” กว่าจะมาเป็นตัวตนของเรา เราได้ผ่านการลองผิดลองถูกมาเรื่อย ๆ บ้านที่เราอยู่จึงเต็มไปด้วยเรื่องราว ประสบการณ์ และความชอบที่ทำให้มีรอยยิ้มและสุขใจทุกครั้งที่ได้อยู่ “
สองพี่น้องฝาแฝดที่ตัดสินใจ รีโนเวตบ้าน เดิมสมัยคุณตาคุณยาย ซึ่งทั้งสองอยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยคงโครงสร้างของบ้านเดิมไว้เกือบทั้งหมด เพื่อโชว์เสน่ห์ของบ้านเก่าที่มีเรื่องราวให้จดจำ คุณเอ – สุพัตรา และ คุณบี – สุภลักษณ์ ศรบรรจง เจ้าของแบนด์ It’s Takes Two To Tango สองสาวพี่น้องบุคลิกต่างกัน คนหนึ่งเป็นสาวหวาน อีกคนหนึ่งเป็นสาวเท่ แต่ผสมผสานกันออกมาแล้วทำให้บ้านนี้ดูลงตัวและน่าอยู่มาก ๆ เลยทีเดียว

แค่ทางเข้าบ้านก็สวยไม่เบา เพราะเจ้าของตกแต่งให้ดูสะดุดตาด้วยประตูบานไม้โบราณ และผนังก่ออิฐมอญโชว์แนว เพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้นานาพรรณของสวนข้างบ้าน เห็นอย่างนี้ว่าสวยแล้ว ยิ่งเดินเข้ามาด้านใน ยิ่งประทับใจเข้าไปอีกกับบรรยากาศที่แสนสบาย บวกกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่ต่างยุคต่างสมัย แต่ผสมผสานกันอย่างลงตัว คุณบีเล่าให้ฟังว่า “ บ้านหลังนี้เคยผ่านการรีโนเวตในสมัยคุณแม่มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสไตล์ของคุณแม่เป็นสไตล์ที่เราไม่ค่อยชอบ และในเมื่อเราต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบ้านหลังนี้ ก็เลยปรับเปลี่ยนให้เป็นสไตล์ที่เราสองคนชอบ ”
เดิมบ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าสองชั้น ตรงกลางเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับบ้านไม้ที่คุณตาคุณยายสร้างเพิ่มขึ้นมา คุณเอและคุณบีจึงออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ส่วนรับแขก ห้องครัว ส่วนรับประทานอาหาร ส่วนนั่งเล่น และแยกออกเป็นห้องนอนของคุณเอและคุณบี ส่วนชั้นสองเป็นห้องอ่านหนังสือ แต่ด้วยพื้นที่ใช้งานหลักจะอยู่ข้างล่างทั้งหมด ชั้นสองเลยกลายเป็นพื้นที่เก็บของไปโดยปริยาย ส่วนของห้องรับแขกที่ออกแบบให้เปิดโล่ง โดยการเปลี่ยนมาใช้ประตูบานเฟี้ยมกรุกระจกแทน ทำให้มองเห็นบรรยากาศด้านนอกได้ และเพิ่มเสน่ห์ด้วยของตกแต่งที่มีกลิ่นอายโบราณ อย่างโต๊ะกลางที่เป็นโต๊ะเป่าลมอายุเกือบร้อยปีจากตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์
” ปัญหาบ้านหลังนี้คือเป็นบ้านทรงเก่า จะมีเพดานที่เตี้ยมาก ซึ่งดูขัดกับการใช้ชีวิต เพราะเอกับบีตัวสูง ทำให้ไม่ค่อยสะดวกเราสองคนได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่เป็นวิศวกร บวกกับบังเอิญไปร้านอาหารร้านหนึ่งแล้วเห็นเพดานเขาเปิดโล่งโชว์โครงด้านบน เราเลยคิดว่าบ้านเราน่าจะทำได้ พอวันที่ทำการปรับปรุงบ้าน จึงลองกระทุ้งออกดูแผ่นหนึ่ง พอเห็นปุ๊บก็รู้สึกเลยว่ามันสวยดี เราก็เลยจัดการทุบหมดเลยทันที ”
“ พื้นเดิมเป็นพื้นไม้ปาร์เกต์ พอนาน ๆ ไปสภาพบ้านก็เปลี่ยนปัญหาเรื่องปลวกก็ตามมา จึงตัดสินใจรื้อและเปลี่ยนเป็นกระเบื้องแทน ซึ่งเป็นไอเดียของคุณแม่ และพวกเราไปช่วยเลือกกระเบื้องลายวินเทจตามความชอบ นำมาปูวางลายตามแพตเทิร์นที่ต้องการ ส่วนประตูหน้าต่างของบ้านหลังนี้เดิมเป็นบานเลื่อนที่ทำด้วยอะลูมิเนียม พอนาน ๆ ไปมันก็ใช้งานไม่ดีเหมือนเคย จึงเปลี่ยนใหม่ด้วยการเลือกใช้ประตูบานเฟี้ยมของเก่าที่รื้อมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด โดยให้ช่างเอาลูกฟักออกแล้วติดกระจกใสแทน เพื่อให้ประตูดูโปร่งและมองเห็นบรรยากาศข้างนอกได้ ” พื้นที่ส่วนกลางของบ้านคุณเอและคุณบีมักจะใช้นั่งเล่น ดูหนังฟังเพลงด้วยกันอยู่เป็นประจำในเวลาว่าง ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายมีโซฟาหนังสีเข้มตัดกับพื้นปูนซีเมนต์ขัดมัน บวกกับไอเดียการตกแต่งผนังด้วยตัวอักษรคำว่า “สองคน” แค่นี้ก็ทำให้พื้นยที่ส่วนกลาง กลายเป็นมุมพิเศษของบ้านได้แล้วค่ะ

คุณบีเล่าให้ฟังว่า “แรงบันดาลใจในการแต่งบ้านของเรามาจากการเดินทาง เพราะสิ่งหนึ่งที่เราชอบเหมือนกันคือการได้ออกไปเดินตามสถานที่ต่าง ๆ ไปดูว่าเขาใช้ของยังไง เขาอยู่กันอย่างไร และมักจะลงเอยด้วยการได้ของที่ถูกใจติดมือมา แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะชอบแบบไหน อย่างบีเป็นคนชอบเก็บของกระจุกกระจิก พวกโปสต์การ์ด เครื่องจานชามอีนาเมล หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ เดินเยอะ ๆ แต่ค่อย ๆ ซื้อเก็บ เดินเล่นแบบไม่ได้อะไรกลับมาก็มี ”
ม่านลูกเสือ (Boyscout Patch Blanket) เป็นงานปี 1960 – 1970 จากร้าน Wooden Submarine รวบรวมตราสัญลักษณ์การประชุมลูกเสือจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย
ด้านหน้าทางเข้าจัดวางตู้ล็อกเกอร์ขนาดใหญ่สำหรับเก็บของ กระเป๋า รองเท้า เพื่อให้ดูเป็นระเบียบ และ ตกแต่งผนังด้วยตัวอักษรคำว่า “เวลาโม้” ตัวหนังสือเหล็กได้จากเจเจกรีนที่เจ้าของนำมาผสมคำเอง นอกจากแรงบันดาลใจและความชอบที่เป็นตัวแปรสำคัญในการตกแต่งบ้านแล้ว ทั้งคู่ยังมีงานอดิเรกที่หลงรักคล้ายกัน นั่นก็คืองานฝีมือ งานปัก งานย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ เริ่มจากการเดินทาง เรียนรู้ แล้วนำมาทำของใช้อย่างเสื้อผ้าหรือของแต่งบ้าน บ้านหลังนี้จึงเป็นส่วนผสมของอารมณ์ความรู้สึกและความชอบอย่างแท้จริง