การรีโนเวตของจุดกำเนิด แห่งแบรนด์คาร์เทียร์ THE NEW 13 rue de la Paix ศิลปะแห่งการแปลงโฉมอาคาร

เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ คือสถานที่ซึ่งเป็นดั่งมหาวิหารแห่งคาร์เทียร์ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลก และนี่คือศิลปะแห่งการแปลงโฉม ที่สถาปนิกชั้นยอดกำลังจะปรับให้สถาปัตยกรรมแห่งนี้ก้าวสู่ยุคสมัยถัดไป เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ คือจุดกำเนิดและแหล่งความทรงจำร่วมของเมซง จึงมีฐานะเป็นหนึ่งในสามวิหารแห่งคาร์เทียร์ โดยอีกสองแห่งอยู่ที่ถนนบอนด์สตรีท กรุงลอนดอน และถนนหมายเลข 5 (5th Avenue) ในนิวยอร์ก นั่นเอง

ที่แห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของฌานน์ ตูแซงต์และหลุยส์ คาร์เทียร์ คือแหล่งกำเนิดรูปแบบเชิงสุนทรียศาสตร์และสร้างสรรค์ของแบรนด์ที่มีความเป็นหนึ่งแต่มีมากกว่าหนึ่ง มีเอกลักษณ์และเป็นสากล จึงเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจไม่รู้จบ สำหรับการรังสรรค์สมบัติล้ำค่าแห่งอดีตและอนาคต

อาคารใหม่ที่ได้ฤกษ์เผยโฉมในวันนี้เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ไม่ได้เป็นของสมัยใด แต่ให้ความเคารพทุกสมัย ไม่ติดกับสไตล์ใด แต่เชิดชูทุกสไตล์โดยไม่มีการยกเว้น และได้นำรหัสแห่งปารีสมาตีความใหม่อย่างเสรีและใส่ความเป็นละครลงไป นำเสนอความเป็นเมืองหลวงฝรั่งเศสในแบบฉบับที่อลังการ งดงามดังบทกวี และไร้กาลเวลา จากวิวหลังคาไปจนถึงทัศนมิติ และสมบัติลับล้ำค่าของเมือง

วิสัยทัศน์เชิงสถาปัตยกรรมนี้เป็นสไตล์คาร์เทียร์ทั้งหมด และค้นพบพลังในทุกยุคสมัย ทุกวัฒนธรรม ในการที่จะตรึงความงามและความเป็นสากลของแต่ละยุคและแต่ละวัฒนธรรมออกมา ไม่ว่าจะเป็นความงาม ความพิสุทธิ์ ความโอ่อ่าในสไตล์อพอลโลเนียนและไดโอนิเซียน  ด้วยพื้นที่ที่โอ่โถงและเปิดรับแสงสว่าง จึงเป็นสถานที่สำหรับใช้ชีวิตและพบปะกันเพื่อการสร้างสรรค์และจินตนาการ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เชิญคุณมาร่วมการเดินทางอันล้ำค่า สู่ใจกลางจักรวาลคาร์เทียร์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่มองลึกสู่ภายใน จึงทำให้อาคารนี้เป็นที่ตั้งอันอบอุ่นใกล้ชิดสำหรับอัญมณีที่เลิศล้ำและช่วงเวลาที่ไม่อาจลืม การมาบรรจบกันระหว่างอนาคตกับอดีต ได้ผ่านการผนึกประสานและควบคุมไว้ใต้อดีตกาลที่สมบูรณ์

เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ ผูกพันอย่างแยกไม่ออกกับยุคสมัย และมีวิวัฒนาการตามจังหวะการเคลื่อนไหวของปารีส ในแง่มุมที่มีแรงดึงดูดและสร้างแรงบันดาลใจสูงสุด ที่แห่งนี้จึงผ่านชีวิตมาหลากหลาย อัลเฟรดและหลุยส์ คาร์เทียร์เป็นผู้เลือกอาคารหลังนี้ และหลังจากนั้นไม่นานหลุยส์ก็ลงมือแปลงโฉมและขยายพื้นที่อาคารออกไป เลขที่ 13 รองรับการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี และการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสมัยก็มีส่วนสร้างมรดกที่ไม่เหมือนใครให้กับคาร์เทียร์

เรื่องราวบทใหม่ในมหากาพย์แห่งการสร้างสรรค์เริ่มต้นขึ้น เมื่อคาร์เทียร์เผยโฉมบูติกในกรุงปารีส หลังปิดปรับปรุงนานกว่า 2 ปี (มิถุนายน 2022-ตุลาคม 2022) โดยคิดใหม่ ออกแบบใหม่ และตกแต่งภายในใหม่ทั้งอาคาร จนเรียกได้ว่าเป็นการสร้างใหม่ทั้งหมด ทีมสถาปนิก 3 ทีมที่ทางเมซงชื่นชอบในฝีมือ มาทำงานร่วมกันเพื่อแปลงโฉมอาคารในหลายแง่มุม และสร้างความสอดคล้องกลมกลืนกันทั้ง 6 ชั้น

ภายในอาคารปรับปรุงใหม่เกือบทั้งหมด จนแทบไม่เหลือร่องรอยของงานตกแต่งภายในในอดีต ซึ่งก็เริ่มจากศูนย์เช่นกัน จึงเรียกได้ว่าเป็นโครงการที่ใหญ่กว่าครั้งใดๆ แต่การปรับปรุงครั้งนี้ก็ไม่ได้หันหลังให้กับอดีตอันรุ่งเรืองแต่อย่างใด… การแปลงโฉมเป็นไปอย่างนุ่มนวลและสดใสเรืองรอง โดยยังคงไว้ซึ่งเรื่องราวระหว่างยุคสมัยต่างๆ และสไตล์การตกแต่งที่หลากหลายของเมซง แสดงความเคารพสดุดีทุกสมัยและทุกสไตล์ แต่ในขณะเดียวกันก็จารึกไว้ซึ่งความทันสมัยไร้กาลเวลา การทำงานทั้งด้านสถาปัตยกรรมและมัณฑนศิลป์ ได้เก็บรักษาองค์ประกอบที่สำคัญของอาคารไว้บางส่วน เช่น ผนังหน้าอาคาร องค์ประกอบเชิงประวัติศาสตร์ของห้องต่างๆ และรายละเอียดการตกแต่ง เช่น บัวผนังเก่าในบางห้องที่เรียงต่อกัน นับป็นการตีความเอกลักษณ์และมรดกของเมซงเสียใหม่ในแนวร่วมสมัย และโครงการสุดพิเศษนี้ก็ผ่านเกณฑ์สูงสุดด้านนิเวศวิทยา เช่นเดียวกับการปรับปรุงอาคารโครงการอื่นๆ ของคาร์เทียร์ ที่ให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์กับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพเสมอมา เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ มีความสำคัญอย่างที่สุดสำหรับเมซง การปรับปรุงอาคารจึงมุ่งสร้างความเป็นแบบอย่าง ในฐานะอาคารที่มีความรับผิดชอบและมีคุณธรรม

การเดินทางที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด

ผนังหน้าอาคารอันเป็นตำนานของเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ และหินอ่อนสีดำที่คนกล่าวถึงอย่างมากมายเมื่อแรกสร้าง ได้รับการอนุรักษ์ไว้คู่กัน นอกจากนี้มาทิลด์ โลรองต์ (Mathilde Laurent) ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมคาร์เทียร์ ยังได้ร่วมกับสตูดิโอแมรี่ เลนน็อกซ์ (Studio Mary Lennox) ผู้เชี่ยวชาญงานจัดแต่งดอกไม้และออกแบบทางพฤกษศาสตร์ รังสรรค์ดีไซน์พรรณไม้แนวดิ่งสำหรับประดับผนังหน้าอาคารให้งดงามยิ่งขึ้นไปอีกด้านหน้าอาคารเลขที่ 13 จะมีบูธบริการที่รวดเร็วและเปี่ยมประสิทธิภาพไว้ต้อนรับ พร้อมทั้งให้ข้อมูลสถานที่แก่ลูกค้าเป็นจุดแรก ภายในอาคารมีทีมคอยต้อนรับและบอกทางแก่ลูกค้า ตามความต้องการของแต่ละท่าน ด้วยบริการพิเศษระดับโรงแรมห้าดาว ตั้งแต่ประตูทางเข้าและตลอดทุกเส้นทางเดินที่ไร้จุดจบในพื้นที่ด้านในอาคาร  ทุกรายละเอียดทุกช่องทางเดินล้วนผ่านการเลือกสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภูมิทัศน์ทางเสียง การใช้กลิ่นเสริมบรรยากาศ มุมมองด้านสายตา หรือการเอาใจใส่เป็นพิเศษตั้งแต่ลูกค้ามาถึง เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศอบอุ่นละเมียดละไม สร้างความสบายให้กับผังพื้นที่ใหม่รวมทั้งการตกแต่งทั้งหมด เมื่อก้าวเข้ามา สายตาทุกคนจะถูกดึงให้มองตรงไปด้านหลังบูติก ซึ่งมีห้องโถงกลางบรรยากาศคล้ายคอร์ตยาร์ดในอาคารแบบปารีเซียง ทำหน้าที่เป็นแกนแนวดิ่งและพื้นที่ระบายอากาศของอาคาร ส่วนหลังคากระจกที่อยู่สูงขึ้นไปก็เปิดรับแสงเข้าสู่พื้นที่ภายในทั้ง 6 ชั้น ซึ่งนอกจากจะสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ต่างๆ แล้ว ยังเอื้อต่อการเปิดบทสนทนาระหว่างสไตล์ต่างๆ ที่เป็นลักษณะเด่นในประวัติความเป็นมาของคาร์เทียร์

เส้นเชื่อมอีกเส้นที่ผูกโยงทั่วทั้งอาคาร คือห้องประวัติศาสตร์ที่กระจายกันอยู่ 4 ชั้น และเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปใช้บริการได้ ห้องเหล่านี้เปรียบเหมือนเครื่องหมายวรรคตอนระหว่างการเดินทาง ที่เตือนใจให้เรานึกถึงพลังในมรดกเชิงสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ และยังเป็นเป็นพื้นที่พักผ่อนในธีมต่างๆ โดยแต่ละห้องเปรียบเหมือนจักรวาลเล็กๆ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ 1 อย่าง ในประวัติความเป็นมาหรือผลงานด้านสไตล์ของคาร์เทียร์ไว้ให้สำรวจ

13 รูเดอลาเปซ์ คือบ้านในประวัติศาสตร์และบ้านในปารีสของคาร์เทียร์… เราต้องคำนึงถึงมรดกนี้ ต้องหาเรื่องเล่าร่วมสมัยสำหรับสถาปัตยกรรมคลาสสิกของอาคาร และเล่นกับรหัสต่างๆ ของสัญลักษณ์ที่เป็นดุจไอคอน สถาปนิกที่เราเลือกมาร่วมทางกับเราในการผจญภัยครั้งพิเศษนี้ ต้องทุ่มเทความสามารถอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ให้ความสำคัญในการมาพบกันของหลายมุมมอง หลายแนวทาง หลายสไตล์ ทำให้เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ในรูปลักษณ์ใหม่ เป็นการรวมทีมในเชิงสถาปัตยกรรมและมัณฑนศิลป์ที่ไม่เหมือนใคร และเป็นภาพสะท้อนจิตวิญญาณคารเทียร์ได้อย่างแม่นยำที่สุด

สถาปนิก แคลร์ เบตัยล์ (Claire Bétaille) และบรูโน่ มัวนาร์ (Bruno Moinard) © Jacques Pépion.

ชั้นกราวด์ ชั้นหนึ่ง และชั้นสอง

ความเรืองรองในผลงานสร้างสรรค์และโลกของคาร์เทียร์

การสร้างอาคารสามชั้นด้านล่างขึ้นใหม่ ให้เป็นพื้นที่การค้นพบและการขาย ตกเป็นหน้าที่ของมัวนาร์ เบตัยล์ (Moinard Bétaille) เอเยนซี่ผู้ออกแบบและตกแต่งบูติกคาร์เทียร์มานานกว่า 20 ปี แนวทางของสถาปนิกคู่นี้ ได้แรงบันดาลใจจากการรู้จักเอกลักษณ์คาร์เทียร์อย่างลึกซึ้ง และความเคารพที่ทั้งสองมีต่อมรดกความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของเมซง งานของมัวนาร์ เบตัยล์ คือการตีความพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งการจัดวางผัง เพื่อส่งมอบอาคารที่เป็นตำนานแห่งนี้ในรูปแบบที่ร่วมสมัย มีความเลื่อนไหล สง่างาม ทรงคุณค่า

จากชั้นกราวด์เป็นต้นไป ผู้มาเยือนจะตื่นตาตื่นใจกับการแปลงโฉมและขยายขนาดพื้นที่ภายใน โดยการจัดวางผังใหม่ทำให้ลูกค้าสามารถสำรวจพื้นที่เกือบทั้งชั้น ซึ่งนำเสนอโลกที่แตกต่างหลากหลายของคาร์เทียร์ให้ได้สัมผัส ทัศนมิติที่มีความลึกเป็นพิเศษดึงดูดสายตาให้มองไปที่โถงกลาง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ด้านหลังบูติกทั้งหมด สร้างเสน่ห์ดึงดูดอย่างพราวตา ทุกสิ่งถูกเปิดออกเพื่อให้แสงธรรมชาติ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในการปรับปรุงอาคาร สามารถส่องถึงทุกพื้นที่ เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนเดินชม ห้องประวัติศาสตร์บนชั้นนี้ได้รับการบูรณะอย่างใส่ใจ ดูงดงามด้วยองค์ประกอบทางมัณฑศิลป์ที่ฟื้นคืนชีวิตให้แก่พื้นที่ห้องที่กรุผนังด้วยไม้ และทำหน้าที่เป็นตู้แสดงเรือนเวลาและผลงานวินเทจเหล่านี้ ยังเป็นที่เก็บสมบัติลับอันเป็นมรดกของคาร์เทียร์ เช่น ดาบบัณฑิตที่ฌอง ก็อกโต (Jean Cocteau) ได้รับจากบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส และเก็บไว้ในห้องที่อุทิศให้แก่กวีผู้นี้ นอกจากนี้ยังมีคอลเลคชั่นหนังสือหายากและคลังจดหมายเหตุในห้องสมุดภายในห้องหลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier Salon) ที่พาเราย้อนกลับไปยังที่ทำงานของช่างศิลป์ผู้รังสรรค์สไตล์ และอยู่เบื้องหลังชื่อเสียงที่ขจรขจายไปทั่วโลกของเมซง

ภาพจำลองสามมิติห้องโถงกลางของบูติก
สถาปนิก: Moinard Betaille for Cartier ภาพจำลองสามมิติห้องฌานน์ ตูแซงต์ บนชั้นล่างของบูติก© Comité Cocteau / 2022, ProLitteris, ซูริค

ภาพจำลองสามมิติห้องฌานน์ ตูแซงต์ บนชั้น 1 ของบูติกทางขวามือคือบันไดกลางที่ทำขึ้นใหม่ ราวบันไดประดับลวดลายคล้ายพรรณพฤกษ์ อันเป็นของรักของเมซง บันไดนี้ทอดไปยังอีกสถานที่ ซึ่งแฝงไว้ด้วยสัญลักษณ์ นั่นคือ ห้องฌานน์ ตูแซงต์ (Jean Toussaint Salon) เดิมพื้นที่นี้เป็นห้องทำงานของสตรีผู้รับหน้าที่หัวหน้าฝ่ายออกแบบสืบต่อจากหลุยส์ คาร์เทียร์ ตั้งแต่ปี 1933-1970 ห้องฌานน์ ตูแซงต์มีความสง่างามทว่าอบอุ่นใกล้ชิด และเปิดออกสู่รูเดอลาเปซ์ที่คึกคัก โดยมีห้องขนาดเล็ก ชื่อ Emerald (เอ็มเมอรัลด์-มรกต) และ Ruby (รูบี้-ทับทิม) อยู่ด้านซ้ายและขวา ต่อไปห้องฌานน์ ตูแซงต์จะเป็นพื้นที่นำเสนอผลงานเอ็กซ์คลูซีฟของบูติกโดยเฉพาะ

พื้นที่ชั้น 1 ทั้งหมด ยกเว้นสามห้องที่กล่าวมา อุทิศให้กับโลกของการหมั้นและงานแต่งงาน การตกแต่งใช้วัสดุชั้นดี ผสานกับรายละเอียดเลอค่าในโทนสีพาสเทลและสีทอง มีแสงธรรมชาติอาบไล้ละมุนตาเช่นเดียวกับชั้นกราวด์ การเล่นอย่างมีลีลากับความโปร่งใสและความโค้งเว้าที่ได้แรงบันดาลใจจากอาณาจักรพืชพรรณแห่งธรรมชาติ ล้วนมีส่วนสร้างบรรยากาศอบอุ่นสบายเป็นกันเอง แต่เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม และมอบให้โดยไม่ยัดเยียด ผลลัพธ์คือความทันสมัยแบบผู้หญิงและไร้กาลเวลา ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของบูติกคาร์เทียร์หลายแห่ง แต่ที่นี่นำเสนอออกมาในเวอร์ชั่นปารีเซียงที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร

ชั้น 2 ของบูติกอุทิศให้กับไฮจิวเวลรีผู้มาเยือนสามารถเดินขึ้นบันไดกลาง หรือขึ้นลิฟต์เพื่อความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น เมื่อขึ้นมาจะพบกับห้อง Art Deco, Indes and Inspiration ซึ่งหันหน้าออกสู่ถนนเดอลาเปซ์  และสงวนไว้สำหรับลูกค้าออร์เดอร์พิเศษ กับห้อง Faune et Flore ซึ่งอยู่ติดทางเดิน และการตกแต่งห้องสะท้อนอิทธิพลของเมซง รวมทั้งยุคสมัยที่สำคัญในด้านสไตล์ นับเป็นมุมที่เอ็กซ์คลูซีฟ และออกแบบให้พร้อมรับอารมณ์ที่เกิดจากการได้พบเห็นผลงานอันเป็นเลิศ โดยมีตัวเชื่อมคืองานสถาปัตยกรรมและมัณฑนศิลป์ ที่เลือกสรรมาเพื่อสร้างฉากหลังที่เร้าอารมณ์ สดสว่าง และนุ่มนวล

“สำหรับเรา งานรีดีไซน์หัวใจของคาร์เทียร์ครั้งนี้นับเป็นผลงานที่สำคัญ เพิ่มเติมจากความมุ่งมั่นที่เราได้มอบไว้เคียงคู่กับทางเมซงมากว่า 20 ปี นี่คือแบบจำลองสถาปัตยกรรมและประสบการณ์ของบูติกรุ่นใหม่ ที่จะนำไปใช้กับการปรับปรุงและรังสรรค์ผลงานในอนาคตทั้งหมด ทั้งในแง่สไตล์ บรรยากาศ และของตกแต่ง งานนี้คือบล็อกออกตัวมากกว่าเส้นชัย”

ภาพจำลองสามมิติ ห้อง Faune et Flore บนชั้น 2 ของบูติก

ชั้นสามและชั้นสี่

ฝ่ายบริการเวิร์กชอป และคลังข้อมูล

พื้นที่แสดงความเป็นเลิศ ในเชิงความเชี่ยวชาญและมรดกของเมซง

ลิฟต์สองตัวที่เปิดออกสู่ห้องโถงกลาง นำเราตรงไปยังชั้น 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุทิศให้กับบริการต่างๆ ที่คาร์เทียร์จัดไว้ให้ลูกค้า (บำรุงรักษา ซ่อม เพิ่มรายละเอียดเฉพาะตัว ฯลฯ) สตูดิโอปารีเซียง (Studioparisien) รับหน้าที่ปรับปรุงชั้นนี้ กับเวิร์กชอปไฮจิวเวลรีบนชั้น 4 และคลังผลงานบนชั้นสูงสุดของอาคาร พื้นที่ใหม่เหล่านี้สืบสานขนบเดิมของบูติก และใช้รหัสด้านการออกแบบร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นความสง่างามในสไตล์คลาสสิก รูปทรงโค้งเว้า สีสันอ่อนละมุน วัสดุชั้นดี ฯลฯ แต่เพราะแต่ละพื้นที่มีหน้าที่รองรับการทำงานเฉพาะด้านอย่างชัดเจน จึงมีรูปโฉมที่ร่วมสมัยเป็นจุดเด่นที่ไม่โดดจากพื้นที่อื่น

งานสถาปัตยกรรมบนชั้น 4 มีความโมเดิร์นเป็นพิเศษและไม่รกตา สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับช่างฝีมือ 18 คนที่ทำงานที่นี่ เพราะแสงยามกลางวันส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง ทั้งจากถนนและหลังคากระจกเหนือทางเดิน สร้างบรรยากาศโปร่งสบาย

ลอเรน บาร์บิเยร์ ทาร์ดรูว์ (Laurène Barbier Tardrew) และโรแมง ฌูร์ดอง (Romain Jourdan) สถาปนิกและ                    นักออกแบบ Studioparisien © claudeweber

เวิร์กชอปไฮจิวเวลรี

และคลังผลงาน

บูติกเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เป็นสถานที่แห่งการสร้างสรรค์มาโดยตลอด เช่นเดียวกับบูติกระดับวิหารศักดิ์สิทธิ์อีก 2 แห่งของคาร์เทียร์ที่ถนนบอนด์สตรีท ลอนดอน และเดอะแมนชั่นในนิวยอร์ก และการสร้างเวิร์กชอปไฮจิวเวลรีก็ทำให้เลขที่ 13 เป็นห้องโชว์ผลงานชิ้นพิเศษล้ำค่าที่สุดของเมซง

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อันยาวนานของคาร์เทียร์ ที่มีการออกแบบพื้นที่ด้วยความใส่ใจ เพื่อให้เป็นแหล่งรวมทักษะด้านจิวเวลรีที่แม่นยำและเป็นเลิศ

ชั้น 4 ของอาคาร ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดีเลิศ เป็นที่ตั้งของโต๊ะทำงานช่าง ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบเทคนิคขั้นสูง ทว่าไม่ฉูดฉาดเตะตา และมีแสงธรรมชาติละมุนตาจากโถงกลางของอาคารส่องข้ามาให้ความสว่างอย่างทั่วถึง บริเวณโดยรอบคือห้องสำหรับลูกค้าผู้มีเอกสิทธิ์เพียงไม่กี่คนที่สามารถขึ้นมาถึงชั้นที่สงวนไว้โดยเฉพาะ กับตู้กระจกตั้งแสดงวัตถุไม่กี่ชิ้น ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งบอกขนบเชิงช่างชั้นสูงที่สืบทอดกันมายาวนานของ พื้นที่บางส่วนบนชั้น 5 เป็นที่เก็บรักษาคลังผลงานล้ำค่าของเมซง พื้นที่นี้มีคุณสมบัติสอดคล้องกับข้อกำหนดในการอนุรักษ์เอกสารอันทรงคุณค่า ซึ่งมักอยู่ในสภาพบอบบางอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นเลิศในด้านการให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงเอกสารเหล่านี้ นอกจากนี้ความเอาใจใส่ในการจัดวางผังพื้นที่ ตลอดจนการเลือกวัสดุและของตกแต่ง เช่น โดมอาลาบาสเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ในยามเย็นจะสร้างความรู้สึกเหมือนได้ออกไปอยู่ใต้แผ่นฟ้าปารีส ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของพื้นที่นี้

“เราระมัดระวังในการออกแบบคอนเซ็ปต์ที่แสดงถึงความไร้กาลเวลาและความทรงจำของเมซง แต่ในขณะเดียวกันก็ผสานด้วยลีลาร่วมสมัย และปั้นพื้นที่นี้ขึ้นด้วยการสร้างงานตกแต่งภายในที่ประณีตให้เป็นงานคลาสสิก เพื่อขยายเอกลักษณ์ด้านสไตล์ของคาร์เทียร์ให้เห็นชัดขึ้น และนำจักรวาลอันล้ำค่านี้ไปสู่อนาคต หัวใจของงานวิจัยการออกแบบและสไตล์ของเรา คือความต้องการที่จะสร้างความหมายและไอเดียของการส่งออกไป เราใช้สีทองเข้ามาเพิ่มความชัดสะดุดตา รวมทั้งรายละเอียดและความละเมียดละมุนให้กับงานตกแต่งผนัง ซึ่งเป็นฝีมือของช่างและครูศิลป์ชั้นเยี่ยมที่สุดของฝรั่งเศส และใช้เครื่องเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อแสดงความเคารพต่อศัพท์เชิงสร้างสรรค์ของเมซง ในการตีความเสน่ห์แบบปารีเซียงใหม่นี้ เราเลือกที่จะเล่นกับท้องฟ้าปารีส โดม และเพดาน รวมทั้งไฟในพระราชวังต่างๆ พื้นของทางเดินมีหลังคา และการตกแต่งภายในสไตล์เฮาส์มันน์ โดยเคารพรากฐานของสไตล์คาร์เทียร์เสมอ และท้ายที่สุดเราสร้างบรรยากาศที่เน้นความนุ่มนวลและความเป็นผู้หญิง ด้วยการเติมเส้นโค้งที่มีพลังเข้ามาในงานออกแบบ โดยบางครั้งจะแทรกความหรูหราและสีสันเข้ามาด้วย”

ภาพจำลองสามมิติของพื้นที่บริการลูกค้าบนชั้น 3 ของบูติก

ชั้นห้า

เดอะเรสซิเดนซ์ใต้หลังคา

บนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของอาคาร และเป็นที่ตั้งของคลังผลงาน คาร์เทียร์มอบหมายให้ลอร่า กอนซาเลซ (Laura Gonzalez) เป็นผู้ตกแต่ง เพื่อใช้รับรองแขกและอยู่อาศัย พื้นที่นี้ประกอบด้วยห้องรับประทานอาหาร ห้องรับแขกห้องครัวขนาดใหญ่ และสวนฤดูหนาว

บรูโน่ มัวนาร์ (Bruno Moinard) เป็นผู้ออกแบบพื้นที่กลางแจ้งขนาดเล็ก 2 พื้นที่ สำหรับรับรองมิตรสหาย ศิลปิน และลูกค้าคนสำคัญของเมซง ณ ที่แห่งนี้เวลาคล้ายจะหยุดนิ่งท่ามกลางการตกแต่งด้วยลายพฤกษา สีสันที่เฉิดฉาย วัสดุ รูปทรง เฟอร์นิเจอร์ และผ้าที่หรูหรา และทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเมซง… เดอะเรสซิเดนซ์ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ คือการเดินทางสู่จินตนาการของนักออกแบบผู้ได้พบที่มหัศจรรย์สำหรับการแสดงออกทางศิลปะอยู่ในห้องใต้หลังคาเล็กๆ นี้ เมื่อเข้าไปข้างในจะพบจักรวาลใหม่ที่ไม่เหมือนที่ใด เต็มเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานและความงามดังบทกวี ที่ลงลึกสู่จินตนาการอันลือเลื่องของคาร์เทียร์ที่ได้รับการตีความใหม่ การตกแต่งภายในใช้งานคราฟต์สุดหรูจากช่างฝีมือ เช่น ภาพเขียนบนผ้าไหมกำมะหยี่ปักทับด้วยกระดาษ ซึ่งเป็นผลงานที่ลอร่า กอนซาเลซสร้างสรรค์ร่วมกับอเตลิเยร์ โกฮาร์   (Ateliers Gohard) และลูซี่ ตูเร่ (Lucie Touré) นอกจากนี้ยังมีมาลัยกิ่งไม้แก้วสำหรับประดับผนัง ซึ่งเป็นผลงานของปิแอร์ เมส์กีช์ (Pierre Mesguich) ศิลปินโมเสก ผู้ฝากฝีมือสร้างงานโมเสกสุดอลังการไว้ในสวนฤดูหนาวขนาดเล็กด้านนอกด้วย การรังสรรค์พื้นที่นี้ ซึ่งสามารถปรับเพื่อรองรับความรุ่มรวยและหลากหลายของประสบการณ์ต่างๆ ที่จะพบได้ที่นี่ นับเป็นบทพิสูจน์อันทรงพลังว่าเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เปิดกว้างสู่นครปารีส โลก ตลอดจนอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมอย่างแท้จริง คาร์เทียร์จะแชร์ความมุ่งมั่น ค่านิยม สร้างสรรค์เชิงสุนทรียะ และมิตรสหายผู้เป็นที่รัก ณ ที่แห่งนี้ในกรุงปารีส เช่นเดียวกับที่ได้ทำในนิวยอร์ก ลอนดอน มิลานและเจนีวา ที่นี่คือที่สำหรับการพบปะ แลกเปลี่ยน และการบรรจบกันของแรงบันดาลใจ เดอะเรสซิเดนซ์คืออพาร์ตเมนท์ปารีเซียงในแบบฉบับของตัวเอง ที่ซุกตัวอยู่ใต้หลังคาในบรรยากาศเหมือนฝัน สื่อถึงรสนิยมของคาร์เทียร์ที่ชื่นชอบการแบ่งปัน การพูดคุยสนทนา และมุ่งหวังจะได้มาซึ่งความหมายและความงาม งานสถาปัตยกรรมของเดอะเรสซิเดนซ์ ที่คล้ายจะโฉบร่อนจากลวดลายพฤกษาใต้หลังคากระจก และไหลรินจากยอดอาคาร ก่อนจะเลื่อนลงไปสู่รูเดอลาเปซ์นั้น ทั้งเชิญชวนและเชิดชูจิตใจ

สถาปนิกลอร่า กอนซาเลซ © Matthieu Salvaing

“เดอะเรสซิเดนซ์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางบ้านเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เป็นพื้นที่สุดพิเศษทว่ามีความอบอุ่นใกล้ชิด ด้วยจุดประสงค์ในการใช้งานและขนาดของพื้นที่ จึงดูตัดกับส่วนที่เหลือของอาคาร ทำให้ต้องใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปเพื่อเล่นกับการตัดกันและความประหลาดใจ อพาร์ตเมนต์ที่เหมือนลอยอยู่กลางหมู่เมฆนี้เป็นสนามชั้นเยี่ยมสำหรับเล่นกับความคิดสร้างสรรค์ ที่ซึ่งความเป็นส่วนตัวและความอ่อนโยนอยู่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเราและช่างฝีมือนำจินตนาการและผลงานสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์มาใช้ในการทำเครื่องเรือนที่ได้แรงบันดาลใจโดยตรงจากผลงานบางชิ้นหรือสไตล์บางสไตล์ที่โดดเด่นในประวัติของเมซง เราจะพบลายสัตว์ ลายพรรณพฤกษา และดีไซน์เครื่องประดับของคาร์เทียร์ อยู่บนผนัง อยู่บนฉากปักที่งามเลิศ อยู่บนโต๊ะฝังหินอ่อน… การจัดแสดงจักรวาลของคาร์เทียร์อย่างงดงามราวบทกวี ทำให้อพาร์ตเมนต์นี้เป็นมุมพักผ่อนที่เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์สุดหรรษา และเชื้อเชิญคุณเข้าสู่โลกแห่งความฝัน” ลอร่า กอนซาเลซ

ภาพจำลองสามมิติของเดอะเรสซิเดนซ์บนชั้น 5ตัวเลขสำคัญ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์

การจัดแสดงความเชี่ยวชาญและฝีมือช่าง

ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์

คาร์เทียร์คลั่งไคล้ทักษะที่เหนือธรรมดาและฝีมือช่างเสมอมา

ความเชี่ยวชาญและฝีมือช่าง นอกจากจะนำมาใช้รังสรรค์งานจิวเวลรีสุดพิเศษบางชิ้นแล้ว ยังเป็นจุดเด่นในการตกแต่งบูติกคาร์เทียร์ทั่วโลก โดยทางเมซงมอบหมายให้ช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงรังสรรค์งานที่สั่งทำเป็นพิเศษสำหรับบูติกคาร์เทียร์ ไม่ว่าจะเป็นกระจกแกะสลักสำหรับบูติกเลขที่ 23 ปลาส วองโดม ในปารีส ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากกำไลในคอลเลคชั่นไฮจิวเวลรี งานประติมากรรมนูนต่ำในบูติกที่มาดริด ซึ่งอ้างอิงเข็มกลัดรูปนกแก้วจากปี 1943 งานไม้ลงแลคเกอร์ลายเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้งสไตล์อาร์ตเดโคที่บูติกในเซี่ยงไฮ้ หรือชิ้นอื่นๆ ที่สื่อถึงเสือแพนเตอร์ ที่บูติกในโมนาโก นิวยอร์ก และดูไบ ลวดลายเหล่านี้มักมาจากรูปวาดในคลังผลงาน หรืองานร่วมสมัยที่ล้วนแล้วแต่เป็นสัญลักษณ์ของสไตล์คาร์เทียร์ ชิ้นงานเหล่านี้ออกแบบให้สอดคล้องกับสถานที่ทางภูมิศาสตร์ที่จะนำงานไปติดตั้ง ในบางครั้งจึงอ้างอิงองค์ประกอบสำคัญของภูมิประเทศที่นั่น เพื่อแสดงความเคารพวัฒนธรรมของประเทศนั้น งานที่คาร์เทียร์สั่งทำมักต้องค้นคว้าเตรียมการอย่างยาวนาน บางครั้งก็ต้องใช้เทคนิคที่หายากหรืออาจไม่เคยมีการใช้มาก่อน ทางเมซงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการอนุรักษ์และส่งเสริมอิทธิพลของงานฝีมือดั้งเดิม ซึ่งงานบางแขนงก็มีความเสี่ยงที่จะสูญหายไป บูติกเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์โฉมใหม่ได้นำชิ้นงานที่เป็นเลิศเหล่านี้มาตั้งแสดงอย่างโดดเด่น ในการตกแต่งพื้นที่ใหม่ภายในอาคารและจัดแสดงจักรวาลอันหลากหลายของคาร์เทียร์นั้น ทางเมซงติดต่อเวิร์กชอปช่างศิลป์เกือบ 40 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเวิร์กชอปของช่างศิลป์ชั้นบรมครูของฝรั่งเศสถึง 12 แห่ง ให้ผลิตงานลงแลคเกอร์ งานไม้ งานหิน งานฝังหนังหรือฟาง งานโมเสก งานโลหะประณีต พรม งานแก้ว กระดาษปิดผนังหรือเครื่องเรือนสั่งทำ งานพาติน่า ฯลฯ ซึ่งต้องอาศัยเทคนิคขั้นสูงสุดและช่างฝีมือที่เก่งที่สุดมาทำงานร่วมกัน เพื่อให้ชีวิตแก่เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ และเพื่อจารึกการสร้างบูติกแห่งแรกขึ้นใหม่ลงในประวัติของเมซงที่ถักทอขึ้นจากความงาม ความกล้า และความสง่าภูมิฐาน

Pierre-Olivier Deschamps / VU’ © Cartier

ฉากเขียนลายจาก GOTHARD WORKSHOPS ปักรายละเอียดโดย LUCIE TOURÉ

ฉากบานนี้ได้แรงบันดาลใจจากสัตว์ของคาร์เทียร์ (เสือแพนเตอร์ ม้าลาย นกนานาพันธุ์) และเป็นผลงานร่วมของ 2 สตูดิโอศิลปะ ที่ตั้งประดับไว้ภายใน The Residence

งานฝังหนังโดย BAQUÉ MOLINIÉ

ในการทำงานร่วมกับคาร์เทียร์เป็นครั้งแรก เลติเทีย บาเก้ (Laetitia Baqué) และวิกตอร์ โมลินิเอ (Victor Molinié) เก็บเศษหนังที่คาร์เทียร์ใช้ทำผลงาน มารังสรรค์ชิ้นงานฝังหนัง 2 บานสำหรับห้องโถงกลาง โดยได้แรงบันดาลใจจากพืชและสัตว์ในผลงานที่เป็นสัญลักษณ์ของเมซง

ผลงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

บูติกใหม่ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ เป็นทั้งบ้านเกิดของเทรนด์เด่นด้านสไตล์ในประวัติศาสตร์ของเมซง และศูนย์กลางระบบนิเวศเชิงสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ในปัจจุบัน

จึงไม่มีที่ใดจะเหมาะกว่านี้ สำหรับการแสดงคอลเลคชั่นผลงานระดับเอ็กซ์คลูซีฟ

เสือแพนเตอรในตำนานของคาร์เทียร์ ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรกในปี 1914 และปูทางให้กับเครื่องประดับและเรือนเวลาที่สลักคำว่า “13 Paix Paris” หรือตราอาร์มประจำ “13 Paix” ขนเสือแพนเตอร์ ทั้งในรูปแบบงานศิลป์และแบบเหมือนจริงขั้นสุด มาปรากฏเป็นลวดลายบนแหวน ดุมข้อมือ กล่องบรรจุขวดน้ำหอม Nécessaire â Parfum และเรือนเวลาทรงสร้อยข้อมือและทรงกำไล งานชุดสุดท้ายที่มาเติมความสมบูรณ์ให้กับคอลเลคชั่นสดุดีธีมโปรดของคาร์เทียร์ คือไฮจิวเวลรี 5 ชิ้นและเรือนเวลาลิมิเต็ดเอดิชั่นสุดพิเศษ 3 แบบ คือ เรือนเวลาทรงหมอน (tonneau) เรือนเวลา  Tank Asymétrique และเรือนเวลาCloche ประดับเลข 13 ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา กับคำว่า “Paix” ที่ตำแหน่ง 1 นาฬิกา

งาน TRADITION ที่นำเสนอ ณ เลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์

บูติกเลขที่ 13 รูเดอลาเปซ์ จะนำเสนองาน Tradition ที่คัดสรรมาเพื่อที่นี่โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับบูติกสาขาเดอะแมนชั่นในนิวยอร์ก และสาขาบอนด์สตรีทในลอนดอน

ของหายากอันประกอบด้วยจิวเวลรี เรือนเวลา และวัตถุมีค่า เป็นผลงานที่เวิร์กชอปคาร์เทียร์ผลิตขึ้นตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน และผ่านการเลือกสรร รวมทั้งรับรองว่าเป็นของแท้โดยผู้เชี่ยวชาญของเมซง ซึ่งมีคลังผลงานเป็นตัวช่วย จากนั้นจึงนำไปบูรณะตามกระบวนการอันละเอียดลออโดยช่างฝีมือเฉพาะด้าน ทุกสไตล์ที่คาร์เทียร์เคยรังสรรค์ไว้ รวมทั้งรูปแบบย่อยที่น่าตื่นตาตื่นใจ ล้วนมีให้เห็นในผลงานเหล่านี้ ซึ่งรวมกันเป็นคอลเลคชั่นที่เหนือล้ำและครอบคลุมทั้งโลก   คอลเลคชั่นที่บูติกเลขที่ 13 ประกอบด้วยผลงานที่เหล่านักสะสมต้องการครอบครองมากเป็นพิเศษราว 15 ชิ้น จากช่วง 2 ทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 20 ซึ่งผลงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่คาร์เทียร์นำมาเสนอในครั้งนี้จะจัดแสดงที่ห้องฌานน์ ตูแซงต์ เคียงคู่กับผลงานยุคหลังที่เป็นสัญลักษณ์แทนความคิดสร้างสรรค์ของเมซงในปัจจุบัน จึงเปรียบได้กับบทสนทนาที่หากสตรีผู้มีสมญาว่าเสือแพนเตอร์ได้รับรู้ก็จะต้องยินดีอย่างแน่นอน