Hyvää päivää HELSINKI! ฟินจับใจ..ในเฮลซิงกิ

เคยได้ยินชื่อประเทศฟินแลนด์มานานว่าเป็นเมืองหนาวในยุโรปเหนือที่มีอากาศหนาวจัดสุดๆ บ้านเมืองปกคลุมด้วยหิมะ อุณหภูมิติดลบเพราะอยู่เกือบถึงขั้วโลกเหนือ อย่างกับความฝันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่อยู่เบื้องหน้าหิมะสีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาราวกับหลุดเข้าไปในดินแดนหิมะของสโนว์ควีน ทริปนี้เราได้ “หญิงปิ” เพื่อนสาวสุดเฟี้ยวที่ได้ย้ายมาตั้งรกรากและทำงานเป็นสถาปนิกสุดคูลใน เฮลซิงกิ อาสาเป็นไกด์พาชมเมือง แถมยังใจดีให้เราพักที่บ้านอีกด้วย

เฮลซิงกิ

ป่าสนที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะกับฤดูหนาวอันยาวนานที่มาพร้อมความงดงามตามธรรมชาติ พื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของประเทศตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลทำให้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน พระอาทิตย์ไม่ตกดินเป็นเวลา 73 วันในช่วงฤดูร้อนและไม่ขึ้นเลยเป็นเวลา 51 วันในช่วงฤดูหนาว

เฮลซิงกิ (Helsinki) เป็นเมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ ด้วยทำเลและที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่เกาะมากมายในทะเลบอลติก เมืองนี้จึงได้รับฉายาว่าเป็นธิดาแห่งทะเลบอลติก ในปี ค.ศ. 2000 เมืองเฮลซิงกิได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป และในปี 2012 เมืองที่รายล้อมไปด้วยงานดีไซน์แห่งนี้ก็ถูกยกระดับให้กลายเป็นหนึ่งในเมืองหลวงด้านการออกแบบของโลก (World Design Capital) เฮลซิงกิคือเมืองที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมยุโรปตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน แม้เมืองมีขนาดกะทัดรัดแต่ทว่าเปี่ยมชีวิตชีวา มีเสน่ห์เฉพาะตัวแถมผู้คนที่นี่ก็ดูเป็นมิตร การเดินเที่ยวชมเมืองสามารถเดินเที่ยวได้ทั่วเมืองซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายให้แวะถ่ายรูปและเช็คอิน นอกจากนี้ประเทศฟินแลนด์ยังเป็นบ้านเกิดของเจ้าตัวการ์ตูนสุดกวนอย่าง Angry Birds และ Moomin การ์ตูนขวัญใจเด็กๆทั่วโลกและผู้ใหญ่อย่างเรา และถ้าใครมาเที่ยวช่วงคริสมาสต์รับรองอินเป็นพิเศษเพราะที่นี่แหละคือดินแดนต้นกำเนิดของซานตาคลอส อีกหนึ่งกิจกรรมห้ามพลาดคือ “ซาวน่าแบบต้นตำรับ” ซึ่งการซาวน่า (sauna) นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตอันแสนหนาวเหน็บของชาวฟินแลนด์เลยทีเดียว

น้องหมาในประเทศนี้เปรียบได้กับสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเราก็เจอแต่น้องหมาน่ารักๆกำลังเดินออกกำลังกายกับเจ้าของไม่ว่าจะเป็นเวลาเช้าสายบ่ายเย็นหรือแม้แต่เวลาเที่ยงคืน
โซนพักอาศัยย่าน Viikki อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง แม้หนาวเหน็บแต่ผู้คนยังออกมาเดินเล่น แก็งค์เด็กๆออกมาเล่นปาหิมะกันอย่างสนุกสนาน สะท้อนถึงความเป็นอยู่ของชาวฟินนิชที่คับแก้วด้วยคุณภาพและนี่คือหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก

ทริปนี้แม้จะมีเวลาสั้นๆแค่ 3 วัน แต่เรากลับค้นพบและสัมผัสได้ว่าชาวฟินนิชใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ หญิงปิเล่าว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่มีแนวคิดเปิดกว้างในทุกมิติ ความใจกว้างนี้อาจมาจากการเคารพและเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ซึ่งแนวคิดเหล่านี้เองได้ถูกถ่ายทอดสู่งานฟินนิชดีไซน์อันมีเอกลักษณ์ที่มีความเกี่ยวพันกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากการใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้,แก้ว, โลหะ เป็นวัสดุหลักในการออกแบบ งานดีไซน์ของที่นี่มักมีรูปทรงเส้นสายที่ลื่นไหล (Organic Form) มากกว่าเป็นเหลี่ยมมุมแบบเรขาคณิต โดยมุ่งเน้นฟังก์ชั่นประโยชน์การใช้สอยและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก สิ่งเหล่านี้คือการสะท้อนถึงตัวตนและมุมมองต่อโลกและธรรมชาติของนักออกแบบชาวฟินแลนด์ที่สื่อให้เห็นว่าความสามัญของธรรมชาตินั้นแลคือความงดงามที่แท้จริง

เฮลซิงกิ
ที่นี่คือบ้านเกิดของไลฟ์สไตล์แบรนด์สุดเก๋อย่าง Marimekko ที่โด่งดังด้วยผ้าลายดอกอูนิโกะ (Unikko )หรือดอกป็อปปี้ อันเป็น Iconic Pattern และเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่มีมากว่า 60 ปี ซึ่งยึดมั่นในงานออกแบบที่ว่า “ Design Is Inspired By Beautiful Everyday Life ”
ภายในอุโมงค์ทางเดินไปสู่รถไฟใต้ดินใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิถูกออกแบบให้มีบรรยากาศรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในถ้ำ

อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดคือแวะช้อปของแต่งบ้าน “แบรนด์อีตตาลา (iittala)” ที่ Kaj  Franck และ Alvar  Aalto สองดีไซเนอร์คู่หู ได้ร่วมก่อตั้งแบรนด์นี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1936  แบรนด์นี้มีทุกอย่างสำหรับทุกห้องในบ้านตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ไปจนถึงของแต่งบ้านชิ้นเล็กและอื่นๆอีกมากมาย โดยเฉพาะคอลเลคชั่นเครื่องแก้วของ Aalto ที่ถือว่าเป็น “Must Have Item” เลยก็ว่าได้  ทราบไหมว่า ก่อนที่คำว่าศิลปะแบบสแกนดิเนเวียนจะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย แบรนด์สุดคลาสสิกนี้เองคือต้นแบบของ “ฟินนิชดีไซน์” อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมาพร้อมปรัชญาของงานออกแบบที่เน้นการตอบสนองประโยชน์ใช้สอย ภายใต้การใช้วัสดุเรียบง่ายแต่ทว่าคุณภาพสูง เส้นสายรูปทรงแปลกตา

โบสถ์ไม้ Kamppi Chapel of Silence เป็นส่วนหนึ่งของ The World Design Capital Program ในปี 2012 ออกแบบโดยทีมสถาปนิกจาก K2S Architects Ltd. สถาปัตยกรรมร่วมสมัยแต่ทว่าสะท้อนงานดีไซน์เรียบเฉียบถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนสามารถหลบหนีความวุ่นวายเข้าไปนั่งพักกายพักใจ

“ Design is ever-present in the Finnish lifestyle. We respect traditions and cherish the past but, above all, design represents our future.”

หญิงปิเสริมว่า “ดีไซน์” คือส่วนหนึ่งของชีวิตและจิตวิญญาณชาวฟินนิชมาตลอดทุกยุคทุกสมัย  เมืองเฮลซิงกิใช้งานดีไซน์พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรด้วยความเชื่อที่ว่า “งานออกแบบที่ดี” ควรเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และความงามที่เรียบง่ายเน้นฟังก์ชั่นก็กลายเป็นดีเอ็นเอที่ฝังลึกอยู่ในรากเหง้างานออกแบบของฟินแลนด์มาตลอด  ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่แลนด์ดิ้งที่สนามบินเฮลซิงกิ ไม่ใช่แค่งานสถาปัตยกรรมหรือโปรดักส์ดีไซน์ แต่ทุกพื้นที่สาธารณะของเมืองมีความน่ารักของงานดีไซน์ซุกซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมือจับประตู ป้ายบอกทาง ถังขยะ ฯลฯ ชัดเจนเลยว่านอกจากความหนาวระดับอุณหภูมิติดลบและหิมะขาวโพลนแล้ว….ฟินแลนด์ยังเป็นจุดหมายปลายทางห้ามพลาดของคนรักงานดีไซน์ ก่อนกลับเราแวะช้อปช็อคโกแลตแสนอร่อยแบรนด์ Fazer อีกหนึ่งของฝากที่เราขอบอกว่าพลาดไม่ได้เด็ดขาด!

เฮลซิงกิ
จัตุรัสรัฐสภา (Senate Square) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ด้านหลังคือมหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) มหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเฮลซิงกิที่ควรแวะมาเช็คอิน ตัวอาคารสีขาวหลังคาโดมสีเขียวถือเป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกที่โดดเด่นสง่างามสุดๆ
ฝั่งขวามือคือโรงละครแห่งชาติ Finnish National Theatre สร้างเสร็จในปี 1902 ออกแบบโดยสถาปนิก Onni Tarjanne สถาปัตยกรรมสไตล์นอร์ดิกในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ซึ่งมีความคล้ายศิลปะแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau)
โบสถ์เทมเปลิเอากิโอ (Temppeliaukio Church) หรือโบสถ์หิน (Rock Church) เป็นโบสถ์แบบรูเธอรันที่สร้างอยู่ภายในหินขนาดใหญ่ ได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์แห่งความรัก มีความเชื่อว่าเมื่อใครก็ตามที่จุดเทียนอธิษฐานขอพรเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้แล้วจะสมหวัง
The National Archives Service of Finland หอจดหมายเหตุแห่งชาติ บรรยากาศสุดคลาสิคกับหนังสือนับล้านเล่ม ราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย
Academic Bookstore จัดว่าเป็นร้านหนังสือที่เด็ดที่สุดและใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ ภายในมีสี่ชั้นออกแบบให้ได้รับแสงจากธรรมชาติ ออกแบบโดย อัลวาร์ อัลโต ( Alvar Aalto) บิดาแห่งสมัยใหม่นิยมในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ภายในมีร้านกาแฟ Café Aalto ให้นั่งซึมซับบรรยากาศและละเลียดกาแฟแบบชิลๆ
เรือสำราญ VIKING LINE เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่สุดของสแกนดิเนเวียล่องผ่านข้ามฝั่งทะเลบอลติก ภายในมีห้างสรรพสินค้าภัตตาคาร ร้านค้า คาสิโน คลับและอื่นๆอีกมากมาย
วิวพาโนรามาจากเรือสำราญที่กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงสต็อกโฮม เห็นยอดโดมของมหาวิหารเฮลซิงกิสุดตรึงใจ บนท่าเรือคือตลาดนัดริมทะเล (Market Square) ตลาดย่านใจกลางเมืองที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง หากแวะมาในหน้าร้อน ที่นี่จะคึกคักเป็นพิเศษ และเราก็สามารถสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฟินนิชได้แบบใกล้ชิด แถมยังเป็นแหล่งขายของที่ระลึก ดอกไม้ ผลไม้ อาหาร ฯลฯ

 

Special Thanks  : หญิงปิ,เฮียReijo และ Hetzu กับทริปสุดฟินในฟินแลนด์

 

หนีหนาวไปที่อุ่น เที่ยวญี่ปุ่นกันต่อได้ที่ : LIVELY NAGASAKI – เยือน นะงะซะกิ สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติที่เกาะใต้

หรือจะไปญี่ปุ่นแบบ แบบเปิดประสบการณ์ใหม่ ตามมาได้ที่ : หลอนแต่สวย! เยือนเกาะร้างกุนคันจิมะ (GUNKANJIMA) – NEW UNESCO WORLD HERITAGE

แต่ถ้าอยากไปสัมผัส ความต่างทั้งภาษา ผู้คน วัฒนธรรม ภูมิประเทศ ต้องไปที่ภูฏาน : เยือน “ภูฏาน” ดินแดนหุบเขา แห่งมังกรสายฟ้า

ส่วนใครที่ยังหาแรงบันดาลใจหรือหาที่เที่ยวเท่ๆ เราขอชวนมาฟอล : Instagram สุดเฟี้ยว ที่เห็นแล้วอยากเที่ยวตาม ไปพลางๆ ก่อน

 

 


เรื่อง  Sara’
ภาพ  Ceasar & Narnia
เรียบเรียง Pari