วนมีกลิ่นหอม  ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปหัวใจ สีเขียว กาบใบสีเขียวมีขอบขาว ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ใบประดับคล้ายกาบรองรับช่อดอกสีเขียว ปลีดอกสีขาวนวล อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ ความเชื่อ: สรรพคุณเหมือนว่านเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ หมายเหตุ: ว่านต้นนี้คาดว่ากลายพันธุ์มาจากว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ใบและก้านใบมีสีเขียว แต่อ่อนแอต่อเพลี้ยแป้ง จึงทำให้ใบดูหยาบด้านกว่าว่านเสน่ห์จันทร์ขาว

ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว

ชื่อวิทยาศาสตร์: Homalomena lindenii (Rodigas) Lindl. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูงประมาณ 30 เซนติเมตรทุกส่วนมีกลิ่นหอม ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปหัวใจ มีเส้นใบสีขาวชัดเจน ก้านใบสีขาว ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ก้านช่อดอกสีขาวมักโค้งลง ใบประดับคล้ายกาบรองช่อดอกสีขาว ปลายสีเขียวอ่อน ปลีดอกสีขาว อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ เชื่อว่าเป็นว่านทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ในสมัยโบราณหญิงและชายนิยมปลูกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นเสน่ห์แก่ตน ตามตำรากบิลว่านและต้นยาวิเศษนานาชนิดของคุณพยอม วิไลรัตน์ (2504) มีอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์

ว่านสาวน้อยประแป้ง

ว่านสาวน้อยประแป้ง สาวน้อยประกายเพชร/ไอ้ใบ้/Dumb Cane ชื่อวิทยาศาสตร์: Dieffenbachia seguine (Jacq.) Schott ว่านสาวน้อยประแป้ง วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูง 50-80 เซนติเมตร มีน้ำยางใสทุกส่วนของลำต้น ข้อปล้องชัดเจน สีเขียว เมื่อมีอายุมากขึ้น ลำต้นมักทอดเลื้อยไปตามผิวดิน  ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปรี ปลายใบแหลมมีติ่งแหลมสีเขียว มีจุดประสีขาวกระจายทั่วไป ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: ปักชำยอด ปักชำข้อ การใช้งานและอื่นๆ: เป็นไม้ประดับจากต่างประเทศที่นำเข้ามาปลูกนานแล้ว และมักกลายพันธุ์ไปอีกหลายแบบ ใบเป็นสีขาวแกมเหลืองเกือบทั้งใบ ขอบใบสีเขียว ทุกส่วนของต้นมีสารแคลเซียมออกซาเลต เมื่อถูกน้ำยางจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างแรง ก่อนใช้ควรศึกษาให้ดีก่อน ความเชื่อ: เป็นว่านเสี่ยงทายโชคลาภ เสน่ห์เมตตามหานิยม หากปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยให้ค้าขายดี

ว่านสิงหโมรา

ผักหนามแดง/ผักหนามฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์: Cyrtosperma johnstoni  (N.E.Br.) N.E.Br. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูง 50-80 เซนติเมตร  ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปสามเหลี่ยม โคนใบรูปเงี่ยงลูกศร ปลายใบแหลม แผ่นใบหนา สีเขียวเข้มเป็นมัน เส้นใบสีแดง ก้านใบสีขาวอมเขียวอ่อน มีลายขวางตามยาวสีดำ มีหนามแข็งทั่วไป ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ใบประดับคล้ายกาบรองรับช่อดอกสีม่วงดำ ปลีดอกสีเหลืองนวล อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินชุ่มชื้นหรือมีน้ำขังตื้นๆ แสงแดด: แสงแดดครึ่งวันถึงตลอดวัน น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ และเป็นสมุนไพรโดยนำกาบต้นมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ดองเหล้า ทำเป็นทิงเจอร์ กินครั้งละครึ่งถ้วยชา หรือประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหาร ช่วยให้เจริญอาหารและบำรุงโลหิต แก้โรคโลหิตจาง ซูบซีด หน้ามืดเป็นลมวิงเวียนบ่อยๆ […]

ว่านมเหศวร

ว่านขุนศึก ชื่อวิทยาศาสตร์: Colocasia  sp. วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูง 80-100 เซนติเมตร มีลำต้นใต้ดินคล้ายหัวเผือก หากปลูกในที่มีความชื้นสูงจะแตกไหลยาวจำนวนมาก ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปหัวใจ ขนาดใหญ่ สีเขียว เส้นใบมีสีดำ ก้านใบกลม สีเขียว ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบแบบช่อเชิงลดมีกาบ ใบประดับรองรับช่อดอกคล้ายกาบสีเขียว ปลีดอกสีเหลือง อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดด: แสงแดดรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ แยกไหล การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ ความเชื่อ: เชื่อกันว่ามีเทวดารักษา ต้องระวังไม่ให้รอบต้นสกปรกหรือมีสิ่งลามก

ว่านกวักโพธิ์เงิน

บอนใบโพ/ว่านโพธิ์เงิน/ว่านโพธิ์ทอง ชื่อวิทยาศาสตร์: Caladium schomburgkii Schott วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวแบบเผือก รูปทรงกลม สูง 30-35 เซนติเมตร ใบ: ใบรูปไข่ โคนใบกลม ปลายใบแหลม แผ่นใบสีเขียว เส้นกลางใบสีขาว ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบ ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น ใบประดับรองรับช่อดอกสีเขียว ช่อดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ ปลีดอกสีขาวถึงสีเหลืองนวล ดอกมีกลิ่นหอมตอนกลางคืน อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ดินร่วนระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูงแสงแดด แสงแดด: ชอบครึ่งวันถึงรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อหรือผ่าหัว การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ ว่านชนิดนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านกวักโพธิ์ทอง แต่แตกต่างกันที่แผ่นใบค่อนข้างกลม โคนใบกลมเว้าเล็กน้อย เส้นใบมีสีแดง โดยเชื่อว่าหากปลูกแล้วจะเป็นศิริมงคล เมตตามหานิยม และช่วยให้ค้าขายดี หากปลูกดีๆ จะมีโชคลาภหลั่งไหลมามิได้ขาด

ว่านพญาปัจเวก

พญาเศวต/พระยาเศวต ชื่อวิทยาศาสตร์: Caladium humboldtii (Raf.) Schott วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูง 8-10 เซนติเมตร มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวแบบเผือก หัวกลม ขนาดประมาณ 8 มิลลิเมตร ทุกส่วนอวบน้ำ ใบ: ใบรูปหัวใจ โคนใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม แผ่นใบบางสีเขียว มีแต้มสีขาวกระจายทั่วใบ ก้านใบกลมสีเขียวอ่อน โคนกาบใบสีน้ำตาลเรื่อ ดอก: ช่อดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง แสงแดด: แสงแดดครึ่งวัน น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับและใช้เป็นสมุนไพร โดยนำหัวมาตำผสมเหล้า ทาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย บ้างว่าใช้แก้พิษงู หมายเหตุ: ว่านชนิดนี้ปลูกเลี้ยงกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตามบ้านขุนนางใหญ่ เพื่อประดับบารมี

สิงโตสมอหิน

สิงโตกลอกตา ชื่อวิทยาศาสตร์: Bulbophyllum blepharites Rchb.f. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ขึ้นได้ทั้งบนต้นไม้และบนหิน ลำต้น: หัวรูปไข่ สีน้ำตาลอมเขียวหรือเขียวอมเหลือง ผิวมีร่องตามยาว ขนาด 2-4×1.5-2 เซนติเมตร เรียงตัวบนเหง้าเป็นระยะ ใบ: รูปรี แตกที่ยอด ขนาด 6-8×1.5-2 เซนติเมตร แผ่นใบหนาและแข็ง ปลายใบหยักเว้าตื้น ดอก: ออกเป็นช่อ 5-10 ดอก ก้านช่อยาว กลีบสีเขียวอมเหลือง ปลายสีม่วงแดง และมีเส้นสีแดงตามความยาวกลีบ ขอบกลีบมีขนยาว ดอกกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 2.5 – 3 เซนติเมตร ออกดอกเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ […]

เอื้องกุหลาบแดง

ชื่อวิทยาศาสตร์: Aerides crassifolia Par. ex. Burb. วงศ์: Orchidaceae ประเภท: กล้วยไม้อิงอาศัย ดอก: ออกเป็นช่อยาวห้อยโค้งลง 15-20 ดอก กลีบดอกสีชมพูสดหรือม่วงแดง กลีบปากเป็นแผ่กว้าง ตรงกลางมีแถบสีม่วงอมชมพูเข้ม ดอกขนาด 2.5-3 เซนติเมตร ออกดอกเดือนเมษายน – พฤษภาคม ดิน: วัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี โปร่ง ระบายน้ำและอากาศดี เช่น ถ่านทุบ อิฐมอญทุบ กาบมะพร้าว รากเฟินชายผ้าสีดา เศษกระถางแตก หินภูเขาไฟ เป็นต้น น้ำ: ปานกลาง แสงแดด: รำไร หรือได้รับแสงในช่วงเช้า ขยายพันธุ์: แยกกอ ปักชำ หรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การใช้งานและอื่นๆ: เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางแขวนประดับสวน หรือมุมบ้าน หากเลี้ยงในกรุงเทพฯ จะออกดอกค่อนข้างยากและช่อดอกสั้น

ชายผ้าสีดาปักษ์ใต้

ชายผ้าสีดาปักษ์ใต้ / Elkhorn Fern ชื่อวิทยาศาสตร์: Platycerium coronarium (J.G. Koenig ex Muell.) Desv.  วงศ์: Polypodiaceae ประเภท: ไม้ใบ/เฟินอิงอาศัย ใบ: ใบที่ไม่สร้างสปอร์ตั้งตรงขึ้น ยาวได้ถึง 1 เมตร  ปลายด้านบนหยักเว้า ส่วนโคนใบหนา ใบสร้างสปอร์ห้อยลง ยาว 1-3 เมตร แตกแขนงหลายครั้งเป็นแฉกเรียวเล็กจำนวนมาก หากเกิดรวมกันเป็นกอใหญ่จะดูคล้ายม่านสีเขียวสด อัตราการเจริญเติบโต: ปานกลาง วัสดุปลูก: โปร่ง เบา เก็บความชื้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี มีอินทรียวัตถุ เช่น กาบมะพร้าวสับ กาบเฟินชายผ้าสีดา (รากเฟินชายผ้าสีดา) ผสมกับถ่านทุบและใบไม้ผุ น้ำ: ปานกลางถึงสูง แสงแดด: รำไรถึงมาก ขยายพันธุ์: เพาะสปอร์ หรือแยกกอ การใช้งานและอื่นๆ :  ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ชอบความชุ่มชื้น แต่ไม่ชอบอากาศเย็น นิยมทำไม้กระถางหรือปลูกเกาะกับต้นไม้ […]

เฟินราชินีเงิน

เฟินเงิน/Victoria Fern/Victorian Brake Fern ชื่อวิทยาศาสตร์: Pleris ensiformis ‘Victoriae’   วงศ์: Pteridaceae ประเภท: ไม้ใบ/เฟินดิน ความสูง: 30-50 เซนติเมตร ลำต้น: เป็นพุ่มแน่น ใบ: ใบหยักลึกเป็นแฉกเรียวแหลมคล้ายขนนก โดยเฉพาะใบที่ปลายสุดจะยาวเรียวมาก พื้นใบสีเขียว กลางใบด่างสีขาวเป็นลายคล้ายก้างปลา ใบสร้างสปอร์มีแฉก ใบแคบเล็กมาก ชูสูงขึ้นจากพุ่มใบ อัตราการเจริญเติบโต: ปานกลาง วัสดุปลูก: โปร่ง เก็บความชื้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี มีอินทรียวัตถุ อาจเป็นดินร่วนผสมทรายหยาบและอินทรียวัตถุหรือใบไม้ผุ หรือผสมวัสดุอื่นที่หาได้ เช่น อิฐมอญทุบ ถ่านทุบ เศษโฟมหัก น้ำ: ปานกลาง ความชื้นสูง แสงแดด: รำไร ขยายพันธุ์: เพาะสปอร์ หรือแยกกอ การใช้งานและอื่นๆ : นิยมทำไม้กระถางหรือจัดสวน มีอีกต้นที่คล้ายกันคือ Evergemiensis เรียกเฟินเงิน เช่นกัน

เฟินหางไก่ด่างปลายแฉก

ชื่อวิทยาศาสตร์: Pleris multifida ‘Cristata Variegata’   วงศ์: Pteridaceae ประเภท: ไม้ใบ/เฟินดิน ลำต้น: เป็นพุ่มโปร่ง กระทัดรัด ไม่แผ่กว้าง ใบ: ใบย่อยเรียวเล็ก ปลายใบแตกแขนงเป็นแฉกสั้นๆ กลางใบมีแถบด่างสีขาวครีม ขอบใบจักฟันเลื่อย   อัตราการเจริญเติบโต: ปานกลาง วัสดุปลูก: โปร่ง เก็บความชื้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี มีอินทรียวัตถุ อาจเป็นดินร่วนผสมทรายหยาบและอินทรียวัตถุหรือใบไม้ผุ หรือผสมวัสดุอื่นที่หาได้ เช่น อิฐมอญทุบ ถ่านทุบ เศษโฟมหัก น้ำ: ปานกลาง ความชื้นสูง แสงแดด: รำไร ขยายพันธุ์: เพาะสปอร์ หรือแยกกอ การใช้งานและอื่นๆ : กลายพันธุ์จากเฟินหางไก่  ปลูกเลี้ยงง่าย นิยมทำไม้กระถาง

กูดดอยบราซิลเลียน

Brazilian Tree Fern ชื่อวิทยาศาสตร์: Blechnum brasilliense Desv. วงศ์: Blechnacaea ประเภท: ไม้ใบ/เฟินดิน ความสูง: 30-80 เซนติเมตรหรือสูงกว่านี้ ลำต้น: เป็นพุ่ม แตกใบเป็นระเบียบ มีเหง้าสั้นตั้งตรง สีน้ำตาลดำ ใบ: รูปรีแกมใบหอก ปลายแหลม โคนสอบ ขนาด 30-90 เซนติเมตร เป็นใบประกอบขนนก แกนกลางใบสีเขียวอมแดงถึงน้ำตาลแดง ใบย่อย รูปแถบยาว ปลายแหลม ขอบใบจักฟันซี่เล็กๆ และเป็นคลื่นเล็กน้อย โคนเชื่อมติดกับแกนกลางใบ สีเขียวถึงเขียวเข้ม ใบอ่อนมีสีส้มทองแดง อัตราการเจริญเติบโต: ปานกลาง-ช้า วัสดุปลูก: โปร่ง เก็บความชื้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี มีอินทรียวัตถุ อาจเป็นดินร่วนผสมทรายหยาบและอินทรียวัตถุหรือใบไม้ผุ หรือผสมวัสดุอื่นที่หาได้ เช่น อิฐมอญทุบ ถ่านทุบ เศษโฟมหัก น้ำ: ปานกลาง  ชอบความชื้นสูง แสงแดด: รำไร ขยายพันธุ์: […]