GOOSE LIVING บูติกโฮเทลสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัลในตึกแถวเก่า

จากโมเมนต์ประทับใจในสวนสาธารณะกลางมหานครนิวยอร์กสู่บูติกโฮเทลสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัลใจกลางเมือง GOOSE living โรงแรมและคาเฟ่ในตึกแถวเก่าย่านสุขุมวิท คือผลลัพธ์จากการตีความการพักผ่อนรูปแบบใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “living a goose life… wild, fresh and free.” 

หลังจากจบการศึกษาด้านการทำอาหารที่นิวยอร์ก คุณสราภา เวชภัทรสิริ กลับมาพร้อมกับความทรงจำ และโมเมนต์สุดประทับใจ เพื่อเริ่มต้นต่อยอดความฝันในการสร้างสรรค์ร้านอาหารและโรงแรมใจกลางกรุง  ด้วยเหตุนี้ อาคารพาณิชย์ 2 คูหาเก่าแก่ของครอบครัวย่านพระโขนงอายุกว่า 40 ปี แห่งนี้ จึงได้รับการแปลงโฉมให้กลายเป็นทั้งบูติกโฮเทล และร้านอาหาร ภายใต้แนวคิดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตของ ‘goose’ หรือ ‘ห่าน’ ที่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติอย่างเรียบง่ายและรักอิสระ ซึ่งเป็นความประทับใจที่คุณสราภาได้พบเห็นระหว่างเดินเล่นในสวนสาธารณะกลางนิวยอร์ก GOOSE living จึงเชิญชวนทุกคนมาใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่าย ยืดหยุ่น หากแต่แฝงไปด้วยมุมมองที่กล้าจะทดลองประสบการณ์ใหม่

เนื่องจากอาคารตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน จึงออกแบบทางเข้าให้เปิดโล่งทั้งด้าน เพื่อให้ร้านอาหารและคาเฟ่บนชั้นหนึ่งดูโปร่งโล่ง และเชื้อเชิญผู้คนที่ผ่านไปมา
Goose Living
พื้นที่โซนต้อนรับเชื่อมต่อกับโซนคาเฟ่ โดยออกแบบบริเวณพักคอยให้มีม้านั่งบิลต์อินทรงโค้งมน รับกับรูปทรงของเคาน์เตอร์
Goose Living
เลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่เพื่อกำหนดขอบเขตการใช้งานระหว่างโซนต้อนรับและโซนคาเฟ่ ด้วยวัสดุผนังและฝ้าเพดานที่ต่างกัน แต่ยังคงใช้โทนสีที่สร้างความกลมกลืนในภาพรวม

Goose Living

โครงการนี้ได้ทีมสถาปนิกจาก SIM STUDIO มารับหน้าที่ชุบชีวิตตึกแถวเก่า 5 ชั้น แห่งนี้ ให้กลับมาสร้างชีวิตชีวาให้ย่านสุขุมวิท 71 อีกครั้ง พื้นที่ใช้สอยขนาด 900 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่คาเฟ่บนชั้นล่าง ห้องพัก 20 ห้อง และบาร์บนชั้นดาดฟ้า พื้นที่ภายในออกแบบผ่านการตีความจากที่อยู่อาศัยของฝูงห่าน โดยดึงเอกลักษณ์และองค์ประกอบของสีสันรวมถึงการใช้วัสดุ ที่สะท้อนถึงคาแรกเตอร์ของห่าน และความเป็นธรรมชาติ เน้นการใช้เส้นสายที่เรียบง่าย แต่แทรกรายละเอียดการใช้วัสดุที่น่าสนใจไว้ในแต่ละพื้นที่ จึงยืดหยุ่นสำหรับทุกกิจกรรมการใช้งาน

Goose Living
นอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบให้เป็นกลุ่มก้อนสื่อถือธรรมชาติของการอยู่ร่วมกันเป็นฝูงของห่านแล้ว เส้นสายโค้งมนยังช่วยลดความแข็งกระด้างของเส้นแนวตั้งที่เป็นวัสดุผนัง เสริมให้สเปซดูมีมิติและดูเป็นมิตรมากขึ้นอีกด้วย

ชั้น 1 เป็นโถงต้อนรับที่เชื่อมต่อเนื่องกับพื้นที่คาเฟ่กึ่งร้านอาหาร ผู้ออกแบบจึงเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกัน เพื่อแบ่งขอบเขตพื้นที่ใช้งานทั้งในส่วนพื้น ผนัง และเพดาน หากแต่ยังคงองค์ประกอบเส้นตั้งของวัสดุ ซึ่งลดทอนมาจากเส้นสายลำต้นของต้นไม้ ให้วิ่งตามแนวผนังโดยรอบไปทั่วทั้งพื้นที่ เสมือนกำลังนั่งอยู่ภายในพื้นที่ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้

Goose Living
นอกจากนี้ ยังลดความกระด้างของโครงสร้างในพื้นที่โซนต้อนรับและร้านอาหาร ด้วยการเพิ่มเส้นโค้งให้กับเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงมีการใช้รูปทรงวงกลมในหลาย ๆ ตำแหน่ง รวมถึงฝ้าเพดานกระจกเงาที่เป็นเสมือนฉากสะท้อนบรรยากาศภายใน เพิ่มมิติให้กับร้านอาหารได้ตลอดทั้งวัน พร้อมสร้างมุมมองที่แตกต่างกันไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของร้าน ตอบรับกับแนวคิดของคาเฟ่กึ่งร้านอาหาร ที่สะท้อนความแปลกใหม่ผ่านเมนูสไตล์ Asian twist นอกจากนี้ ชุดเฟอร์นิเจอร์สำหรับรับประทานอาหารยังออกแบบให้เก้าอี้เป็นระบบโมดูลาร์ ที่สามารถสอดเก็บเข้ากับโต๊ะกลมได้พอดี จึงประหยัดพื้นที่ใช้งาน และช่วยเพิ่มพื้นที่ทางสัญจรภายในร้านอีกด้วย
Goose Living
ท่ามกลางวัสดุเรียบง่าย สีเขียวสดชื่น และไม้ใบเขียวชอุ่มช่วยเพิ่มบรรยากาศทรอปิคัลได้ดี

Goose Living

ห้องพักแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งด้วยเงื่อนไขของอาคารตึกแถวเดิม คือห้องพักโซนที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมือง และห้องพักโซนด้านในที่เป็นผนังทึบและไม่ได้รับแสงธรรมชาติ ผู้ออกแบบจึงแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มช่องสกายไลต์จากด้านบนหลังคาชั้น 5 และเจาะพื้นด้านล่างทะลุลงมาจนถึงชั้น 2 กลายเป็นพื้นที่คอร์ตเล็ก ๆ ที่ทำให้ห้องพักในส่วนนี้ทุก ๆ ชั้น ได้รับแสงธรรมชาติตลอดวัน แม้ว่าจะตั้งอยู่ฝั่งด้านในอาคารก็ตาม

Goose Living
ช่องแสงสกายไลต์ที่เจาะเพิ่มจากเดิม กลายเป็นมุมไฮไลต์ของห้องพักโซนด้านในที่เดิมเป็นหลังคาปิดทึบ ให้ได้รับแสงธรรมชาติจากชั้นบนลงไปถึงห้องพักชั้นล่าง

Goose Living

ภายในห้องพักตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ยังคงรายละเอียดการใช้เส้นตรงเรียบเฉียบดูโมเดิร์น ประกอบกับผนังปูดิบกระด้าง บริเวณหัวเตียงประยุกต์ใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสธรรมชาติอย่างเสื่อจักสานทำสี ร่วมกับผ้ากำมะหยี่ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องดูนุ่มนวลขึ้น

Goose Living

หากมองจากภายนอก เปลือกอาคารหุ้มด้วยโครงสร้างเหล็กกล่องทับกันเป็นเลเยอร์ ซึ่งมีที่มาจากการลดทอนเส้นสายของภูเขาให้กลายเป็นเส้นเรขาคณิตเข้าใจง่าย เพื่อพรางสายตาจากภายนอกอาคาร เสมือนโรงแรมจึงเสมือนว่าถูกโอบล้อมด้วยผืนป่าท่ามกลางบริบทเมือง

เปลือกอาคารที่ห่อหุ้มตึกแถวเดิมใช้เทคนิคประกอบโครงเหล็กกล่องซ้อนทับกัน จนเกิดเป็นเลเยอร์ ผสานเข้ากับบันไดหนีไฟสวมทับหน้าอาคารเดิม เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ภายใน
ไดอะแกรมแสดงรูปแบบของเปลือกอาคารที่ห่อหุ้มอาคารตึกแถวเดิม

Goose Living

พื้นที่บนดาดฟ้าเปิดรับวิวเมืองโดยรอบ ออกแบบให้เป็นพื้นที่บาร์และพื้นที่กิจกรรมอื่น ๆ

 

ที่ตั้ง

3/6-7 สุขุมวิท 71 พระโขนงเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ

โทร. 086 978 6232

FB: Gooseliving
IG: Gooseliving
LINE: @Gooseliving
—-

เจ้าของ: คุณสราภา เวชภัทรสิริ

ภาพ: PanoramicStudio

ออกแบบ: SIM STUDIO

เรื่อง: วรรณลีลา


HOTEL SOU โรงแรมญี่ปุ่นสไตล์ลอฟต์ เล่าความเท่ผ่านเปลือกอาคารที่(ดู)รกร้าง