น้ำยาล้างแอร์ หรือ สเปร์ยล้างแอร์ เป็นตัวเลือกสำหรับการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศด้วยตัวเองที่ได้รับการถามมามากขึ้นเรื่อยๆ ว่ามีความปลอดภัย และเหมาะสมต่อการใช้งานหรือไม่?
ส่วนหนึ่งก็เพราะ น้ำยาล้างแอร์ สามารถซื้อหาได้ง่าย และมีราคาถูกกว่าการจ้างร้านล้างแอร์อยู่มากทีเดียว วันนี้ บ้านและสวน จึงขออาสามาไขข้อข้องใจให้กับผู้อ่านกันว่า น้ำยาล้างแอร์ดีจริงไหม?
น้ำยาล้างแอร์ มีกี่ประเภท?
สำหรับ น้ำยาล้างแอร์ ชนิดที่เราสามารถนำมาล้างได้เองนั้น มักหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายอุปกรณ์และเว็บไซต์ออนไลน์ต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดโฟมทำความสะอาด และ ชนิดน้ำยาล้างคอยล์เย็น รวมทั้งยังมีผู้แนะนำให้ใช้น้ำยาล้างจานในการล้างคอยล์เย็นได้อีกด้วย แต่วิธีไหนจะปังหรือพัง วันนี้เรามีข้อมูลมาให้คุณร่วมวิเคราะห์ตาม วิธีไหนมีขั้นตอนการทำความสะอาดอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลย

การล้างแอร์ด้วย สเปร์ยล้างแอร์ โฟมล้างแอร์
ส่วนประกอบ สารกัดกร่อนคราบ(ที่ไม่ใช่โซดาไฟ)ในรูปแบบโฟม
วิธีใช้
- ปิดเครื่องและปลดเบรกเกอร์ลงเพื่อความปลอดภัยจากไฟดูด
- เปิดหน้ากากของเครื่องออก แล้วนำแผ่นกรองแอร์ไปทำความสะอาด
- ดูดฝุ่นและใช้ที่ฉีดน้ำล้างส่วนคอยล์เย็นก่อน เพื่อล้างฝุ่นและคราบที่ติดอยู่บริเวณผิวหน้าออก
- ฉีดโฟมทำความสะอาดลงบนคอยล์เย็นให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
- ใช้ที่ฉีดน้ำฉีดน้ำเปล่าเข้าไปที่คอยล์เย็นอีกครั้งเพื่อชะล้างคราบสกปรกและโฟมออก
- นำแผ่นกรองแอร์ที่ล้างไว้กลับมาติดตั้ง ปล่อยให้แห้งสัก 1 ชั่วโมง
- เปิดใช้งานตามปกติ
ราคา 600-1,000 บาท/ลิตร (ขายเป็นกระป๋อง 250 ml หรือ 500 ml)
ข้อสังเกต ส่วนใหญ่แล้วน้ำยาล้างแอร์ประเภทโฟมทำความสะอาดนั้นจะขายอยู่ในชื่อของ “Cleaner and Freshener” หน้าที่หลักของโฟมคือการทำความสะอาดเพื่อคืนความสดชื่น แก้กลิ่นอับเสียมากกว่า เพราะจากที่ผู้ใช้งานได้บอกกับเราก็คือ หลังจากล้างแล้ว จะรู้สึกว่าอากาศสดชื่นขึ้น แอร์กลับมาเย็น แต่เมื่อสังเกตตามซอกมุมลึก ๆ ที่อยู่เลยคอยล์เย็นเข้าไป พบว่ายังไม่สะอาดอยู่ดี

น้ำยาล้างแอร์ชนิดน้ำยาล้างคอยล์เย็น
ส่วนประกอบ สารกัดกร่อนคราบ(ที่ไม่ใช่โซดาไฟ)ในรูปแบบของเหลว
วิธีใช้
1. ปิดเครื่องและปลดเบรกเกอร์ลงเพื่อความปลอดภัยจากไฟดูด
2.เปิดหน้ากากของเครื่องออกแล้วนำแผ่นกรองแอร์ไปทำความสะอาด
3.ดูดฝุ่นและใช้ที่ฉีดน้ำล้างส่วนคอยล์เย็นก่อนเพื่อล้างฝุ่นและคราบที่ติดผิดหน้าออก
4.ผสมน้ำยากับน้ำ 1/5 และนำไปฉีดพ่นด้วยที่ฉีดน้ำลงบนคอยล์เย็น(ควรแยกที่ฉีดน้ำออกจากการใช้งานทั่วไป) ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที
5.ใช้ที่ฉีดน้ำฉีดน้ำเปล่าเข้าไปที่คอยล์เย็นอีกครั้งเพื่อชะล้างคราบสกปรกและโฟมออก
6.นำแผ่นกรองแอร์ที่ล้างไว้กลับมาติดตั้ง ปล่อยให้แห้งสัก 1 ชั่วโมง
7.เปิดใช้งานตามปกติ
ราคา 600-1,000 บาท/ลิตร (ขายเป็นกระป๋อง 250 ml หรือ 500 ml)
ราคา 50-100 บาท/ลิตร (ขายเป็นขวด 1 ลิตร)
ข้อสังเกต เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดในการใช้น้ำยาล้างแอร์ด้วยตนเอง แต่อาจส่งผลกระทบกับการกัดกร่อนโดยเฉพาะในส่วนของคอยล์เย็น และโลหะต่าง ๆ ในระบบแอร์ได้ ทั้งการฉีดพ่นด้วยที่ฉีดน้ำนั้น ก็อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของแอร์ได้ดีพอ

การล้างแอร์ด้วยน้ำยาล้างจาน
น้ำยาล้างจานทั่วไปก็เป็นอีกสูตรหนึ่งที่ได้ยินคนพูดถึงมาเยอะ โดนล้างเหมือนวิธีอื่นทุกอย่าง เพียงแต่ใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำ แล้วนำไปขัดคอยล์เย็นเพื่อชะสิ่งสปกรกออกไปเท่านั้น
ข้อสังเกต การขัดถูกด้วน้ำยาล้างจานนั้นเข้าถึงได้เพียงแค่ภายนอกของคอยล์เย็นเท่านั้น อาจจะดูดี แต่คิดว่าไม่น่าส่งผลใด ๆ ต่อการทำงานอย่างที่ควรจะเป็น
สรุป
ในส่วนของน้ำยาล้างแอร์ทั้งสองชนิด แท้จริงแล้วผู้ชำนาญการแนะนำว่า ไม่ควรใช้ เพราะหากทิ้งไว้นานเกินไป หรือใช้ในปริมาณที่เข้มข้นเกินไป อาจเป็นผลทำให้คอยล์เย็น ตลอดจนท่อทองแดง ท่ออะลูมิเนียม เกิดการกัดกร่อน และรั่วซึมได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในส่วนของแนวตะเข็บรอยบัดกรีต่าง ๆ รวมทั้งการใช้น้ำยาล้างจานก็มีประสิทธิภาพน้อยเกินไปที่จะเห็นผลและคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการล้างแอร์ด้วยตนเองขอแนะนำการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงค่อย ๆ ฉีดชะล้างสิ่งสกรปรกออกจากเครื่อง รวมทั้งการล้างแผ่นกรองแอร์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถช่วยให้แอร์ของท่านกลับมาเย็น และปล่อยอากาศที่สดชื่นขึ้นได้แล้วละครับ
วิธีล้างแอร์แบบมืออาชีพ ช่วยประหยัดไฟและลดฝุ่นในบ้าน
แอร์เคลื่อนที่ ความเย็นคุณภาพในราคาย่อมเยา ดีจริงหรือไม่?
ติดตามบ้านและสวน www.facebook.com/baanlaesuanmag