เมื่อบ้านและที่ทำงานต้องกลายมาเป็นสถานที่เดียวกัน หลายคนคงสงสัยว่า แล้วขอบเขตของการพักผ่อน และการตั้งหน้าตั้งตาทำงานบนพื้นที่ที่ดูจะทับซ้อนทางฟังก์ชั่นแห่งนี้อยู่ตรงไหน มาค่ะ เดี๋ยววันนี้ my home จะพาไปรู้จักกับ โฮมออฟฟิศ ของนักออกแบบรองเท้าสาวชาวญี่ปุ่น บนตึกเก่า ที่นี่กันค่ะ
กลิ่นกาแฟหอมฉุยรู้ตัวอีกทีก็มานั่งเขิน ๆ อยู่ใน โฮมออฟฟิศ บนตึกเก่า แถวอะโอะยะมะ แดดบ่ายกรุ่น ๆ ผ่านช่องหน้าต่างกระจกเข้ามาโดนเคาน์เตอร์ไม้เป็นสีเหลืองสวย แต่ที่สวยกว่าคือรอยยิ้มของคนชงกาแฟ ชิสะจัง มักยิ้มหวานเวลาทำโน่นทำนี่ เธอเป็นนักออกแบบรองเท้า ด้วยเหตุที่เท้าของเธอผิดรูป มาตั้งแต่เด็ก จึงไม่สามารถซื้อรองเท้าตามท้องตลาดมาใส่ได้เลย เธอจึงสนใจเรื่องรองเท้าเอามาก ๆ จนได้ตัดสินใจไปเรียนทำรองเท้าในย่านอะซะกุสะ ซึ่งเป็นย่านทำรองเท้าเก่าแก่ของญี่ปุ่นอยู่สองปี และกลับมาเป็น ช่างทำรองเท้าเต็มตัว
ปัจจุบันรองเท้าของเธอกำลังโด่งดังและเป็นที่นิยมมาก ภายใต้ชื่อ Vero Twiqo “อยากมีที่อยู่กับที่ทำงานอยู่ที่เดียวกันค่ะ วิ่งหาทั่วโตเกียวก็ไม่เจอเลยซักที่ สุดท้ายมาเจอที่นี่ ทางอินเทอร์เน็ต เดิมเจ้าของตึกจะไม่ยอมให้อยู่ เพราะตึกนี้ให้ใช้เป็นสำนักงานเท่านั้น ก็เลยบอกเขาไปว่า ขอแค่มีที่ให้อาบน้ำได้ หนูก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้แล้ว…ขอหนูอยู่เถอะนะ เขาก็เลยใจอ่อน ตอนนี้อยู่มาได้ปีกว่า ๆ แล้วค่ะ”
พื้นที่ดูสนุกสนานและเคลื่อนไหว ด้วยการวางแปลนที่ไม่อึดอัด และการผสมผสาน การเลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย ทั้งไม้ เหล็ก และลายผ้า รวมถึงการเล่น สัดส่วนความสูงต่ำของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่าง ๆ ภายในพื้นที่ได้อย่างพอดี คล้ายเป็นจังหวะการเต้นระบำแบบไร้เสียงขององค์ประกอบภายใน โฮมออฟฟิศ ของเธอ
มุมโชว์ของหน้าร้าน เธอเลือกใช้กล่องหลากหลายแบบ ทั้งกล่องไม้ กล่องกระดาษและโครงกล่อง นำมาวางซ้อน ๆ กันได้อย่างน่ารัก แทนการใช้ตู้โชว์ เนรมิตมุมนี้ให้เป็นทั้งพื้นที่เก็บของและ display รองเท้าของเธอไปพร้อม ๆ กัน อีกหนึ่งความน่ารักของมุมนี้คือการเลือกใช้ลวดลาย และสีสันบนกล่องแต่ละใบที่แตกต่างกัน สีโทนสดใส ฉูดฉาด เมื่ออยู่บนพื้นผิวที่ดูเข้ม ๆ ครึม ๆ อย่างไม้เก่า ไม้มีเข้ม ช่วยลดความดุดันให้มุมนี้ดูซอฟท์ใสได้เยอะเลย
“ โฮมออฟฟิศ หลังนี้แบ่งเป็นสองโซนใหญ่ ๆ โดยโซนแรกเรียกว่า Atelier ค่ะ ตั้งใจให้ส่วนนี้ได้อารมณ์แบบ circus สนุก ๆ ไม่นิ่งเกินไป เพราะเป็นหน้าร้าน เลยออกแบบทุกอย่างให้ดูลอยตัว เคาน์เตอร์กาแฟก็ติดล้อ โต๊ะกลางห้องก็ลอย ๆ เคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้สบาย ” ผมมองดูโต๊ะใสที่ใช้แหวนโลหะยึดเหล็กเกลียวกับแผ่นกระจก แล้วแขวนลงมาจากเพดาน นอกจากจะแปลกตาแล้ว ยังทำให้ห้องเล็กห้องนี้ ๆ ดูโปร่งขึ้นมาก
โต๊ะทำงาน ของช่างตัดรองเท้าสาวเธอเลือกวางไว้ที่บริเวณกลางห้อง เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้พื้นที่การทำงานมาก ๆ และสามารถปรับเปลี่ยนมุมทำงานบนโต๊ะได้หลาย ๆ มุมโดยไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายของจำนวนมากไป ๆ มา ๆ
มุมนั่งเล่นนิ่ม ๆ ริมหน้าต่างสำหรับอ่านหนังสือหรือเผลองีบกลางวันในช่วงที่เหนื่อยล้า เธอเลือกใช้โซฟาตัวนิ่มที่ไม่สูงจนเกินไป คลุมด้วยหนังวัวเต็มผืน ตกแต่งด้วยหมอนรูปร่างแปลกตา เธอบอกกับเราว่านี่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของเธอที่ออกแบบเอง โดยผสมเอาความชอบส่วนตัวของเธอลงไปในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างเข้มข้น
อีกโซนที่ซ่อนอยู่หลังม่าน เธอเรียกโซนนี้ว่า “ cockpit ” เเปลเป็นไทยว่า “ ห้องนักบิน ” บริเวณนี้จะประกอบด้วย โต๊ะทำงานใหญ่ , ตู้เสื้อผ้า , ชั้นวางกล่องรองเท้า , หนังสือ เเละเอกสารจำนวนมาก มีชุดโซฟากับอ่างอาบน้ำเเบบลอยตัว … ทำไมอ่างอาบน้ำมาอยู่กลางห้อง โล่งโจ้งขนาดนี้…น่ารักอ่ะ^^ ลืมไปว่าเธออยู่คนเดียว เลยไม่ต้องคอยเขินใคร
“ อ่างอาบน้ำเป็นเหมือนความฝันสูงสุดในชีวิตเลยค่ะ นานมากเลยกว่าจะเก็บเงินซื้อได้ ก่อนซื้อ ขอเขาลงไปลองนอนดูทุกอ่าง … เเต่อ่างนี้เเหละใช่ที่สุด เวลาทำงานเหนื่อย ๆ ก็ชอบมานอนเเช่น้ำอุ่น ๆ พอเเช่อยู่เคลิ้ม ๆ ก็จะคิดงานออก เลยต้องรีบกระโดดออกมาจดไอเดียนั้นไว้กันลืมทุกที วันหนึ่ง ๆ จะใช้เวลาอาบน้ำนี่เเหละนานที่สุด ”
หลายคนอาจสงสัยว่านอนตรงไหน เพราะไม่เห็นมี ตียงนอนสักเตียง มีเเต่มุมโซฟาเล็ก ๆ นิ่ม ๆ ตรงริมหน้าต่างที่เธอใช้นั่งเล่นอ่านหนังสือ เธอบอกว่า “ ใช้ฟูกปูนอนบนพื้นจะได้ไม่เปลืองที่ ตอนกลางวันไม่ได้ใช้ก็ยกขึ้น ไปตากเเดดไว้บนดาดฟ้าชั้น 6 โซนนี้เวลาเช้า ๆ จะสว่างกว่าช่วงบ่ายมาก เลยได้ตื่นเช้าทุกวัน เพราะเเดดเเยงตา”
“ ถ้าเปรียบบ้านนี้เป็นชายหนุ่ม คงเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับเรื่องธรรมดา จนลืมสัญชาตญาณของสัตว์ป่าในตัวเอง ” ชิสะจังบอกพร้อมกับยิ้มหวาน “ เรารู้อยู่เเล้วว่าอะไร ที่เหมาะกับเราจึงค่อย ๆ สร้างมันขึ้นมาด้วยมือของเรา เองค่ะ ”
เจ้าของ-ออกแบบ : คุณชิสะ โนะมุระ
เรื่อง : ฮ่องเต้
เรียบเรียง : นภสร ศรีทอง