ออกแบบ : TOUCH Architect
TOUCH Architect เริ่มก่อตั้งในปีค.ศ.2014 บริษัทรับออกแบบสถาปัตยกรรมเล็กๆ แห่งนี้ เติบโตจากสองผู้ก่อตั้งคุณเอฟ – เศรษฐการ ยางเดิม และ คุณจือ – คุณภาพิศ ลีลานิรมล วันนี้นอกจากทั้งสองจะได้ขยับขยายสำนักงานของตัวเองออกมายัง โฮมออฟฟิศโมเดิร์น หลังใหม่ ยังเป็นโอกาสเดียวกันกับการได้ขยับขยายพื้นที่ของครอบครัวที่ทั้งคู่เพิ่งเริ่มก่อร่าง มารวมไว้ในสถานที่เดียว
ในบ้าน 3 ชั้นหลังหนึ่งในหมู่บ้านเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า – กาญจนาภิเษก โฮมออฟฟิศ ที่ถูกเลือกให้เป็นทั้งบ้านและที่ทำงานในที่เดียวกัน
“จริงๆ เรามีพฤติกรรมการทำงานกับชีวิตส่วนตัวปนกันอยู่แล้ว” คุณภาพิศสถาปนิกและเจ้าของบ้านกล่าว“พอย้ายมานี่เราก็รู้สึกว่าชีวิตลงตัวขึ้น”
การใช้บ้านกับที่ทำงานเป็นที่เดียวกันแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องใหม่หากกล่าวได้ว่าเกิดขึ้นด้วยจุดประสงค์ของแต่ละบ้านที่คงไม่ต่างกันนัก
“เราอยากลดเวลาระหว่างทางกลับบ้านให้น้อยที่สุด” คุณเศรษฐการ สถาปนิกและเจ้าของบ้านอีกท่านสมทบ“ถ้าเป็นไปได้คือรวบมันไว้ด้วยกันเลย เพราะเรามองว่าอนาคตสำนักงานสถาปนิกมันจะเล็กลงเรื่อยๆเราเชื่อว่ามันไม่ต้องใช้คนเยอะ สำหรับเรา คงประมาณนี้แหละบุคลากรไม่เกิน10 คน ควบคุมทุกอย่างได้หมด เราคิดว่าต่อให้บริษัทนี้จะโตไปถึงที่สุดมันก็จะอยู่ที่ขนาดประมาณนี้”
ภายใต้พื้นที่ใช้สอย 165 ตารางเมตร TOUCH Architect เข้าออกแบบและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยด้วยตัวเอง โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 โซนหลักๆ เริ่มจากชั้น 1 ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นสาธารณะที่สุดโดยธรรมชาติ กำหนดให้เป็นส่วนสำนักงานเต็มตัวตรงกันข้ามกับชั้น 3 โดย ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด จึงถูกกำหนดให้เป็นส่วนพักอาศัยส่วนตัวเจ้าของ
ในขณะที่พื้นที่ชั้น 2 ซึ่งมีความก้ำกึ่งระหว่างความเป็นส่วนตัวกับสาธารณะ สถาปนิกเลือกเติมไอเดียการออกแบบพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางของทุกๆ คนในบ้าน ดังเช่นที่คุณคุณเศรษฐการอธิบายว่า
“ชั้น 2 คือชั้นที่ข้างบนลงมาใช้ร่วมกับข้างล่าง ส่วนคนที่อยู่ข้างล่างก็จะขึ้นมาใช้ร่วมกันมันเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเอาครัวขึ้นมา เราต้องการให้ตรงนี้ใช้รวมกันเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการประชุมรับประทานอาหาร คุยงาน หรือแม้แต่การอ่านหนังสือ”
สถาปนิกยังกล่าวว่าแต่เดิมชั้น 2 เป็นส่วนที่ถูกกั้นเป็นห้องนอน 2 ห้อง พร้อมพื้นที่โล่งๆ กลางบ้านซึ่งมีสกายไลท์ส่องลงมาถึง พวกเขาเลือกยกเลิกผนังกั้นห้องทั้งหมด เปิดพื้นที่ให้เชื่อมต่อกัน จากนั้นเติมมุมครัวในมุมด้านในสุดกับกั้นกระจกเป็นห้องทำงานส่วนตัวในบริเวณด้านหน้าซึ่งติดกับกระจกบานใหญ่ทั้งหมดนี้สถาปนิกกล่าวว่ายึดไอเดียเรื่องแสงสว่างเป็นหัวใจสำคัญ
“ด้านหน้าเรากั้นเป็นห้องกระจกไม่ให้อึดอัด รวมถึงให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาเพื่อส่องถึงทุกที่ในห้อง” คุณภาพิศกล่าว “ด้านในมีครัว ไล่มาเป็นห้องประชุมกับห้องกินข้าวตรงกลาง ที่มีสกายไลท์ส่องลงมาด้วยซึ่งตอนกลางวันเราแทบไม่ต้องเปิดไฟเลย”
ไอเดียการลดบางอย่างและทดแทนด้วยบางอย่างเช่นนี้ ยังพบได้ในอีกหลายส่วนในบ้าน เช่น บันไดสถาปนิกเลือกยกเลิกราวกันตกบริเวณบันไดออกไปเพราะต้องการความโปร่งโล่งเมื่อพื้นที่โล่งขึ้น จึงออกแบบหิ้งพระเติมเข้าไปในส่วนบันได บนชั้น 3 รวมถึงยังบอกว่า การทำเช่นนี้ยังช่วยให้ขนของชิ้นใหญ่ๆ ง่ายขึ้น หากก็แลกมาด้วยประเด็นเรื่องความปลอดภัยบ้าง แต่พวกเขาก็แก้ปัญหาด้วยการเติมชานไม้เล็กๆ เข้าไปในส่วนทางเดินชั้น 3 ซึ่งภายหลังก็เป็นที่นั่งเล่นเล็กๆ ได้ด้วย
หรือบนชั้น 1 สถาปนิกเลือกยกเลิกฝ้าเดิมออก ระยะจากพื้นถึงฝ้าซึ่งสูงถึง 2.7 เมตรแต่เดิม ก็ยิ่งโปร่งโล่งขึ้นอีก สถาปนิกใช้ประโยชน์จากพื้นที่เหลือบนฝ้านั้นออกแบบชั้นวางโมเดลและแบบที่ไม่ได้ใช้งานแล้วด้วยท่อโลหะเดินสายไฟ ซึ่งเป็นผลพลอยได้ต่อเนื่องจากความจำเป็นที่ต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมดสำหรับพื้นที่ที่จะเป็นสำนักงานอยู่แล้วนั่นเอง
นอกจากนั้น บริเวณด้านหน้าบ้านระยะหน้ากว้าง 5.7 เมตร ซึ่งแต่เดิมจะใช้จอดรถได้ 2 คันสถาปนิกยกเลิกที่จอดรถคันหนึ่งออก แล้วเติมส่วนใช้งานใหม่ ซึ่งเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่งกับวิชาชีพของเขา
“เป็นปัญหาจากออฟฟิศเก่าด้วย” คุณภาพิศกล่าว“เพราะว่าออฟฟิศเก่ามืดมาก เวลาเราเลือกวัสดุ หรือสีในการทำงานออกแบบมันเกิดการสีเพี้ยนบ้างหรืออะไรบ้าง สุดท้ายเราต้องเปิดประตูออกไปดูข้างนอกเพื่อใช้แสงธรรมชาติ เราก็เลยทำพื้นที่อันนี้ขึ้นมาเป็นพื้นที่ที่ไว้เอาวัสดุต่างๆ มาเทียบมานั่งดู
“เราทำเป็นเคาเตอร์ยาวเพื่อให้สามารถวางวัสดุต่างๆ เทียบได้สะดวกหรือบางครั้ง เวลามีเจ้าของสินค้าขนวัสดุมาให้ดู แต่ก่อนบางทีเขาต้องเอามันไปปูเรียงบนถนน เราก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะ ทำเป็นห้องนี้ขึ้นมา แล้วเขาก็ไม่ต้องขนเข้าไปในบ้านด้วยคือวางตรงนี้ใช้งานได้เลย”
สถาปนิกยังกล่าวว่า ฟังก์ชันนี้อาจดูแปลกหน้าสำหรับบ้านทั่วๆ ไป แต่สำหรับวิชาชีพอย่างพวกเขาแล้ว เป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันที่จะขาดไปเลยมิได้
อาจเช่นเดียวกับวิถีชีวิตโดยรวมซึ่งแตกต่าง การได้ทำงานที่บ้าน อยู่ใน โฮมออฟฟิศ ก็ดูจะเป็นจุดลงตัวที่สุดแล้วสำหรับคนทั้งคู่
ดังที่คุณเศรษฐการปิดท้ายว่า
“เราที่เป็นสามีภรรยากันแล้วเป็นสถาปนิกทั้งคู่ ถ้าวันหนึ่งต้องมีลูก เรารู้เลยว่าเราต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย เราเลยเลือกทำโฮมออฟฟิศดีกว่าเราสามารถเลี้ยงลูกไปด้วยได้แล้วทำงานไปด้วยได้ ซึ่งคิดว่าเหมาะสมแล้ว”
เรื่อง: กรกฎา
ภาพ: นันทิยา
สไตล์: วรวัฒน์ ตุลยทิพย์
ออกแบบ: TOUCH Architect
เจ้าของ: คุณเศรษฐการ ยางเดิม และ คุณภาพิศ ลีลานิรมล
อ่านต่อ
MITR’S FRIENDS HOUSESCAPES บ้านที่ออกแบบให้ “มิตร” มีความเป็น “มิตร” กับธรรมชาติ โดย “มิตร อาคิเต็กส์”
BAAN CHONG ประกอบบล็อกคอนกรีตให้อยู่ในรูปของบ้านโมเดิร์น