โควิดเป็นเหตุสังเกตได้…จากตอนแรกที่ตั้งใจจะทำเป็นพื้นที่โคเวิกกิ้งสเปซให้กับพนักงานในออฟฟิศหลังจากที่ขยับขยายขึ้นไปชั้นบนทำให้ชั้นล่างว่างโล่ง แต่พอโรคระบาดดังกล่าวมาส่งผลให้งานของออฟฟิศหลายโปรเจ็กต์ถูกพับไว้ก่อน จึงเปลี่ยนวิกฤตนี้มาเป็นโอกาส ด้วยการสร้างพื้นที่ที่จะสามารถเพิ่มรายได้อย่างคาเฟ่ ” PLANT ME ON THE MOON ” ขึ้นมา
คาเฟ่ PLANT ME ON THE MOON แห่งนี้นำเอาความถนัดในการออกแบบงานอีเว้นต์ของออฟฟิศ มาใช้สร้างความโดดเด่นให้กับพื้นที่ด้วยการใช้โครงนั่งร้านเหล็กที่คุ้นเคยมาทำเป็นเสมือนเรือนกระจกขนาดย่อมที่อัดแน่นไปด้วยไม้ใบนานาพรรณ กลายเป็นโอเอซิสกลางเมือง ให้ไปนั่งชิล ๆ จิบกาแฟพร้อมอากาศสดชื่น
ส่วนชื่อร้านได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อเพลง “Fly me to the moon” ที่นำมาเล่นคำเลยกลายเป็น “Plant me on the moon” ซึ่งเข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้านพอดีประหนึ่งปลูกต้นไม้ไปได้เรื่อย ๆ จนถึงดวงจันทร์ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ให้ความสำคัญอย่างเพลงที่เปิดในร้านก็เลือกเพลลิสต์เป็นพิเศษสำหรับเอาไว้เปิดให้ต้นไม้ฟังโดยเฉพาะ ไปจนถึงรูปที่จัดเตรียมสำหรับมาตกแต่งผนังก็เลือกรูปจากหนังเรื่อง Léon: The Professional หนังที่เกี่ยวกับอาชญกรที่ไปเก็บเด็กมาเลี้ยง แล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์ผ่านกระถางต้นไม้หนึ่งกระถาง ที่มือปืนและเด็กกำพร้าต้องช่วยกันดูแล และเรื่องอื่น ๆ ที่กำลังค้นหาอยู่และทะยอยกันมาเติมเต็มพื้นที่แห่งนี้ให้อบอวลไปด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง “ต้นไม้ และ ดวงจันทร์”