แบบบ้านโมเดิร์น อยู่รวมกันผูกพันกว่า BIGGER (FAMILY) IS BETTER

พอย่างเข้าสู่วัยที่ต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง หลายคนมองหาบ้านหลังใหม่ เพื่อขยับขยายออกจากบ้านหลังเดิมที่เคยอยู่มา แต่สำหรับ คุณวสันต์ เจริญนวรัตน์ ได้เตรียมการวางแผนรอรับสมาชิกครอบครัวรุ่นที่ 3 ผ่านไอเดียของทีมสถาปนิกจาก Monotello ในการรีโนเวต แบบบ้านโมเดิร์น ของสมาชิกทั้งสามรุ่น โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของครอบครัวใหม่ และคงความรู้สึกผูกพันของครอบครัวเดิมไว้ได้อย่างดี

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: Monotello

แนวคิดการปรับปรุง แบบบ้านโมเดิร์น ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์รูปแบบการใช้ชีวิตภายในบ้าน เมื่อสมาชิกรุ่นลูกก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เขาต้องการพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่ได้เป็นเพียงห้องนอน หากแต่เป็นบ้านที่สามารถทำกิจกรรมและมีชีวิตประจำวันเป็นของตัวเองได้อย่างสบายใจ โดยไม่รบกวนสมาชิกในบ้านคนอื่น ๆ จากโจทย์นี้จึงเกิดคอนเซ็ปต์ Loft Space หรือบ้าน 3 ยูนิตในพื้นที่บ้านเดิม โดยแต่ละหลังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนได้อย่างครบครัน มีทั้งพื้นอยู่อาศัย แพนทรี่ ส่วนรับแขก ส่วนทำงาน ส่วนพักผ่อน และสวน

// บ้านหลังนี้พยายามทำให้ไม่ฉาบฉวย ด้วยการใส่กรรมวิธีอย่างมีศิลปะเข้าไป
ตอบสนองความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง //

ต้อนรับเข้าสู่ตัวบ้านด้วยซุ้มทางเข้าหินทราเวอร์ทีน เป็นหนึ่งเดียวกันกับงานสถาปัตยกรรม ดูต่อเนื่องกันทั้งวัสดุและรูปแบบการจัดวาง นอกจากการกรุหินแล้ว แนวรั้วต้นไทรยังทำหน้าที่เป็นทั้งสวนหน้าบ้านและเชื่อมโยงไปถึงผนังของ Pocket Garden บนชั้นสองที่ใช้เป็นสวนไซส์มินิประจำบ้านหลังเล็กแต่ละหลังด้วย

“จากการวิเคราะห์ฟังก์ชันทั้งหมด จึงสรุปออกมาเป็นการ Remodel หรือการสวมก้อนอาคารใหม่เพิ่มเข้าไปบริเวณส่วนหน้าบ้าน โดยยังคงโครงสร้างเดิมไว้ ทุบรื้อภายในออกเกือบหมด เหลือไว้เพียงห้องนั่งเล่นชั้นบน และบันไดโค้งพื้นที่แห่งความทรงจำของบ้าน พร้อมกับเปิดสเปซให้เป็นโถงสูงจรดหลังคาสกายไลท์ จากเดิมที่เคยมีบรรยากาศปิดทึบก็ดูโปร่งโล่งขึ้น เสริมให้บันไดโค้งดูโดดเด่นสมกับเป็นหัวใจของบ้าน” คุณวรพจน์ เตชะอำนวยสุข หัวแรงใหญ่ของ Monotello เล่าถึงเรื่องราวกว่าจะมาเป็นบ้านหลังใหม่ให้เราฟัง

เบื้องหลังรั้วไทรเกาหลีเผยให้เห็นสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นต่อเนื่องเข้ามาสู่งานตกแต่งภายในของโถงส่วนกลางสำหรับต้อนรับแขกและประชุมงาน มีช่องเปิดขนาดยักษ์ช่วยดึงบรรยากาศปลอดโปร่งของผืนผนังสีเขียวและบ่อน้ำเข้ามายังตัวบ้านได้อย่างเต็มที่ สอดแทรกความเป็นศิลปะด้วยการเลือกใช้หินผิวสกัดจัดเรียงเป็นแพตเทิร์น ร่วมกับงานไม้ และงานทำสีทองแดงเพิ่มความเท่ให้กับราวบันได คิ้วบัว อ่างล้างมือ และขาเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

บ้านเล็กหลังที่สองแบ่งเป็นสองชั้นย่อยเช่นเดียวกัน เมื่อเข้ามาจากทางเข้าห้องซึ่งอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านแล้วจะพบกับบ้านลอฟต์แบบนิวยอร์กสไตล์ เริ่มจากผนังอิฐที่มีอิฐหน้าตาไม่เหมือนกันสักก้อน เพราะเป็นการรียูสก้อนอิฐจากหม้อต้มไอน้ำที่ผ่านการใช้งานจริงมาอย่างยาวนาน คงสไตล์ดิบ ๆ โดยการใช้พื้นปูนฉาบขัดมัน ร่วมกับการยกระดับพื้นไม้สำหรับเป็นทางสัญจรขึ้นสู่ชั้นสอง และวางโคมไฟตั้งพื้นเพิ่มความน่าสนใจให้สเปซ

แบบบ้านโมเดิร์น — จากโถงกลางจะมองเห็นบันไดโค้งเป็นมาสเตอร์พีซชิ้นหลักกลางบ้าน ปรับลุคใหม่ให้ดูร่วมสมัยขึ้นด้วยการกรุพื้นไม้มะค่าใหม่ทั้งหมด และเลือกใช้ราวบันไดสีทองแดงดูโดดเด่น การยังคงบันไดเดิมไว้นี้ ได้ผลลัพธ์ในแง่การจดจำ เพราะเมื่อแขกของครอบครัวมาเยี่ยมที่บ้าน ก็จำได้ตั้งแต่แวบแรกว่ายังเป็นบ้านหลังเดิม

โถงรับแขกเปิดโล่งแบบดับเบิ้ลสเปซ ส่วนนั่งเล่นใช้การลดหลั่นระดับพื้นลงไปสำหรับทำให้เป็นโซฟาบิลท์อินแบบ Sunken Seats ระดับเดียวกับผิวน้ำ สร้างปฏิสัมพันธ์เสมือนผู้ใช้งานได้ใกล้ชิดบรรยากาศธรรมชาติภายนอกมากขึ้น

บ้านเล็กดูดิบเท่สไตล์ลอฟต์ ฉาบพื้นด้วยปูนขัดมันผสมผงตะไบเหล็กที่นานวันเข้าจะมีประกายของสีสนิมขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เมื่อทอดสายตาออกไปจะพบกับส่วนนั่งเล่นกึ่งเอ๊าต์ดอร์แบบส่วนตัวบนชั้น 2 ตกดึกบรรยากาศภายในจะดูสนุกสนานจากหลอดไฟแอลอีดีใต้ยกพื้นที่เปลี่ยนสีเป็นจังหวะตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ ซึ่งเกิดจากความชื่นชอบของเจ้าของห้อง

ผนังอีกด้านหนึ่งเบรกความแข็งของงานฉาบปูนด้วยการทำสีและพื้นผิวเหมือนเหล็กมีคราบสนิมออกแบบให้มีราวจับบันไดทั้งสองด้านเพื่อความปลอดภัย ด้านที่ติดผนังเลือกใช้เหล็กกล่องทำสีดำดูสอดคล้องกับวงกบและราวจับระเบียงบ้าน ส่วนอีกด้านใช้กระจกเทมเปอร์เต็มบานเป็นทั้งราวจับและแผ่นกันตก

ส่วนบ้านอีกสองหลังเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่บนชั้น 2 ต่างก็แสดงความเป็นสัจวัสดุซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน จนนึกไม่ถึงเลยว่าจะอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน บ้านเล็กหลังแรกดิบเท่จากงานปูนขัดมันผสมผงตะไบเหล็ก แฝงความรื่นเริงแบบไนท์ไลฟ์ด้วยลูกเล่นการใช้ไฟแอลอีดีเปลี่ยนสีได้ ส่วนอีกหลังตกแต่งสไตล์นิวยอร์ก เด่นที่ผนังก่ออิฐทนไฟเก่าที่มีร่องรอยของกาลเวลาและสีสันไม่ซ้ำกันสักก้อน ซึ่งเป็นอิฐที่ผ่านการใช้งานจริงจากโรงงานของคุณวสันต์เอง โดยทางสถาปนิกได้ทดลองผสมผสานวัสดุหลายครั้งกว่าจะได้พื้นผิวสวยงามสมใจแบบนี้

เนื่องจากลูกชายทั้งสองคนจบการศึกษาทางด้านศิลปะ ชั้นบนสุดจึงกลายเป็นสตูดิโอสร้างสรรค์งานศิลปะ และพื้นที่สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน โดยเจ้าตัวมีส่วนช่วยในการดีไซน์เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการต่อเติมชั้นลอยด้วยตะแกรงเหล็กฉีกสำหรับใช้เป็นที่เก็บของ และซิงค์สเตนเลสขนาดใหญ่ใช้ล้างพู่กันและอุปกรณ์วาดภาพโดยเฉพาะ

ภายในขอบเขตรั้วเดิมที่เคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า บวกกับเทคนิคพลิกแพลงในงานออกแบบ ก็ช่วยเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานของตัวบ้าน ไปพร้อมกับขยายพื้นที่ความสุขและความทรงจำของสมาชิกครอบครัวทุกคนต่อไปถึงรุ่นหลานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา…