ห้องน้ำเป็นห้องที่ต้องใช้งานเป็นประจำ และต้องเจอน้ำและความชื้นตลอดเวลา จึงเกิดคราบและสิ่งสกปรกมากมาย เราจึงมีเคล็ดลับกำจัด 10 คราบในห้องน้ำ มาบอก รับรองว่าห้องน้ำจะกลับมาสะอาดเหมือนใหม่แน่นอนค่ะ
เคล็ดลับกำจัด 10 คราบในห้องน้ำ
1. สีหมองของสุขภัณฑ์
คราบสีเหลืองที่ติดตามโถสุขภัณฑ์ช่างเป็นภาพที่ไม่น่าดูเสียจริง ต้องรีบจัดการโดยเร็ว โดยเทน้ำยาสำหรับทำความโถสุขภัณฑ์ทิ้งไว้สักพัก แล้วใช้แปรงขัดทำความสะอาด ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำทิ้งหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันการกระเด็นของน้ำยาเคมีภัณฑ์ไม่ให้โดนร่างกาย หรืออีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือเทราดน้ำอัดลมทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้สารที่เป็นกรดทำปฏิกิริยากำจัดคราบสกปรกได้อย่างหมดจด และปลอดภัยต่อผู้ใช้งานค่ะ
2. คราบตะกรันที่ขอบสะดือซิงค์ล้างมือ
อ่างล้างมือเป็นบริเวณที่โดนน้ำซึมผ่านอยู่เสมอ ให้ใช้น้ำยาขจัดหินปูน หรือผงขจัดตะกรันมาขัดออก แต่ถ้าคราบหินปูนเกาะแน่นมาก ให้ลองใช้ผงคลอรีนสำหรับฆ่าเชื้อในน้ำ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เลี้ยงปลาสวยงาม นำมาละลายน้ำเจือจาง 1 ต่อ 5 แล้วราดทิ้งไว้บริเวณนั้นประมาณ 10 นาที จากนั้นนำเครื่องมือ เช่น เกรียง หรือไขควงปากแบน ค่อยๆแซะคราบหินปูนออกอย่างเบามือ
3. คราบไขมันและสบู่ที่อ่างอาบน้ำ
เมื่อใช้อ่างอาบน้ำไปนานๆ แน่นอนว่าจะต้องมีคราบไขมันของสบู่และคราบเหงื่อไคลเกาะติดตามอ่างอาบน้ำ เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำมันก๊าด ถูกให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำร้อน คราบไขมันก็จะหลุดออกแล้วค่ะ หรือจะใช้ผงซักอกผสมน้ำโซดาและผสมน้ำ แล้วล้างออกอีกครั้งด้วยน้ำสะอาด อ่างอาบน้ำก็จะกลับมาสะอาดแวววาวแล้วหล่ะค่ะ
4. ตะกอนตกค้างที่ฝักบัว
หากใช้ฝักบัวนานๆ เป็นปกติถ้าจะมีตะกอนตะค้างไปอุดตัน ทำให้น้ำไหลเบา วิธีทำความสะอาดก็แค่ถอดหัวฝักบัวออกมาค่ะ แล้วก็แ่ไว้ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู ค้างคืนไว้ ต่อมาก็แค่ล้างน้ำเปล่า คราบตะกอนที่ค้างไว้ก็จะหลุดออกไปหมดเลย หรือถ้าใช้หัวฝักบัวที่ไม่สามารถถอดได้ ก็ใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำผสมน้ำส้มสายชูแล้วก็นำหัวฝักบัวแช่ไว้มัดปากถุงค้างคืนไว้ให้เรียบร้อย แค่นี้ก็ใช้งานได้ปกติแล้วค่า
5. คราบสกปรกที่กระจกเงา
เกิดจากไอน้ำของเครื่องทำน้ำอุ่น ทำให้กระจกเงาและกระจกกั้นอาบน้ำขึ้นฝ้า และมักมีคราบสบู่ ยาสีฟันกระเด็นไปติดเป็นรอยเปื้อนอยู่บนกระจก หลังอาบน้ำควรเช็ดด้วยผ้าแห้งทำความสะอาดกระจกทันที หากทิ้งคราบเหล่านี้ไว้นานๆ ยิ่งทำให้มีคราบติดแน่น ให้ใช้น้ำยาเช็ดกระจกฉีดพ่น แล้วเช็ดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือเลือกใช้น้ำยาล้างจานผสมกับน้ำส้มสายชูตาม ชุบด้วยฟองน้ำนุ่มๆ มาเช็ดถูเบาๆ
6. ผ้าม่านพลาสติก
บางบ้านใช้ผ้าม่านพลาสติกกั้นระหว่างโซนแห้งกับโซนเปียง เมื่อใช่ไปนานๆ จะเกิดคราบราและคราบไขมันสบู่ ควรซักด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาซักผ้าที่ผสมน้ำอุ่น แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นผึ่งให้แห้งโดยการนำไปตากลมค่ะ เพราะการตากแดดจะทำให้ผ้าม่านสีจืดจางลง
7. ราดำที่ยาแนว
ยาแนวในห้องน้ำเป็นร่องลึก จึงเกิดเป็นคราบราดำ รวมทั้งมักพบคราบขาวบนแผ่นกระเบื้อง ห้องน้ำจึงดูสกปรกหมดสวย เราสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำส้มสายชู แต่ต้องราดน้ำบนพื้นกระเบื้องให้เปียกเสียก่อนนะคะ แล้วเทน้ำยาที่ผสมตามลงไป ทิ้งไว้สักพักจากนั้นจึงขัดล้างด้วยแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้ว เพราะเข้าถึงร่องเล็กๆได้ดีกว่าแปรงขัดห้องน้ำทั่วไปค่ะ
8. คราบขุ่นที่ก๊อกน้ำ
ใช้มะนาวหั่นซีกแล้วก็ถูกให้ทั่วก๊อกน้ำค่ะ จากนั้นก็ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วใช้ฟองน้ำชุบน้ำเช็ดออก หรือไม่ก็ใช้ผ้าชุบน้ำผสมน้ำส้มสายชู พันโดยรอบหัวก๊กน้ำ ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วก็เช็ดด้วยฟองน้ำ เพรยงเท่านี้คราบขุ่นที่ก๊อกก็จะหายไป ได้ก๊อกใหม่ใสวิ๊งเลยละค่ะ
9. ตะไคร่ที่พื้นห้องน้ำ
การทำห้องน้ำด้วยวัสดุปูนเปลือยมักเกิดตะไคร่น้ำได้ง่ายกว่ากระเบื้อง เวลาเดินเหยียบอาจทำให้ลื่นล้มเป็นอันตราย จึงต้องหมั่นทำความสะอาด และดูแลรักษาให้ห้องน้ำแห้งอยู่เสมอ หากพบคราบตะไคร่น้ำ ให้ใช้น้ำเปล่าผสมผงซักฟอก แล้วขัดด้วยแปรงขนอ่อน และล้างน้ำสะอาด ปัจจุบันมีน้ำยากำจัดตะไคร่น้ำโดยเฉพาะวางจำหน่ายตามร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไป สามารถนำมาทาจนชุ่มเพื่อเคลือบพื้นผิวปูนเปลือย ทิ้งไว้จนแห้งสนิท แล้วจึงทาทับอีกครั้ง ก็ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดตะไคร่น้ำซ้ำได้
10. คราบสบู่และแชมพู
คราบสกปรกประเภทนี้ทำให้อุปกรณ์ภายในห้องน้ำประเภทโลหะ เช่น ก๊อกน้ำ ฝักบัว ที่วางสบู่ สายชำระ ฯลฯ ดูมัวหมอง ไม่เงางาม และเป็นสาเหตุให้เกิดการผุกร่อนตามมา จึงควรหมั่นเช็ดจนแห้งสนิทเป็นประจำ หากคราบฝังแน่น ต้องทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นก่อนหนึ่งครั้ง และใช้น้ำยาล้างจานผสมกับน้ำส้มสายชูเช็ดซ้ำ วิธีนี้ช่วยให้คราบหลุดออกได้ง่ายกว่า โดยไม่ต้องใช้แรงในการขัดมากนัก และใช้น้ำยารักษาผิวโลหะเช็ดเคลือบซ้ำอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพียงเท่านี้ก๊อกน้ำก็จะดูใหม่วาววับกันแล้ว