ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง จังหวัดระนอง จังหวัดเล็กๆ ที่ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่าไม่ธรรมดา ด้วยความงามของธรรมชาติที่ยังปกคลุมไปทุกพื้นที่และวิถีชีวิตที่ยังคงทิ้งร่องรอยเดิมๆ ให้เห็น โดยเฉพาะใน โตนเพชร กรีนเนอรี่ การ์เด้น แห่งนี้
บรรยากาศแห่งเมืองฝนแปดแดดสี่ที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงหน้าร้อนแต่ก็มักจะทำให้รู้สึกชุ่มชื่น สร้างความโรแมนติกให้กับทุกคนที่มาเยือนได้ไม่เบา ด้วยมนต์เสน่ห์ของเมืองระนองทำให้จังหวัดนี้ได้รับการพูดถึงในหมู่คนรักธรรมชาติ รักวิถีสโลว์ไลฟ์ ส่งผลให้ปัจจุบันมีที่พักใหม่ๆ ผุดขึ้นมามากมาย
ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับที่พักน้องใหม่ที่จะทำให้หัวใจคุณพองโตอย่าง Ton Phet Greenery Garden ( โตนเพชร กรีนเนอรี่ การ์เด้น ) บ้านสวนริมธารน้ำตกโตนเพชร ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของต้นไม้ใบหญ้า ซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ตัวธารน้ำตกใสเย็นยังสามารถลงเล่นได้อีกด้วย
คุณใบเตย – เอกจิตรา กฤษณสุวรรณ เจ้าของที่พักเล่าว่า “เตยเป็นเด็กบ้านนอกที่ไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ มีครั้งหนึ่งคุณครูให้พูดถึงบ้านเกิดของตัวเอง ก็เกิดคำถามจากเพื่อนๆ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าระนองอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย ณ เวลานั้นมันทำให้เรามีความฝันว่า วันหนึ่งเราจะทำให้คนที่ชอบชีวิตในเมืองศิวิไลซ์มาเที่ยวบ้านนอกให้ได้
“ช่วงชีวิตวัยทำงานเป็นช่วงสับสน ทั้งเปลี่ยนงาน หาเรียนอะไรเพิ่มเติมวนไปวนมา ซึ่งในระหว่างทางนั้นสิ่งเดียวที่เตยอยากทำคือความฝันแรกที่ก้าวออกมาจากบ้าน ซึ่งก็คือ การกลับมาอยู่บ้าน มาอยู่กับความคุ้นเคยเดิมๆ มาอยู่กับครอบครัว เตยกับสามี คุณดอย – ทนงฤทธิ์ กฤษณสุวรรณ จึงตัดสินใจกลับคืนสู่บ้านเกิดและมาใช้ชีวิตร่วมกันที่นี่ค่ะ”
“พื้นที่แห่งนี้เดิมเป็นสวนของคุณพ่อ เราจะเรียกกันว่า ‘สวนสามเอก’ ซึ่งเป็นชื่อของเตยและพี่ชายทั้งสอง โดยภายในสวนคุณพ่อปลูกต้นไม้ไว้มากมายหลายชนิด ทำให้ปัจจุบันต้นไม้ที่คุณพ่อปลูกไว้เติบโตให้ร่มเงาได้เต็มที่ ช่วงที่เตยเป็นเด็กคุณพ่อก็มักจะพาเตยกับพี่ชายมาพักผ่อนที่นี่เป็นประจำทำให้พวกเราเติบโตมากับธรรมชาติ เป็นเด็กในสวน ได้วิ่งเล่น เล่นน้ำพร้อมทั้งยังมีบ้านต้นไม้หลังเล็กริมธารที่เป็นของพวกเราอีกด้วย”
ยุคก่อนหน้านี้จะเป็นยุคที่ไม่มีคนรู้จักระนองในทิศทางอื่น นอกจากเป็นแหล่งน้ำแร่จากประสบการณ์ที่แชร์โดยนักท่องเที่ยว ทำให้เจ้าของที่พักเกิดแรงจูงใจที่อยากจะพัฒนาสวนแห่งนี้ ด้วยทำเลทองที่เปรียบเสมือนพื้นที่แห่งความอุดมสมบูรณ์ ทั้งต้นไม้ น้ำตก แถมยังอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองและสนามบิน จึงเกิดเป็นที่พักในรูปแบบที่ไม่ได้หรูหรา แต่เน้นการพักผ่อนแบบแอบอิงกับธรรมชาติที่แท้จริงพื้นที่หลายสิบไร่จึงได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นที่พักในรูปแบบธรรมชาติ
ภายในสวนประกอบไปด้วยบ้านไม้ไผ่หลังเล็กๆ หลายหลัง โดยเจ้าของที่พักออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ริมธารน้ำตก จึงสามารถนั่งชมวิวชิลๆ ได้ตลอดทั้งวัน
