พอถึงช่วงหน้าร้อนทีไร ก็ต้องแอบหวั่นใจทุก ๆ สิ้นเดือน กับบิลค่าไฟที่มาจ่อ รอให้ไปชำระทุกทีซิหน่า ก็อากาศมันร้อยละลายแบบนี้ จะให้ทนร้อน เป็นหมูอบได้อย่างไรหละคะ หลาย ๆ บ้าน คงต้องเปิดแอร์ เพื่อซับใจ ซับกาย ให้ได้พักผ่อนเย็นฉ่ำ มากกว่าเวลาปกติแน่ ๆ ซึ่งเครื่องปรับอากาศ ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกชิ้น ที่กินไฟไม่ใช่น้อยเลยค่ะ เปิดแอร์ประหยัดไฟ
ร้อนก็กลัว ค่าไฟก็กลัว จะมีทางออกตรงไหนบ้างนะ ที่จะทำให้เราผ่านหน้าร้อนระอุแบบนี้ไปได้ แบบที่กระเป๋าเงินไม่แบนไปเสียก่อน วันนี้ my home มีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะทำให้คุณ ได้เปิดแอร์อย่างสบายใจ แบบไม่ต้องห่วงค่าไฟ ที่พุ่งสูงปรี๊ดจนกุมหัว ได้ความเย็นฉ่ำเต็มร้อนจ่ายค่าไฟน้อยยยยยนิดเดียว เปิดแอร์ประหยัดไฟ
1 . ติดตั้งคอมเพรสเซอร์ในบริเวณที่เหมาะสม

ถ้าอยากให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเปลืองพลังงาน และ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยไม่จำเป็นนั้น ก็ต้องเริ่มต้นจากความใส่ใจ ตั้งแต่ขั้นตอนของการติดตั้งคอมเพรสเซอร์เลยค่ะ ควรจะหาพื้นที่ติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ ให้อยู่ในบริเวณที่เหมาะสม ซึ่งควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นพื้นปูน หรือ ดาดฟ้า รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับแสงแดดโดยตรง รวมทั้งมุมอับ ที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์นั้น เป็นตัวระบายความร้อน จึงควรอยู่ในที่ร่ม แนะนำว่าควรอย่างยิ่งที่จะยกสูงขึ้น เหนือพื้นที่ปกติ เพื่อให้อากาศจากคอมเพรสเซอร์ ถ่ายเทได้ดียิ่งขึ้น เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ไม่เปลืองไฟค่ะ
2 . เปิดหน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเท ก่อนจะเปิดแอร์

ถ้ามีเวลาซักนิด ก่อนจะคว้ารีโมตมาเปิดแอร์ ควรอย่างยิ่งเลยนะคะ ที่จะเปิดประตู เปิดหน้าต่าง ให้อากาศบริสุทธิ์ภายนอก ได้เข้ามาถ่ายเทเอาอากาศเก่า ๆ ที่อับอยู่ในห้อง ออกไปด้านนอก เพราะนอกจากจะช่วยลดกลิ่นอับ ของอากาศที่อยู่ในห้องที่ปิดเอาไว้ตลอดทั้งวัน แล้วยังเป็นการช่วยระบายความร้อน ที่อาจสะสมในห้อง ให้ระบายออกไปได้ ทีนี้เมื่อเปิดแอร์ปุ๊ป ก็จะช่วยให้สามารถปรับอุณหภูมิในห้อง ให้เย็นลงได้ง่ายยิ่งขึ้น เครื่องปรับอากาศเองก็ได้ไม่ต้องทำงานหนักเกินไปนั่นเองค่ะ
3 . หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ให้ความร้อน ในขณะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ

เมื่อหน้าที่หลักของแอร์ คือการทำให้ห้องนั้นมีอุณหภูมิลดลง เพื่อได้อากาศที่เย็นสบาย การนำเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทที่ให้ความร้อน ไปใช้ในห้องนั้น จึงเป็นสิ่งที่ทำให้แอร์ ต้องทำงานหนักขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น การปรุงอาหารด้วยกระทะไฟฟ้า การใช้หม้อต้มน้ำร้อน หรือจะเป็นการใช้เตารีดก็ตาม ซึ่งถ้าหากหลีกเลี่ยงได้ ก็จะเป็นการช่วยให้เครื่องปรับอากาศ ทำงานลดลงได้เยอะเลยค่ะ
- 3 วิธี ทำความสะอาดเตารีดให้สะอาดเหมือนใหม่
- 3 วิธีทำความสะอาดคราบตะกรันในกาต้มน้ำ
- 5 ทางลัดทำให้ผ้าเรียบได้แบบไม่ต้องง้อเตารีด
4 . หลีกเลี่ยงการเพิ่มความชื้น ภายในห้อง

การทำงานของแอร์นั้น นอกจากจะต้องทำให้ห้องเย็นลงแล้ว ยังต้องทำให้อากาศในห้องนั้นแห้งลงด้วยค่ะ ซึ่งถ้าในห้องนั้น มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความชิ้นอยู่ แอร์ก็จะยิ่งทำงานหนัก และ กินไฟมากขึ้นไปด้วย โดยสิ่งที่เพิ่มความชื้นในห้องนั้น มีตั้งแต่การแต่งห้องด้วยต้นไม้ การตากผ้าในห้อง รวมถึงการที่ห้องมีความชื้นจากห้องน้ำ ที่อาจมีบานเกล็ดและปิดประตูไม่สนิท พื้นที่ที่ก่อให้เกิดความชื้นที่กล่าวมานี้ อาจเป็นจุดเล็ก ๆ แต่ก็มีผลกับการทำงานของแอร์ไม่แพ้กันค่ะ
- รวม 5 ไอเดียราวตากผ้าในบ้าน ไว้หลบฝนสำหรับคนพื้นที่น้อย
- 8 ของใช้ที่ไม่ควรเก็บไว้ในห้องน้ำ ถ้าอยากใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่า
- เคล็ดลับการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บในห้องน้ำขนาดเล็ก ให้เก็บได้จุใจ ของเยอะแค่ไหนก็เอาอยู่
5 . ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ให้สนิท

ก่อนเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ ต้องอย่าลืมตรวจสอบรอบ ๆ ห้องด้วยนะคะว่าปิดประตู ปิดหน้าต่าง และไม่มีช่องว่างที่จะทำให้อากาศร้อนจากภายนอกเข้ามา บางทีอาจเป็นหน้าต่างบานเกล็ด หรือ ประตูบานเลื่อน ที่ไม่ได้ดูให้ละเอียด ตรงจุดนี้จะทำให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้เรื่อย ๆ จึงทำให้แอร์ต้องเพิ่มการทำงานเพื่อรักษาความเย็นในห้องไว้ตลอด
- หน้าต่างบานเกล็ด มีดีกว่าแค่เปิดหรือปิดก็หมุนปรับ
- ประตูฝืดประตูตก แก้ได้ไม่ยาก
- ประตู-หน้าต่างบานเฟี้ยม พับเก็บได้แม้ในพื้นที่จำกัด
6 . ตั้งเวลาปิดแอร์ ก่อนออกจากห้อง

ถ้าวางแผนการใช้แอร์และสามารถตั้งเวลาปิดได้ก็จะดีมากเลยค่ะ อย่างการตื่นนอน หรือ ออกจากห้อง ก็สามารถตั้งเวลา หรือ ปิดแอร์ก่อนสัก 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ให้แอร์ได้พักเร็วขึ้น เพราะหลังจากนั้นความเย็นในห้องก็ยังคงอยู่ แค่เปิดพัดลมเบา ๆ แทนก็เย็นสบาย แถมช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าด้วยค่ะ
- รู้จัก “พัดลมไอเย็น” ที่ไม่ใช่ “พัดลมไอน้ำ”
- วิธีถอดพัดลมเพื่อทำความสะอาด
- พัดลมหมุนช้า น้ำมันจักร น้ำมันเครื่อง แก้ไขได้ไหม?
7 . ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ

การล้างแอร์ตามระยะเวลาที่เหมาะสมก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยประหยัดไฟได้มากขึ้นเหมือนกัน เพราะเมื่อส่วนต่าง ๆ ของแอร์สะอาด ไร้ฝุ่นและสิ่งสกปรก ก็จะไม่มีสิ่งที่ขัดขวางการทำงานของมอเตอร์แอร์รวมถึงส่วนต่าง ๆ ด้วย ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการล้างแอร์ก็จะอยู่ที่ 6 เดือน แต่ถ้าหากมีการใช้งานหนักเป็นพิเศษโดยอาจเป็นบริเวณที่ติดถนนหรือมีการก่อสร้างก็อาจขยับเป็น 2-3 เดือนต่อครั้งได้ตามความเหมาะสม
- น้ำยาล้างแอร์ ดีจริงไหม? น่าใช้หรือเปล่า? ส่งผลเสียอย่างไร?
- วิธีล้างแอร์ แบบมืออาชีพช่วยประหยัดไฟและลดฝุ่นในบ้าน!
8 . เปิดแอร์เท่าที่จำเป็น

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะดูแลรักษา หรือ ใช้งานแอร์แบบไหนก็อาจไม่ช่วย เท่าการรู้จักใช้งานอย่างพอดี โดยเลือกเปิดแอร์เท่าที่จำเป็นนั่นเองค่ะ บางครั้งก็อาจเป็นความเคยชิน ที่พอเข้าห้องปุ๊บ ก็เปิดแอร์ปั๊บ แม้อากาศไม่ได้ร้อนมาก ซึ่งอาจเปลี่ยนมาเป็นการเปิดเฉพาะตอนนอนหรือเมื่ออากาศร้อนจริง ๆ รวมทั้งการอยู่ร่วมกันในห้องที่เปิดแอร์เพียงห้องเดียวแทนที่จะเปิดแอร์หลาย ๆ ห้องพร้อมกันค่ะ
story : Kamonchanok.L
เคล็ดลับการติดตั้งและเปิดแอร์ให้บ้านเย็นแต่ ประหยัดไฟ สู้อากาศร้อน
วิธีล้างแอร์ แบบมืออาชีพช่วยประหยัดไฟในหน้าร้อน!
9 ข้อแนะนำจัดการบ้านรับหน้าร้อน