แค่อยากช่วยเหลือ สู่การเป็น ทาสแมว อย่างเต็มตัว
แรกพบประสบเจอ ที่นำไปสู่การเป็น ทาสแมว
ท่ามกลางการจราจรที่คับคั่งและวุ่นวายในช่วงหัวค่ำของแยกเกษตร บอล–ทายาท เดชเสถียร และ ยอด–พิศาล แสงจันทร์ กำลังเดินทางกลับบ้านตามปกติ แต่วันนี้ พวกเขาสังเกตเห็นความผิดปกติเกิดขึ้นบนท้องถนน รถยนต์คันหนึ่งจอดนิ่งสนิท ไม่เคลื่อนขยับไปอย่างที่ควรจะเป็น
ทันใดนั้น พวกเขาเห็นภาพคนคนหนึ่งกำลังเปิดประตูพร้อมก้าวลงจากรถเดินไปที่ด้านหน้า อุ้มลูกแมวตัวเล็กขึ้นมา หลังจากนั้น เขานำลูก แมว ที่เพิ่งช่วยชีวิตจากถนนที่บ้าคลั่ง เดินตรงไปยังริมรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วปล่อยลูกแมวตัวนั้นเข้าไปด้านในแนวรั้วมหาวิทยาลัยฯ
จังหวะนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าปะทะเข้ากับความรู้สึกนึกคิดของบอลและยอด “เราจะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วปล่อยผ่านไป” หรือ “เราจะต้องช่วยแมวตัวนี้ เพราะถ้าปล่อยไว้ตรงนี้ ลูกแมวตัวนี้ไม่รอดแน่ ๆ”
แต่แล้วพวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เพื่อนบ้านในละแวกที่พวกเขาอาศัยได้เลี้ยงแมวอยู่แล้ว หากพวกเรานำแมวไปให้เพื่อนบ้านเลี้ยงเพิ่มอีกน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยฯ เพื่อตามหาลูกแมวตัวนั้น
แต่สภาพพื้นที่ในบริเวณริมรั้วตรงที่แมวถูกปล่อยทิ้งไว้ไม่เอื้ออำนวยต่อการพบตัวได้อย่างง่ายดาย เพราะเต็มไปด้วยกองไม้แห้ง ต้นไม้ใหญ่ คลองน้ำ และสุมทุมพุ่มไม้เล็กๆ ขึ้นอยู่เต็มไปหมด ในตอนนั้น พวกเขาคิดว่า “สภาพแบบนี้คงเต็มไปด้วยสัตว์ผู้ล่าทั้งงูและตัวเหี้ย” ลูกแมวคงกลายเป็นอาหารของสัตว์เหล่านั้นแน่ ๆ
จนกระทั่งพวกเขาเกือบถอดใจยกเลิกการค้นหา ด้วยระยะเวลาร่วมหนึ่งชั่วโมงที่บอลและยอดได้พยายามหาลูกแมวตัวนั้น สุดท้าย พวกเขาพบกับลูกแมวน้อยหลบอยู่ใต้กองไม้แห้ง ท่าทางดูตื่นกลัวทุกสิ่ง ตาสองข้างปิดสนิทด้วยขี้ตาที่แห้งกรัง พร้อมกับเสียงขู่ฟ่อๆ ตามสัญชาตญาณ
เขารีบอุ้มลูกแมวใส่ถุงผ้าที่พกติดตัวมา แล้วนำกลับมาที่บ้าน ทั้งสองทำตามความตั้งใจแรก คือนำแมวไปมอบให้เพื่อนบ้านเพื่อดูแลต่อไป แต่แล้ว เหตุการณ์ที่อยู่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น เพื่อนบ้านได้มอบกรงสัตว์เลี้ยงให้พวกเขา พร้อมด้วยกระดิ่งห้อยคอแมว รวมไปถึงได้แนะนำวิธีเช็ดขี้ตาลูกแมว และการให้อาหารลูกแมวอย่างถูกต้อง
ทั้งบอลและยอดรู้ทันที่ว่า พวกเขาต้องดูแลลูกแมวที่เพิ่งช่วยเหลือมาได้ต่อไป
บทบาทพี่เลี้ยงแมวมือใหม่
“ผมคิดว่าตอนนั้น งานเข้าพวกเราแล้วละ” บอลกล่าวและเสริมว่า “พวกเราจึงได้ตัดสินใจว่าเลี้ยงไว้ก่อน แล้วประกาศหาบ้านใหม่ภายหลัง”
หลังจากนั้น พวกเขาได้ทำตามคำแนะนำของเพื่อนบ้าน โดยการทำความสะอาดรอบดวงตาด้วยน้ำเกลือ หาซื้อนมแพะ ห้อยกระดิ่งไว้ที่คอ และตั้งชื่อให้แมวน้อยตัวนี้ว่า รนณียา หรือนังหล่น ซึ่งชื่อจริงก็มาจากคำว่าหล่น แล้วเติมคำว่าณียา ลงไปตรงท้าย ให้ดูแพงขึ้นแบบนางเอกในละคร
“ในช่วงแรก นังหล่นไม่ยอมกินนมแพะที่เทไว้ ผมเลยนำอาหารเปียกมาผสมกับนมแพะ แล้วนังหล่นก็ยอมกินอาหารทั้งหมด” พวกเขาอธิบายการเป็นทาสแมวมือใหม่
บอลและยอดเล่าว่า พวกเขาไม่ชอบแมวตั้งแต่แรก เคยหาวิธิการต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แมวเข้ามาในอาณาบริเวณบ้าน “อาจเป็นกรรมกำหนดให้เราต้องได้เลี้ยงนังหล่นไว้”
เวลาผ่านไปสัปดาห์กว่าๆ นั่งหล่นเริ่มเขากันได้ดีกับทั้งมนุษย์แปลกหน้าสองคน และพื้นที่ในบ้าน อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้น บอลและยอดได้ประกาศหาบ้านใหม่ให้หล่นอยู่เนืองๆ แต่ก็ยังไม่มีผู้ตอบรับอุปการะ
จนกระทั่ง รุ่นพี่ที่รู้จักของทั้งสองคนติดต่อเข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์ โดยแจ้งว่าสนใจอุปการะนังหล่นไปดูแล พวกเขาทั้งสองพิจารณาแล้วว่า บ้านใหม่ของหล่นมีพื้นที่ที่เหมาะสมกว่าสำหรับสัตว์เลี้ยง เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เล็กๆ ในบ้านหลังปัจจุบัน และเจ้าของใหม่ก็มีเวลาดูแลนังหล่นมากกว่า ในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนต้องเดินทางไปทำงานไกลๆ เป็นเวลานาน
“พวกเราส่งนังหล่นไปให้เจ้าของใหม่ทดลองเลี้ยงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อประเมินว่า นังหล่นจะปรับตัวเข้ากับแมวตัวเดิมที่มีอยู่แล้ว และพื้นที่ใหม่ได้หรือไม่” บอลเล่าและเสริมว่า “แล้วผมก็พบว่า นังหล่นปรับตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ นางดูมีความสุขที่ได้วิ่งเล่นในพื้นที่กว้างใหญ่ และได้แสดงออกตามสัญชาตญาณพื้นฐานของแมว”
เจ้าของใหม่สามารถสร้างความผูกพันธ์กับหล่นได้เร็วมาก และเข้าใจการดูแลลูกแมวเป็นอย่างดี เนื่องจากมีประสบการณ์เลี้ยงแมวอยู่แล้วหนึ่งตัว และสามารถตอบสนองสัตว์เลี้ยงหนึ่งตัวด้วยปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะ ยอดอธิบายเพิ่มเติม
มองคุณค่าของชีวิตผ่านสัตว์เลี้ยง
ยอดเล่าว่า “ในระหว่างการดูแลนังหล่น ผมรู้สึว่า เรามีความคิดเปลี่ยนไป เมื่อก่อนผมทั้งสองคนมักปะทะอารมณ์ในเรื่องงานที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกัน แต่เมื่อนังหล่นเข้ามาอยู่ในบ้าน ผมมีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้อารมณ์เครียดที่เกิดขึ้นจากงานบรรเทาเบาบางลง และเราสามารถพูดคุยเรื่องงานในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น นังหล่นเป็นเหมือนตัวกลางที่ทำให้เรามีอารมณ์อ่อนโย่นมากขึ้น”
ในขณะที่บอลบอกว่า “พอก้าวผ่านช่วงแรกของการเลี้ยงแมวไปได้ เราได้เรียนรู้พฤติกรรมของแมว ทุกครั้งที่เราทั้งสองคนกลับมาถึงบ้านหลังจากออกไปข้างนอก นั่งหล่นจะมานั่งรออยู่หน้าประตูบ้านอย่างตั้งใจ เรารู้สึกได้ว่า มีคนรอเราอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันเป็นความรู้พิเศษที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทำให้เราหวนนึกถึงพ่อแม่ของเราที่รอลูกๆ กลับบ้าน”
“ในโลกของมนุษย์คนหนึ่งอาจรู้สึกว่า แมวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แต่สำหรับแมวหนึ่งตัว มนุษย์คือโลกทั้งใบของเขา” บอลและยอดกล่าวเสริม
นอกจากนี้ สัตว์เลี้ยงหนึ่งตัวยังทำให้เห็นความหมายของชีวิต เจ้าของใหม่ได้เล่าให้บอลและยอดฟังว่า “การเลี้ยงแมวช่วยบำบัดจิตใจของพี่ ทำให้พี่ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้” ซึ่งทำให้พวกเขามองเห็นคุณค่าของสัตว์เลี้ยงที่ส่งผลต่อการมองเห็นคุณค่าในตัวเองของมนุษย์คนหนึ่ง
เมื่อครบเวลาทดลองเลี้ยง บอลและยอดไปรับนังหล่นกลับมา เพื่อนำไปฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ และจะส่งมอบให้กับเจ้าของใหม่ เพื่อให้ชีวิตของหล่นได้อยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย มีอาหารกินทุกมื้อ และสามารถได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมเมื่อเจ็บป่วย
แม้ว่าบอลและยอดจะเลี้ยงแมวเป็นแล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากความพร้อมของตัวเอง พวกเขาก็รู้สึกว่า ตัวเองยังไม่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ที่จะมอบสวัสดิภาพที่ดีให้กับแมวหนึ่งตัว
ความรู้สึกผูกพันระหว่างพวกเรากับนังหล่นยังคงอยู่ ถ้าพวกเราคิดถึงหล่นก็คงไปเยี่ยมตามวาระ และเจ้าของใหม่ก็พร้อมรายงานสถานการณ์ของนั่งหล่นให้พวกเรารับรู้ได้ตลอดเวลา บอลและยอดกล่าว
ติดตามความน่ารักและเรื่องราวเพิ่มเติมของนังหล่นเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ บอล ยอด หนังพาไป
เรื่อง ณภัทรดนัย
ภาพถ่าย ทายาท เดชเสถียร และพิศาล แสงจันทร์
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ดูเพศแมว อย่างไรให้ชัวร์
- ไข 8 ความลับพฤติกรรมแมว ที่ทำให้ทาสต้องสงสัย
- 8 ความพิเศษของร่างกายแมว ที่ทาสแมวอาจไม่เคยรู้
