บ้านเดี่ยวบนพื้นที่ 66 ตารางวา ดูภายนอกอาจเหมือนบ้านทั่วไป แต่ภายใน บ้านน่ารักๆ หลังนี้เจ้าของบ้านได้ลงมือตกแต่ง ใส่ไอเดียมากมายในทุกมุมของบ้าน จนออกมาเป็นบ้านสวยที่เหมือนอยู่ในเทพนิยาย
สวนสีเขียวรอบบ้านมีต้นน้ําเต้าต้นใหญ่ แผ่กิ่งก้านสวยงามอยู่ข้างๆบ่อน้ำพุ อันเป็นจุดกําเนิดของเสียงน้ำ เหมือนกําลังกระซิบบอกพวกเราว่า ข้างใน บ้านน่ารักๆ หลังนี้ก็สวยงามไม่แพ้กัน คุณทิพย์-ยิ่งทิพย์ ตันธนพงศ์คุณต่อ-ชูเกียรติ เจียเจษฎากุลและน้องเพตั้น-ภูดิศ เจียเจษฎากุล เจ้าของบ้านใจดีเปิดบ้านให้พวกเรา ได้มาช่วยถ่ายทอดเรื่องราวความน่ารักของบ้านหลังนี้ ให้ชาว my home ได้ชื่นชมไปด้วยกัน
เริ่มตั้งแต่สวน รอบบ้านกันเลย “น้ําพุทําให้บ้านเย็น ได้ยินเสียงน้ำแล้วผ่อนคลาย สวนอาจไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ต้องดูแล สวนโปร่งๆสบายตา มองออกมาจากในบ้านได้เห็นสีเขียว และ ปลูกดอกมาร์กาเร็ตไว้ทุกมุมของสวน ซึ่งเขาเป็นไม้ล้มลุกก็ยิ่งต้องดูแล” นอกจากต้นไม้แล้วยังมีส่วนที่เป็นซุ้มประตูเหล็กกั้นพื้นที่ส่วนต่างๆ ทําให้สวนแห่งนี้ดูมีเรื่องราว โดยเฉพาะซุ้มประตูโค้งตรงทางเข้าบ้าน “ได้ไอเดียมาจากซุ้มทางเข้าโรงแรมที่ต่างประเทศ จะออกแนว Victorian ที่อ่อนช้อย และ มีชื่อโรงแรมติดไว้ด้านบน จึงติดคําว่า Maison De Rose ซึ่งแปลว่าบ้านกุหลาบ เพราะเราชอบดอกกุหลาบที่สุด”
ภายในบ้านแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร และ ห้องครัว โดยใช้ซุ้มประตูโค้งเป็นตัวแบ่งพื้นที่ได้อย่างน่ารัก เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นต่างก็มีคาแร็กเตอร์ที่น่าสนใจ เหมือนว่าเรากําลังเดินเล่นอยู่ในนิทานสักเรื่อง “ตอนที่ทําบ้านมีอินทีเรียร์มาช่วยดูภาพรวมให้แต่ไอเดียมาจากเราทั้งหมด เราหารูปให้เขาดูเยอะมาก โดยส่วนตัวเป็นคนเยอะ นั่นก็ชอบ นี่ก็ชอบ เขาก็จะมาช่วยดูภาพรวมให้ อย่างห้องนั่งเล่นเราอยากให้มีเตาผิง ตอนแรกเขาทํามาเป็นไม้แต่เราไม่ชอบ เลยขอเปลี่ยนเป็นหินทราโวทีน ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือมีรูพรุน ปกติเขาจะปิดรูกัน แต่เราบอกไม่ต้องปิด อยากปล่อยให้ดูเป็นธรรมชาติเหมือนปะการัง แต่ก็ไม่ได้เอาเตาผิงจริงๆมาวาง เปลี่ยนเป็นกระเป๋าเดินทางสวยๆแทน”
มุมโต๊ะกินข้าวก็เป็นอีกมุมที่จัดเต็มไม่แพ้กัน “พี่บอกทางอินทีเรียร์ว่าอยากได้อารมณ์เหมือนห้องอ่านหนังสือ มีตู้เก็บหนังสือเยอะๆ แต่ดูไม่ทึบจนเกินไป จึงออกมาเป็นชั้นหนังสือฝั่งซ้าย และ ฝั่งขวา ตรงกลางแขวนภาพซิลลูเอตต์ วางของตกแต่งแทรกเข้าไปในแต่ละชั้น ซึ่งกว่าจะเสร็จต้องใช้เวลาในการเก็บสะสมนานพอสมควร ค่อยๆมาทีละชิ้น ไม่ได้ตกแต่งเสร็จในครั้งเดียว อย่างครอบแก้วมีหลายชิ้นที่หอบหิ้วกลับมาจากตลาดของเก่าตอนไปเที่ยวต่างประเทศ และ อีกหลายชิ้นก็มาจากจตุจักรแล้วเอามาดัดแปลงเอง
ห้องครัวเป็นอีกมุมที่เหมาะจะใช้คําว่าเนรมิตเป็นที่สุด เพราะเป็นห้องขนาดใหญ่สีขาวที่ใส่รายละเอียดลวดลายหน้าบานลูกฟัก บัวพื้น บัวเพดานไว้ได้อย่างสวยงาม มีไอส์แลนด์ขนาดใหญ่ตรงกลางที่เลือกใช้ท็อปไม้สีสวยสะดุดตา ถ้าไม่บอกว่าทั้งหมดที่เห็นเริ่มต้นจากศูนย์ หรือจริงๆอาจจะติดลบด้วยซ้ํา เพราะต้องทุบผนังบ้านเพื่อขยายพื้นที่ครัวออกไป ถึงจะได้เป็นห้องนี้ แถมด้วยเบย์วินโดว์โค้งที่ใช้เป็นมุมกินอาหารเช้ามื้อง่ายๆอีกด้วย “พี่บอกกับทางอินทีเรียร์ว่า อยากได้ครัวสีขาวเพราะจะได้ดูกว้างขึ้น แต่ให้เป็นสีขาวที่ดูเก่า เหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว มีรอยแตกลายงาบ้าง และ เบรกด้วยกระเบื้องลายขาว-ฟ้าที่ผนัง จะได้ไม่ดูเรียบจนเกินไป ส่วนฟิตติ้งในครัวพวกก๊อกน้ํา มือจับให้เป็นทองแดง ทองเหลืองทั้งหมด รวมไปถึงโคมไฟคู่เหนือไอส์แลนด์ที่เป็นทองเหลืองแท้ด้วย แต่สิ่งที่รอนานที่สุดคือเตาอบ ซึ่งต้องอดทนรอถึง 6 เดือนกว่าจะได้มา”
เห็นการตกแต่งที่ชวนให้เคลิ้มเหมือนอยู่ในนิทานแบบนี้ ต้องแอบกระซิบถามความเห็นคนที่อยู่ข้างๆสักหน่อย “คุณต่อบอกแค่ให้ใช้งานในชีวิตประจําวันได้จริง ไม่หวานมาก สีสันไม่ฉูดฉาด อยากให้ดูสงบ สบาย โชคดีที่ แฟนพี่ตามใจ ซึ่งพอทําเสร็จเราก็ยิ่งอยู่ติดบ้าน แต่แฟนพี่อยู่ติดบ้านมากกว่าพี่เสียอีก” เมื่อการสัมภาษณ์ดําเนินมาถึงตอนสุดท้าย เราเลย ลองถามว่าบ้านในความหมายของคุณทิพย์คืออะไร “No Place Like Home” ประโยคสั้นๆที่บอกอะไรเราได้มากมาย “เพราะ บ้านในแบบของเรามันไม่มีถูกไม่มีผิด เราทําไปเรื่อยๆขอให้อยู่แล้วมีความสุขก็พอ” บ้านสวยๆแต่ละหลังที่เราได้สัมผัสต่างเต็มไปด้วยความพยายาม บวกความอดทนเป็นเลิศ บางหลังใช้เวลาเป็นปีกว่าจะสู้รบกับช่างจนเสร็จ และอีกหลายหลังใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะค้นหาเฟอร์นิเจอร์ “ชิ้นนั้น” ที่วาด ฝันไว้จนเจอ เพราะบ้านไม่ได้เป็นเพียงที่พักกาย แต่เป็นดั่งพื้นที่ชาร์จพลังใจส่วนตัว เราจึงสุขใจทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน
เจ้าของ-ออกแบบ คุณยิ่งทิพย์ ตันธนพงศ์ คุณชูเกียรติ เจียเจษฎากุล และ น้องภูดิศ เจียเจษฎากุล
เรื่อง jOhe
ภาพ ณัฐวุฒิ เพ็งคำภู, อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
สไตล์ วรวัฒน์ ตุลยทิพย์
บ้านหลังเล็กที่แต่งแต้มสีสันไว้ภายใน พร้อมปลูกต้นไม้อยู่ในทุกมุมของบ้าน