” อพาร์ตเมนต์นี้เรียกได้เต็มปากว่าเป็นบ้านของเรา เป็นที่ที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาออกไปข้างนอกก็อยากจะกลับมาบ้านเร็ว ๆ เป็นบ้านที่ทำให้เรามีความสุขกับการทำอาหาร อยากต้อนรับเพื่อน ๆ และครอบครัว ” อพาร์ตเมนต์ สไตล์ลอฟท์
my home ชมอพาร์ตเมนต์ของ คุณวราทิตย์ อุทัยศรี และคุณฐิตวันต์ ไชยวงศ์ หลังจากย้ายมาอยู่นิวยอร์กตั้งแต่ปี 2007 นับถึงตอนนี้ก็เข้าปีที่ 12 พอดี ผ่านความยุ่งยากในการหาบ้านและย้ายบ้านมาก็หลายครั้ง จนถึงวันที่เราเติบโตขึ้นก็ได้เวลาขยับขยายอีกครั้งเพื่อความเป็นส่วนตัว อพาร์ตเมนต์ สไตล์ลอฟท์
จากบ้าน 3 ห้องนอนที่แชร์กับรูมเมทในแมนฮัตตันมาสู่บ้านของเราสองคนใจกลางย่าน North Williamsburg ริมแม่นํ้า East River ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ แหล่งช็อปปิ้ง รวมไปถึง Flea Market และตลาดนัดอาหารมีชื่ออย่าง Smorgasburg ซึ่งตรงกับความต้องการของเราที่อยากอยู่ในย่านที่หาของกินง่าย มีอาหารหลากหลายให้เลือกในระยะที่เดินหรือปั่นจักรยานถึง
นอกจากเรื่องแหล่งของกินที่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว การเดินทางก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะความต้องการของเราทั้งคู่คือบ้านในย่านที่สามารถปั่นจักรยานไปทำงานได้แบบไม่เหนื่อยเกินไป ซึ่ง Williamsburg ตอบโจทย์ในข้อนี้ได้ดี เนื่องจากสามีซึ่งเป็น Film Maker รักการปั่นจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ และมักปั่นจักรยานไปทำงานที่ Google Creative Lab , Brooklyn Navy Yard หรือ Green Point อยู่เสมอ ๆ ส่วนผู้เขียนเป็นสถาปนิกที่เคยต้องเข้าออฟฟิศในย่าน Dumbo ทุกวัน ก็ใช้วิธีปั่นจักรยานไปทำงานเช่นกัน จริงอยู่ถึงแม้ Williamsburg จะไม่ใช่ย่านที่สงบเงียบอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วพบว่าข้อดีที่มากกว่าก็ทำให้ยอมรับข้อเสียในบางจุดได้
สิ่งเตะตาแรกเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในอพาร์ตเมนต์หลังนี้คือครัวที่กว้างขวาง มีไอส์แลนด์ที่หันหน้าเข้าสู่พื้นที่โล่งขนาดใหญ่ มีเพดานสูงในแบบที่เรียกกันว่า “ Studio Loft ” แม้ห้องสตูดิโอนี้จะไม่ได้มีรูปแบบที่ตรงกับความต้องการเดิมคืออพาร์ตเมนต์ขนาด 1 ห้องนอน แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้เราตกหลุมรักห้องนี้ในทันทีก็คือเสาและคานไม้ใหญ่กลางบ้านที่เป็นโครงสร้างเก่าตั้งแต่สมัยที่อาคารหลังนี้เคยเป็นโรงงานผ้าฝ้าย และรีโนเวตให้เป็นอาคารที่พักอาศัยเมื่อปี 2012
เราสองคนคุยเรื่องการตกแต่งกันเยอะมากว่าจะทำอย่างไรให้พื้นที่ใช้สอยทุกอย่างอยู่รวมกันได้อย่างลงตัวในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ไม่มีผนังกั้นห้อง ข้อดีของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้คือขนาดที่กว้างขวางเป็นพิเศษ เพดานสูง และหน้าต่างขนาดใหญ่จรดเพดาน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ตลอดวัน ความท้าทายคือการจัดพื้นที่ส่วนตัวและส่วนรับแขกอันได้แก่ ที่นอน โต๊ะทำงาน ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และครัว ให้เป็นสัดส่วนลงตัวได้แม้ไม่มีผนังกั้นเลย


เราตกลงว่าจะจัดพื้นที่กึ่งส่วนตัวคือเตียงนอนกับมุมทำงานไว้ริมหน้าต่าง เพื่อให้รู้สึกสดชื่นในเวลาตื่นนอนและนั่งทำงาน ส่วนพื้นที่นั่งเล่นและรับแขกจะอยู่ถัดเข้ามาด้านในอีกนิด กลายเป็นพื้นที่เชื่อมกับไอส์แลนด์ครัว ทำให้สะดวกในการต้อนรับแขก เลือกใช้ชั้นหนังสือโครงเหล็กแบบลอยตัวเป็นส่วนกั้นพื้นที่ระหว่างมุมนั่งเล่นกับเตียงนอน เมื่อมีแขกมาที่บ้านก็สามารถนั่งอยู่ในมุมนั่งเล่นได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนกับว่ามาบุกรุกห้องนอนของเรา เพราะมีชั้นหนังสือช่วยบังสายตา

เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ในบ้านส่วนใหญ่มาจาก IKEA ซึ่งตอบโจทย์เรื่องของราคาและดีไซน์ที่ดีขึ้นมากในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีการลงทุนกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่คุณภาพดีจากแหล่งอื่นบ้าง เพื่อให้บ้านดูโตขึ้นสมกับวัย ข้อสำคัญคือเราพยายามคุมโทนสีของเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นสีเทา ดำ และสีไม้ธรรมชาติ เพื่อให้เข้ากับสีหลักของห้องคือผนังขาวและพื้นไม้โทนสีนํ้าตาลออกเหลือง หลักง่าย ๆ ที่ยึดไว้ใช้ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านคือ มีโครงสร้างเหล็กทำสีดำหรือเทาเข้ม ส่วนเฟอร์นิชชิ่งอื่น ๆ เช่น พื้นผิวโต๊ะควรเป็นไม้สีนํ้าตาลอ่อนธรรมชาติเพื่อไม่ให้เกิดการแข่งกันระหว่างสีของผิวโต๊ะกับพื้นไม้เดิม ส่วนตกแต่งใด ๆ ที่เป็นผ้า เช่น โซฟาหรือผ้าม่านจะเลือกโทนสีเทาทั้งหมด เพื่อเป็นตัวกลางสร้างความกลมกลืนระหว่างสีดำกับสีของไม้

ต้นไม้เป็นส่วนสำคัญอันดับต้น ๆ ของบ้านนี้ จากวันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่เราค่อย ๆ เริ่มสะสมต้นไม้ทีละนิดจากความต้องการที่จะเพิ่มสีเขียวให้บ้าน โดยเน้นเลือกไม้ใบสีเขียวสดอย่างพลูฉีก ฟิโลเดนดรอน เฟิน ยาง และไทรใบสัก ต้นไม้เหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้บ้านได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ยังสามารถใช้จัดวางเป็นที่บังสายตาและสร้างความเป็นสัดส่วนให้มุมห้องนอนโดยที่ไม่ปิดกั้นแสงให้เข้าไปสู่ด้านในของห้องได้อีกด้วย
สำหรับเราสองคนแล้ว อพาร์ตเมนต์นี้เรียกได้เต็มปากว่าเป็นบ้านของเรา เป็นที่ที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาออกไปข้างนอกก็อยากจะกลับมาบ้านเร็ว ๆ เป็นบ้านที่ทำให้เรามีความสุขกับการทำอาหาร อยากต้อนรับเพื่อน ๆ และครอบครัว เรามักชวนเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้ที่บ้านเสมอ เพราะอยากแบ่งปันพื้นที่ที่เราชอบให้คนอื่นได้ชอบบ้าง เมื่อมาอยู่บ้านนี้ไลฟ์สไตล์ของเราทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป จากที่ชอบออกไปเที่ยวข้างนอก ไปนั่งร้านอาหารหรือร้านกาแฟสวย ๆ แต่เมื่อมีบ้านที่เราตกแต่งเองกับมือ กลับทำให้เราอยากใช้เวลากับบ้านมากขึ้น อยากดูแลบ้านให้สะอาดดูดีอยู่ตลอด เป็นบ้านที่เราได้ใช้อย่างคุ้มค่าในทุกมุม จริง ๆ แล้วการแต่งบ้านให้สวยสำหรับเราไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความยากคือทำอย่างไรให้ถูกใจกันทั้งคู่ แน่นอนว่าความเป็นนักออกแบบของเราทั้งสองคนอาจทำให้มีความเห็นแตกต่างและขัดใจกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ออกมาเป็นบ้านที่อยู่ร่วมกันนั้นคือความลงตัวในแง่ของความสุข ความเข้าใจ และความทรงจำที่ดีของเราสองคน


เจ้าของ – ตกแต่ง: คุณวราทิตย์ อุทัยศรี และคุณฐิตวันต์ ไชยวงศ์
เรื่อง : ฐิตวันต์ ไชยวงศ์
ภาพ : ปรัชญา จันทร์คง