เจแปนนิส บ็อบเทล

เจแปนนิส บ็อบเทล (Japanese Bobtail) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

เจแปนนิส บ็อบเทล
เจแปนนิส บ็อบเทล

ประวัติสายพันธุ์

เจแปนนิส บ็อบเทล หรือ แมวหางกุดญี่ปุ่น (Japanese Bobtail) เป็นแมวประจำชาติญี่ปุ่น และยังถือเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์นำโชคอีกด้วย ในอดีตพวกมันถูกนำมาเลี้ยง เพื่อกำจัดหนูในบริเวณท่าเรือ หรือโรงนา ด้วยความฉลาด และกระตือรือร้นจึงเป็นที่นิยมในประเทศต้นกำเนิด นอกจากนั้น ในยุคสมัยหนึ่งพวกมันถูกเรียกว่า เป็นแมวของจักรพรรด์ญี่ปุ่น มีการออกกฎหมายที่ห้ามฆ่าพวกมัน และให้สิทธิพิเศษในการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ความนิยมของพวกมันมีมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนาน และประวัติศาสตร์ รวมทั้งศิลปะของญี่ปุ่น

จากนั้นในปี ค.ศ.1968 นักพัฒนาสายพันธุ์แมวชาวอเมริกันได้นำแมวเจแปนนิส บ๊อบเทล จากญี่ปุ่นเข้ามาเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับการประกาศเป็นพันธุ์มาตรฐาน โดยสมาคม Cat Fanciers’ Association (CFA) ในปี ค.ศ. 1969 และเป็นที่นิยมอย่างมาก

ลักษณะทางกายภาพ

เจแปนนิส บ็อบเทล เป็นแมวขนาดกลาง มีน้ำหนักอยู่ราว 2.5 – 5 กิโลกรัม มีรูปร่างปราดเปรียว ลำตัวเพรียว ขายาวเรียว มักพบว่าขาหลังยาวกว่าขาหน้า หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม โหนกแก้มเป็นสันนูน จมูกยาว ตารูปไข่และมีดวงตาสีเหลืองสวย ใบหูใหญ่และตั้งสูงเป็นสามเหลี่ยม และหางกุดที่เป็นเอกลักษณ์ มีทรงเหมือนหางกระต่าย พวกมันมีขนที่นุ่มเหมือนเส้นไหม สีขนนั้นมีได้หลายสี ทั้งสีเดียวล้วน สองสี และสามสี แต่สีขนที่ประกอบด้วยสามสีนั้นจะมีความนิยมมากกว่าสีอื่น

อายุขัย

เจแปนนิส บ๊อบเทล มักมีอายุประมาณ 8-15 ปี

ลักษณะนิสัย

เจแปนนิส บ็อบเทลเป็นมิตรกับคน ฉลาด และอ่อนโยน ทั้งยังมีความกล้าหาญ ขี้เล่น ขี้สงสัย มีความกระตือรือร้น อีกทั้งยังชอบอ้อนและแสดงความรักกับเจ้าของอย่างมาก ทำให้พวกมันเป็นเพื่อนที่แสนดี แล้วสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของเจ้าของได้ พวกมันจะแสดงความห่วยใจโดยการนั่งอยู่ใกล้ ๆ เพื่อปลอบหรือทำให้สบายใจ

การเข้ากับเด็ก

เจแปนนิส บ็อบเทล เป็นแมวมีความอ่อนโยนต่อเด็ก ๆ ชอบให้แสดงความรักโดยการกอด แล้วยังเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากพวกมันทนต่อเสียงเด็กร้องไห้ หรือวิ่งเล่นเสียงดังได้โดยไม่แสดงอาการรำคาญ พวกมันจะคอยอยู่ข้างเด็ก ๆ เสมอ ที่สำคัญก็สามารถเข้ากันได้ดีกับแมวพันธุ์อื่น

การดูแล

การออกกำลังกาย

โดยพื้นฐานแล้วนั้นแมวเจแปนนิส บ็อบเทล เลี้ยงได้ง่าย สามารถปรับตัวได้ดี และชอบทำกิจกรรมประจำวัน พวกมันยังเป็นแมวที่คล่องแคล่วและชอบเล่นมาก โดยเฉพาะการกระโดด และสำรวจหากลิ่นใหม่ ๆ เสมอ ผู้เลี้ยงอาจกระตุ้นให้แมวออกกำลังโดยให้มีการเล่นของเล่น เช่น การเล่นขนนก การวิ่งไล่จับ เป็นต้น

อาหาร

แมวควรได้รับสารอาหารที่มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และกิจกรรมในแต่ละวันของแมว เพียงให้อาหารที่เหมาะสมและปริมาณแคลอรี่ที่เพียงพอต่อสัตว์ ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และอายุของแมว

โรคประจำพันธุ์

  • โรคระบบหมุนเวียนโลหิตและหัวใจ
  • โรคระบบทางเดินปัสสาวะและไต
    • โรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างของแมว (Feline Lower Urinary Tract Disease : FLUTD)
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • โรคเม็ดเลือดแดงแตก จากภูมิคุ้มกันที่ต่อต้านเม็ดเลือดแดงของลูกสัตว์ที่มีในนมน้ำเหลืองของแม่สัตว์ (Neonatal Isoerythrolysis :NI หรือ Hemolytic Icterus)
  • โรคมะเร็ง

เรื่อง : ชนิฏฐา กล้าแข็ง

ติดตามข้อมูล บ้านและสวน PETS ได้ที่นี่