ในช่วงที่ฝนตกบ่อยและคาดเดาไม่ค่อยได้นั้น รองเท้าคู่ใจที่ใส่ออกไปในแต่ละวัน ก็อาจต้องรับศึกหนักกันสักหน่อย เรื่อง รองเท้าเปียกฝน เป็นสิ่งที่ต้องเจอทุกวัน ไหนจะคราบสกปรกต่าง ๆ นานา ที่มาพร้อมกับวันฝนพรำอีก พอกลับบ้านมาก็ต้องใช้เวลาเพื่อเยียวรองเท้าคู่เก่ง ให้พร้อมใส่ในเช้าวันใหม่ หากอยากลดความปวดหัวกับปัญหา รองเท้าเปียกฝน ที่ต้องเจอในฤดูฝนแบบนี้ สามารถนำเคล็ดลับดี ๆ ที่ my home ได้รวบรวมมาฝากไปใช้กันได้นะคะ
1 . การทำความสะอาดคราบดินโคลน

ในวันที่ฝนตกไม่ใช่แค่ต้องระวังเรื่อง รองเท้าเปียกฝน มีชื้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คราบเลอะจากดินโคลนก็เป็นอีกปัญหาที่เลี่ยงได้ยากสุด ๆ ซึ่งถ้าหากรองเท้าเกิดเลอะดินโคลนขึ้นมาก็อย่าเพิ่งรีบเช็ดหรือล้างออกทันทีนะคะ เพราะนั่นอาจเป็นการทำให้คราบยิ่งเกิดการซึมและกระจายตัวมากกว่าเดิม ถ้าสามารถรอให้ดินโคลนแห้งจนจับตัวเป็นก้อนได้นั้นจะสามารถช่วยให้ทำความสะอาดออกง่ายกว่าค่ะ
2 . ใช้ตัวช่วยดูดกลิ่นและความชื้น

เรื่องปัญหารองเท้าอับชื้นในวันฝนตกจนมีกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นสามารถแก้ได้ด้วยการใช้ตัวช่วยต่าง ๆ ที่หาได้ภายในบ้านอย่างเบกกิ้งโซดาหรือแป้งทาตัวนี่เองค่ะ เพียงแค่โรยทิ้งไว้ภายใน รองเท้าเปียกฝน ข้ามคืน ตื่นมาก็ค่อยนำไปเคาะและปัดออก ความชื้นและกลิ่นอับก็จะถูกดูดซับออกไปทำให้รองเท้าเปียกชื้นพร้อมใส่อีกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้แอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดเพื่อขจัดคราบทั่วไปที่เลอะอยู่ได้เหมือนด้วย
3 . เลี่ยงการตากแดดโดยตรง

ถ้าหากมีเวลาก็ควรนำรองเท้าออกไปตากไว้ให้แห้งสนิท แต่สิ่งสำคัญอีกข้อเลยก็คือการหามุมที่เหมาะกับการวางรองเท้า ซึ่งควรเป็นพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทหรือมีแสงแดดอ่อน ๆ และห่อด้วยกระดาษทิชชูเพื่อดูดซับคราบจากน้ำ ไม่ควรนำไปตากแดดแรง ๆ ด้วยความเข้าใจที่ว่าจะยิ่งช่วยให้รองเท้าแห้งไวและสะอาดยิ่งขึ้นจากการได้รับความร้อน เพราะนั่นกลับกลายเป็นการทำให้รองเท้าสีซีดไว พื้นรองเท้าก็จะยิ่งเหลืองและเสื่อมสภาพลงไปด้วย
4 . ไม่ควรเก็บเข้าตู้ทันทีหลังถอด

การเก็บรองเท้าเข้าตู้ทุกครั้งหลังจากถอดอาจช่วยให้บ้านเป็นระเบียบและเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าไม่ใช่กับรองเท้าที่เพิ่งเจอฝนมาแน่นอนค่ะ เพราะแม้จะไม่ได้เปียกฝนโดยตรงแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความชื้น จึงควรถอดวางไว้ในมุมที่ระบายอากาศได้ดีเพื่อไล่ความชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ก่อนเก็บเข้าที่ หรือไม่อย่างนั้นก็ควรเตรียมรองเท้าไว้สำหรับสวมใส่สลับกันในวันที่ฝนตกเพื่อให้รองเท้าคู่เก่งได้มีโอกาสพักบ้างก็ได้เหมือนกัน
5 . ใช้สเปรย์นาโนหรือเทียนเคลือบกันน้ำ

ถ้าไม่อยากต้องมาคอยรับมือและเหนื่อยกับการขจัดคราบเลอะหรือความเปียกชื้นอยู่ฝ่ายเดียว ก็สามารถหาตัวช่วยป้องกันพื้นผิวรองเท้าอย่างการฉีดสเปรย์นาโนกันน้ำหรือเคลือบด้วยเทียนไขก็ได้นะคะ สำหรับวิธีการนั้นก็แค่นำเทียนไขมาถูลงไปบนพื้นรองเท้าให้ทั่ว จากนั้นจึงค่อยใช้ไดร์เป่าผมมาเป่าลมร้อนลงไปให้เนื้อเทียนละลายตัวและซึมเข้าไปในพื้นผิวรองเท้า เท่านี้ก็จะเป็นการช่วยป้องกันรองเท้าคู่เก่งจากคราบเลอะและความเปียกชื้นได้อีกขั้นแล้วค่ะ
6 . ใช้ไดร์เป่าผม

ในวันที่รองเท้าเปียกชื้นจากการโดนฝนและอยากให้แห้งได้ไวทันใจ รองใช้ตัวช่วยอย่างไดร์เป่าผมมาเป็นกำลังเสริมได้นะคะ เพราะการใช้ลมร้อนเป่าจะช่วยไล่ความชื้นให้รองเท้าแห้งได้ไวกว่าการวางทิ้งไว้หรือใช้พัดลมเป่า ที่สำคัญยังเป็นการช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ให้รองเท้าสะอาด ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ถ้าหากอยากให้รองเท้าพร้อมใส่ในวันต่อไป ก็สามารถเปิดไดร์และวางทิ้งไว้ให้ช่วยเป่ารองเท้าโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาลงมือทำเองเลยค่ะ
7 . สวมถุงเท้าก่อนใส่

แค่การสวมถุงเท้าให้เรียบร้อยก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยดูแลรองเท้าได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในวันที่ฝนตกและมีความชื้นมากเป็นพิเศษ การสวมถุงเท้าจะช่วยซับเหงื่อไว้ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้รองเท้าไม่ต้องเจอกับความชื้นมากเกินไป ยิ่งถ้าเจอฝนตกจนเปียกชื้นขึ้นมาและยังต้องเจอกับเหงื่อชุ่ม ๆ ที่พื้นรองเท้าด้านในอีกก็จะยิ่งเกิดการสะสมจนมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาได้ค่ะ