แค่พูดถึงการรีดผ้าก็อาจชวนให้เหนื่อยแล้ว แต่การ รีดผ้าเรียบ นานนั้นเหนื่อยยิ่งกว่า ! วันนี้ my home เลยอยากเอาใจช่วยพ่อบ้านแม่บ้านทุกคนด้วยการรวมเคล็ดลับรีดผ้าออกมาให้เรียบได้โดยไม่ต้องเกี่ยงกัน เพราะแต่ละข้อนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่ช่วยให้การเริ่มต้นรีดผ้าออกมามีชัยไปกว่าครึ่ง โดยเริ่มกันตั้งแต่จะซักและตากยังไงไปจนถึงใช้ตัวช่วยไหนที่ทำให้การรีดผ้าเป็นเรื่องง่ายขึ้นกันได้ค่ะ
1 . ความชื้นต้องพอ
ความชื้นเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ช่วยให้ผ้าเรียบขึ้นได้เลยค่ะ ถึงแม้จะใช้ความร้อนสูงหรือออกแรงรีดทับแค่ไหนถ้าความชื้นไม่พอก็อาจเหนื่อยฟรีได้ ทางที่ดีควรฉีดน้ำหรือพ่นไอน้ำจากเตารีดลงบนเนื้อผ้าให้ความชื้นเพียงพอก่อนที่จะรีดเพื่อให้เส้นใยผ้าคลายตัว จากนั้นก็ค่อย ๆ วางเตารีดทับลงไปและรีดไปในทางเดียวกันจนผ้าแห้งสนิท เหมือนเป็นการขึ้นรูปเนื้อผ้าใหม่นั่นเองค่ะ การทำให้ผ้าชื้นจะช่วยให้ผ้าที่เป็นรอยยับอ่อนตัวลง เมื่อใช้เตารีดทับลงไปก็เหมือนกับการขึ้นรูปเนื้อผ้าใหม่ให้เส้นใยเรียบตรง เพราะฉะนั้นจึงต้องรีดให้ความชื้นระเหยไปจนหมดและค่อยเปลี่ยนไปรีดที่ใหม่หรือนำไปใส่ไม้แขวนค่ะ
2 . ใช้แผ่นรองรีดสะท้อนความร้อน ทำให้ รีดผ้าเรียบ ขึ้น
การเลือกใช้วัสดุรองรีดเป็นอีกอย่างที่หลายคนอาจมองข้ามไป ทั้งที่เป็นจุดที่ทำให้รีดผ้าได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยนอกจากจะต้องเลือกวัสดุที่มีพื้นผิวเรียบและอยู่ตัวแล้ว การใช้ผ้าปูรองรีดที่สะท้อนความร้อนหรือนำอลูมิเนียมฟอยล์มาปูรองก็ถือเป็นอีกตัวช่วยที่ดีค่ะ ยิ่งถ้าเป็นผ้าที่ค่อนข้างหนาก็จะช่วยประหยัดเวลาในการรีดได้ เพราะการใช้วัสดุที่สะท้อนความร้อนจะทำให้ผ้าได้รับความร้อนโดยตรง เหมือนเป็นการรีดหน้าผ้าทั้ง 2 ด้านไปในคราวเดียวเลยนั่นเอง
3 . รีดอย่างไรไม่ให้กลับมายับ
เวลารีดเสื้อแขนยาวทีไรก็มักจะเจอปัญหาส่วนปกและแขนกลับมายับใหม่อีกครั้งหลังจากรีดเสร็จทั้งตัว แต่ถ้าไม่อยากต้องคอยรีดใหม่ซ้ำไปมาก็อาจนำเสื้อขึ้นไปแขวนทิ้งไว้บนไม้แขวนสักพักหลังจากรีดส่วนปกและแขนเสร็จก่อนที่จะกลับมารีดลำตัวได้ค่ะ การแขวนทิ้งไว้สักพักจะช่วยให้ผ้ามีความอยู่ตัวและยับได้ยากขึ้น
ซึ่งต่างจากการรีดลำตัวต่อทันทีที่รีดแขนเสร็จ เพราะเนื้อผ้าก็จะถูกทับหรือพลิกไปมาอีกครั้งโดยที่ยังไม่ได้เซ็ทตัวและอาจหลงเหลือความชื้นอยู่ จึงทำให้ผ้ากลับมายับใหม่อีกครั้งได้ง่าย
4 . ใช้ความร้อนให้เหมาะกับเนื้อผ้า
บางทีที่รีดผ้าออกมาไม่เรียบก็อาจเป็นเพราะใช้ความร้อนได้ไม่เหมาะกับเนื้อผ้า ถ้าเป็นผ้าใยสังเคราะห์อย่างพวกโพลีเอสเตอร์แค่ใช้ความร้อนระดับต่ำก็อาจเรียบได้สบาย ๆ แต่ถ้าตัวต่อไปที่นำมารีดเป็นผ้าฝ้ายก็คงเอาไม่อยู่ เพราะการรีดผ้าฝ้ายนั้นจำเป็นต้องใช้ความร้อนที่ค่อนข้างสูง ถ้าหากไม่ปรับระดับความร้อนที่เตารีดหรือไม่เรียงลำดับเนื้อผ้าที่นำมารีดก็อาจทำให้ผ้าไม่เรียบเท่าที่ควร เมื่อเปิดเตารีดใช้งานในช่วงแรกควรอุ่นเครื่องด้วยการรีดผ้าบาง ๆ ก่อน และจึงค่อยรีดผ้าใยสังเคราะห์หรือผ้าเส้นใยธรรมชาติประเภทต่าง ๆ ตามลำดับไปค่ะ
5 . การป้องกันผ้าขึ้นเงา
เนื้อผ้าบางประเภทก็อาจขึ้นเงาได้ถ้าหากเจอความร้อนสูงเกินไป จะเห็นได้บ่อยเมื่อรีดผ้าที่เป็นใยสังเคราะห์ แต่ถ้าหากใช้ความร้อนไม่ถึงก็ไม่เรียบอยู่ดี วิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ ที่ทำได้จึงเป็นการใช้ผ้าบาง ๆ อย่างเช่นผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขาวบางมาวางทับลงไปก่อนรีด หรือไม่ก็ใช้การพลิกด้านในออกมารีดได้สำหรับเนื้อผ้าที่ไม่หนามากค่ะ แต่ถ้าหากรีดพลาดไปจนเนื้อผ้าเกิดขึ้นเงาก็สามารถแก้ได้ด้วยการนำน้ำส้มสายชูมาทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยกลับด้านในมารีดใหม่อีกครั้ง
6 . ใช้น้ำสะอาดเติมเตารีด
น้ำที่ใช้เติมในเตารีดไอน้ำนั้นจะต้องเป็นน้ำที่สะอาดโดยอาจเป็นน้ำดื่มจากขวดหรือน้ำกรอง เช่นเดียวกับน้ำที่ใช้ฉีดพ่นเนื้อผ้าก็ควรเป็นน้ำยาหรือน้ำต้มสุกที่สะอาดเช่นกัน ไม่ควรใช้น้ำประปามาเติมลงไปเพราะอาจก่อให้เกิดคราบตะกรันได้ในระยะยาว ซึ่งคราบเหลานี้สามารถอุดตันเตารีด ทำให้ใช้งานได้ไม่เต็มที่และอาจเกิดคราบเลอะเทอะเสื้อผ้าเวลารีดด้วยค่ะ และเมื่อรีดผ้าเสร็จทุกครั้งก็ควรเทน้ำออกจากเตารีดให้หมด ไม่ควรเก็บไว้ใช้ในครั้งต่อไป เพราะการเติมน้ำทิ้งไว้อาจทำให้รั่วซึมไปยังแผงวงจรด้านในตัวเครื่องได้ค่ะ
7 . ไม่ยัดเสื้อผ้าหรือกองทับกัน
ถ้าไม่อยากให้ผ้ายับจนรีดได้ยากก็สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ขั้นตอนการซักและตากเลยค่ะ เพราะการใส่ผ้าเข้าไปในเครื่องซักหรือเครื่องอบในระดับที่พอดี ไม่ยัดจนอัดแน่นจะทำให้ผ้าไม่เกิดรอยยับ เมื่อเครื่องทำงานเสร็จก็ควรนำออกมาสะบัดและขึ้นตากทันที่โดยไม่ทิ้งไว้นาน สุดท้ายก็เป็นการแขวนผ้าไว้บนราวหรือในตู้ที่ไม่อัดกันแน่น เมื่อผ้าไม่ถูกยัดหรือวางกองไว้ก็จะแทบไม่เกิดรอยยับเลย เวลานำไปรีดก็จะเป็นเรื่องง่ายสุด ๆ หรือกลายเป็นว่าบางตัวก็อาจไม่ต้องรีดเลยก็ได้ค่ะ
Story : Kamonchanok.L
