ถ้าจะลงมือทำงานคราฟต์น่ารัก ๆ สักชิ้น กาวก็เป็นคงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้แน่ ๆ แต่นอกจากกาวสำเร็จรูปตามท้องตลาดทั่วไปแล้ว เรายังสามารถ ทำกาวใช้เอง แบบง่าย ๆ ได้ด้วยนะคะ
เพราะการทำ ทำกาวใช้เอง นั้น มีส่วนผสมหลายอย่าง ที่สามารถหยิบ จับ และหาได้ง่าย ๆ จากในครัวบ้านเรานี่เองค่ะ แม้ว่าการ ทำกาวใช้เอง นั้น อาจจะเก็บไว้ใช้ได้ไม่นาน เท่ากับกาวสำเร็จรูป แต่ก็มีข้อดีมากกว่า กาวแบบสำเร็จอยู่เหมือนกันนะคะ ทั้งเรื่องของความปลอดภัยของกาวที่มีต่อเด็ก ๆ เวลาเจ้าตัวเล็กนำกาวมาใช้งาน ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องสารเคมี จะปนเปื้อนสู่ร่างกายน้อย ๆ ของเค้า แถมยังช่วยคุณแม่ ประหยัด ทำหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง และเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวหมดเลยหละค่ะ วันนี้ my home มีสูตรการ ทำกาวใช้เอง จากวัตถุดิบต่าง ๆ มาฝากกันค่ะ
1 . กาวแป้งเปียก

ก่อนที่จะมีกาวสารพัดรูปแบบ เหมือนในทุกวันนี้ ก็มีกาวแป้งเปียกนี่แหละค่ะ ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนาน เพราะทั้งทำง่าย และสามารถใช้งานได้หลายอย่าง ซึ่งส่วนผสมของกาวแป้งเปียกนั้น จะใช้เพียงแป้งมัน ผสมเข้ากับน้ำเปล่าเท่านั้น โดยเริ่มจากการละลายแป้งมันในน้ำเปล่าก่อน จากนั้นจึงค่อยนำไปผสมกับน้ำเปล่าอีกส่วน ในปริมาณเท่า ๆ กัน ตั้งไฟไว้จนเริ่มเดือด ทีนี้ก็ค่อย ๆ คนไปเรื่อย ๆ โดยใช้ไฟอ่อน ถ้าส่วนผสมมีเนื้อที่ข้น หรือ เหลวเกินไป ก็สามารถเติมน้ำหรือแป้งเพิ่มได้ตามต้องการเลยค่ะ เมื่อส่วนผสมเริ่มเป็นเนื้อเหนียวข้น จึงปิดไฟ และนำลงมาพักไว้ให้เย็น ก่อนที่นำไปใช้ หรือ เก็บใส่ขวดโหลปิดฝาให้สนิท กาวแป้งเปียกที่ผสมขึ้นเองนี้ จะมีอายุอยู่ได้ 2 – 4 อาทิตย์ เมื่อแช่ในตู่เย็นเท่านั้นนะคะ เพราะฉะนั้นควรกะปริมาณที่จะใช้งานให้พอดีในแต่ละครั้งก่อนผสมจะดีกว่านั่นเอง
2 . กาวปิดซองจดหมาย

กาวสำหรับใช้กับซองจดหมาย หรือใช้สำหรับติดแสตมป์นั้น เป็นกาวอีกรูปแบบ ที่สามารถผสมขึ้นเองได้ โดยเนื้อกาวจะมีความบางและใส เหมาะกับงานเบา ๆ เพราะทั้งทา ติด และ แกะออกได้อย่างสะดวก ถือว่าเป็นกาวที่สามารถใช้กับกระดาษได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ ถ้าอยากลงมือผสมกาวแบบนี้ใช้เองนั้นก็ไม่ยากเลย แค่นำน้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ มาตั้งหม้อต้มให้ร้อน และใส่เจลาตินลงไป 1 ช้อน พร้อมกับคนให้ละลาย ตามด้วยน้ำตาลอีกช้อน และอาจหยอดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบเพิ่มลงไป เมื่อทุกส่วนผสมเข้ากันแล้ว จึงค่อยนำออกมาพักไว้ให้เย็น และสามารถเก็บใส่กระปุกและแช่ไว้ได้ 1 – 2 อาทิตย์ค่ะ
3 . กาวจากน้ำเชื่อมและแป้งข้าวโพด

แป้งข้าวโพดและน้ำเชื่อมข้าวโพดนั้น เป็นอีกส่วนผสมที่สามารถนำมาทำเป็นกาวให้เด็ก ๆ ใช้ในงานคราฟต์ได้เหมือนกันค่ะ เนื้อกาวที่ได้จะค่อนข้างใส และใช้งานง่ายกว่า ยิ่งถ้าแช่ตู้เย็นไว้สักคืนก่อนนำมาใช้ จะยิ่งดีเลยค่ะ สำหรับกาวจากน้ำเชื่อมและแป้งข้าวโพด สูตรนี้จะใช้การต้มน้ำเปล่า ¾ ถ้วยตวง ผสมน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชาและน้ำเชื่อมข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ เมื่อคนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเข้ากันและน้ำเริ่มเดือด ให้เทแป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะที่ละลายน้ำเรียบร้อยแล้วตามลงไป หลังจากคนจนเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมดก็ให้ปิดไฟและนำลงจากเตาก่อนที่อาจจะไหม้ได้ค่ะ
4 . ทำกาวใช้เอง จากโปรตีนนม

การทำกาวหลาย ๆ สูตรมักจะต้องมีส่วนของแป้งเป็นหลัก แต่คราวนี้เราจะลองเปลี่ยนมาใช้นมกันดูบ้างค่ะ โดยเราจะต้องกรองเฉพาะโปรตีนนมออกมาเพื่อใช้ผสมเป็นกาว เริ่มจากการผสมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ลงไปในนมพร่องมันเนยครึ่งถ้วย และทิ้งไว้ประมาณ 2 – 3 นาที เพื่อให้โปรตีนเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ขั้นตอนต่อมา จะเป็นการกรองเอาน้ำออก โดยใช้กระดาษทิชชูอเนกประสงค์แผ่นใหญ่ วางรองกันสัก 2 – 3 ชั้น บนปากถ้วยและเทส่วนผสมผ่านลงไป พยายามกรอง และบีบให้ได้ก้อนนมที่แห้งที่สุดนะคะ เสร็จแล้วจึงค่อยเติมน้ำเปล่า 2 ช้อนชา กับเบกกิ้งโซดาอีกช้อนตามลงไป ผสมกับก้อนนมที่ได้และคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จึงจะได้เป็นเนื้อกาวออกมาพร้อมใช้ค่ะ
5 . กาวสูตรผสมเจลาติน

มาเพิ่มความเหนียวและยืดหยุ่นให้กับกาว ด้วยส่วนผสมของเจลาตินกันค่ะ อันดับแรกต้องมาเตรียมเจลาตินแบบผง มา 3 ช้อนชา และโรยใส่ลงไปในน้ำเย็นจัดปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อใกล้ได้เวลาที่กำหนดจึงค่อยต้มนมพร่องมันเนย 3 ช้อนโต๊ะ ให้พอเดือดและนำไปเทลงในน้ำที่ผสมเจลาตินไว้ในตอนแรก เมื่อคนส่วนผสมทั้งหมดจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ก็เป็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
6 . กาวแป้งมันสูตรไม่ต้องต้ม

สูตรการ ทำกาวใช้เอง แบบง่าย ๆ ให้ทันใช้ได้เลย โดยไม่ต้องลงมือต้มก่อนก็มีเหมือนกันค่ะ ส่วนผสมหลักก็จะใช้เพียงแป้งมันและน้ำเปล่าเท่านั้น โดยให้ผสมแป้งมันกับน้ำเปล่าอีกครึ่งหนึ่งเข้าด้วยกัน และเติมเกลือลงไปอีกนิด คนจนเป็นเนื้อเดียวกันเพื่อป้องกันการเกิดรา เป็นสูตรที่ต้องการใช้ปุ๊บก็ทำได้เองปั๊บ ไม่ต้องแช่ตู้เย็นเก็บไว้ แถมยังง่ายจนให้เด็ก ๆ ลงมือผสมเองได้ด้วย กาวแป้งมันนี้สามารถนำไปใช้ในการทำเปเปอร์มาเช่ หรืองานที่ต้องใช้อาศัยกาวเยอะเป็นพิเศษได้สบายเลยค่ะ
story : Kamonchanok.L