จากกรณีผนังของอาคารเก่าอายุร่วม 40 ปี ริมถนนพระราม 1 ร่วงจากชั้น 8 ตกใส่ประชาชนจนบาดเจ็บ เราจึงควรมาใส่ใจตรวจสภาพอาคารเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ติดตามข่าว : https://www.amarintv.com/news/detail/118109
การที่ผนังหลุดร่วงลงมานี้ เกิดจากการเสื่อมสภาพของปูนฉาบและวัสดุยึดเกาะกระเบื้อง ประกอบกับมีความชื้นสะสม ซึ่งปัญหา ปูนเสื่อมสภาพ มีหลายสาเหตุ เช่น
- สภาวะอากาศ อุณหภูมิ และความชื้น ทำให้พื้นผิวปูนเกิดรอยร้าว ความชื้นจึงค่อยๆสะสมภายในเนื้อปูนจนเกิดการแตกร่อนและไม่ยึดจับกัน
- ในกรณีที่ปูกระเบื้อง เมื่อปูนยาแนวหลุดล่อน ความชื้นก็จะซึมเข้าไปสะสมด้านหลังกระเบื้อง และซึมเข้าเนื้อปูน เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานวัน ปูนจึงเสื่อมสภาพและหลุดร่วงลงมาได้
การแก้ไข
สกัดผนังปูนที่เสื่อมสภาพออก ทาน้ำยาผสานคอนกรีตเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ แล้วจึงฉาบปูนตามปกติ
การป้องกัน
ความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงเป็นสาเหตุหลักของ ปูนเสื่อมสภาพ รวมถึงขาดการดูแลรักษา โดยสามารถป้องกันได้ดังนี้
- ออกแบบผนังให้อยู่ในชายคา จะช่วยป้องกันการโดนฝนและแสงแดดโดยตรง
- ผนังด้านที่โดนความร้อนและความชื้นเป็นประจำ แนะนำให้เสริมตะแกรงเหล็กป้องกันการแตกร้าวก่อนฉาบปูน และทาซีเมนต์กันซึมก่อนกรุกระเบื้อง
- ใช้กาวซีเมนต์ให้ถูกประเภท ถ้าเป็นวัสดุแผ่นใหญ่ควรใช้กาวซีเมนต์แรงยึดเกาะสูง
- ซ่อมบำรุงสม่ำเสมอเมื่อเห็นกาวยาแนวหลุดล่อน หรือผนังมีรอยแตกร้าว การซ่อมแซมตั้งแต่เนิ่นๆจะป้องกันปัญหาลุกลามได้ดี
- ผนังภายนอกอาคารที่ติดตั้งวัสดุแผ่นใหญ่และมีน้ำหนักมาก เช่น แผ่นหิน กระเบื้องขนาดใหญ่ รวมถึงวัสดุแผ่นอื่นๆ มีวิธีการติดตั้งที่มีความแข็งแรง 2 วิธีคือ
1.ติดตั้งด้วยระบบแห้ง หรือ Wall cladding system ซึ่งจะยึดโครงคร่าวกับโครงสร้างอาคาร และนำวัสดุแผ่นมาแขวนยึดกับโครงคร่าวด้วยอุปกรณ์ล็อก จึงมีความแข็งแรงถาวรมากกว่าการยึดด้วยกาวซีเมนต์
2.ติดตั้งแบบแขวนตะขอ เป็นการฝังตะขอโลหะไว้ที่ผนังและด้านหลังวัสดุแผ่น ใช้สำหรับการปูแผ่นหินที่มีความหนาประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร เพราะต้องมีการบากแผ่นเพื่อฝังตะขอ และอาจติดตั้งร่วมกับกาวซีเมนต์ด้วย
เรื่อง ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์
