เมื่อถึงวันตรุษจีนการเตรียมอาหารคาวหวานสำหรับไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษในเทศกาล ถือได้ว่าเป็นงานหนักแห่งปีเลยทีเดียว จนหลายครั้งเมื่อไหว้เสร็จแล้ว ของไหว้วันตรุษจีนต่างๆ ทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ ที่ถูกเก็บไว้เตรียมปรุงอาหารกันต่อภายในครอบครัว เพื่อความเป็นศิริมงคล ก็ถูกเก็บไว้นานจนเบียดแน่นเต็มตู้เย็นไปหมด แถมจะแบ่งรับประทานก็ดูจะไม่หมดกันง่ายๆ หรือจะเอาไปทิ้งก็แอบรู้สึกเสียดาย ของไหว้ตรุษจีน
วันนี้ my home จะพามาดูวิธีถนอมอาหาร และวิธีการสร้างสรรค์เมนูจาก ของไหว้ตรุษจีน ให้เก็บไว้รับประทานได้นานนนยิ่งขึ้นกันค่ะ
1 . ไก่

ส่วนมากการไหว้ไก่จะนิยมนำมาไหว้กันแบบต้มทั้งตัวอยู่ครบ หัว ปีก ขา หนัง และเครื่องใน เพราะคนจีนส่วนใหญ่เชื่อว่าไก่คือสัญลักษณ์ของความมงคลในหน้าที่การงาน ความขยันขันแข็ง และความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งสำหรับเมนูไก่ที่นิยมนำมาใช้เพื่อถนอมอาหาร คือ เนื้อไก่รวน ไม่ว่าจะเป็นไก่รวนเค็มหรือไก่รวนสมุนไพร รวมถึงเมนูผัด ต้ม ทอดอื่นๆ อย่างไก่ผัดเม็ดมะม่วง ไก่ต้มฟักมะนาวดอง ไก่ผัดพริกแห้ง ก๋วยเตี๋ยวไก่ ส่วนปีกและน่องจะนิยมนำไปทอด เพราะทานง่ายแถมยังได้ไก่ทอดเนื้อนุ่มและหนังที่กรอบอร่อยกว่าปกติอีกด้วย นอกจากนี้ส่วนของหัว โครง และเครื่องใน อาจจะนำไปต้มทำน้ำซุป น้ำแกง หรือนำไปทำเมนูรสจัด อย่างผัดเผ็ด ผัดพริกแกง ต้มแซ่บ หรือลาบ เพื่อช่วยดับกลิ่นคาวของอาหาร
Tips : ไก่ต้มสามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 1 วัน แต่ถ้าใส่ไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิไม่เกิน 5 องศาเซลเซียส จะสามารถเก็บไว้ได้นาน 3 – 5 วัน และอาจแบ่งส่วนแยกเก็บไว้เป็นถุงเล็กๆ เพื่อความสะดวกในการนำมาปรุงอาหารค่ะ
2. เป็ด

เป็ดเป็นเนื้อที่มีความเหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์ แต่มีกลิ่นสาปแรงกว่าเนื้อไก่ ชาวจีนจึงนิยมนำเป็ดทั้งตัวไปปรุงรสจนได้เป็ดพะโล้หนึ่งชุดสำหรับการเซ่นไหว้ ซึ่งหลังจากการเซ่นไหว้เสร็จแล้ว สามารถนำกลับมารับประทานกับผักสด หรือน้ำจิ้ม เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อยให้ลงตัวได้เลย หรือหากทานไม่หมด การนำไปปรุงใหม่ก็เป็นการถนอมอาหารเพื่อให้เป็ดพะโล้อยู่ได้นานขึ้น โดยการนำไปปรุงเป็นเมนูต้ม ผัด ทอด เช่น เนื้อเป็ดทอดอบเกลือ ข้าวต้มเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ ผัดกะเพราเป็ดพะโล้ เกาหลาเป็ดพะโล้ ต้มจับฉ่าย เป็ดพะโล้ต้มกระเทียม เป็ดพะโล้ถั่วลันเตา และผัดเผ็ดเป็ดพะโล้
Tips : โดยปกติ พะโล้ เป็นอาหารที่ไม่เสียง่าย เนื่องจากมีกรรมวิธีการปรุง คือ ทั้งต้มทั้งเคี่ยว และไม่มีกะทิ หากทานพะโล้ไม่หมดภายในวันเดียว สามารถใส่ตู้เย็นในอุณหภูมิไม่เกิน 5 องศาเซลเซียส จะสามารถเก็บไว้ได้นาน 3 – 5 วัน
3. หมู

หัวหมูและหมูสามชั้นแบบเส้นหรือแผ่น เป็นส่วนที่นิยมนำไปเซ่นไหว้ โดยหมูสามชั้นต้ม สามารถนำไปปรุงใหม่ให้เป็นเมนู ตุ๋น ทอด ผัด อย่างหมูฮ้อง หมูสามชั้นคั่วเกลือ หมูหวาน และหมูกรอบ ต่อมาเป็นส่วนของหัวหมู สามารถแยกชิ้นที่นิยมรับประทานออกเป็น หูหมู กระดูกอ่อนเคี้ยวเพลินๆ ส่วนมากมักนำมาย่างทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดเพื่อความแซ่บ ถัดมาคือ ลิ้นหมู จะมีความเหนียว จึงนิยมนำไปทำเมนูจำพวกผัด ต้ม นึ่ง ย่าง ที่ต้องใช้ความร้อนและเวลาเพื่อให้มันนิ่ม เช่น ลิ้นหมูนึ่งสมุนไพร ต้มลิ้นหมู สตูว์ลิ้นหมู ลิ้นหมูย่างกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด และชิ้นสุดท้ายคือ คอหมู มีความอ่อนนุ่ม มักจะนำไปย่างหรือทอด อย่างเมนูคอหมูย่างสูตรน้ำผึ้ง คอหมูย่างสูตรนมสด คอหมูแดดเดียว และคอหมูคั่วซีอิ๊ว
Tips : สำหรับคนที่มีเนื้อหมูสดอยู่ในครัว การเก็บรักษาหมูสดที่ดีคือ ใส่กล่องปิดฝามิดชิดหรือเก็บใส่ถุงพลาสติก ใส่ในตู้เย็นอุณหภูมิประมาณ 0 – 4 องศาเซลเซียส จะสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 2 วัน และอีกข้อที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เมื่อนำเนื้อหมูที่แช่แข็งไว้ออกมาละลาย ไม่ควรแช่เนื้อหมูในน้ำเพราะจะทำให้เสียคุณค่าทางอาหาร แต่ควรจะปล่อยให้เนื้อหมูละลายเองในอุณหภูมิห้องปกติค่ะ
4. ขนมเข่ง

ขนมเข่งเป็นของหวานที่ไหว้เสร็จแล้วสามารถทานได้ทันที หรือหากทานไม่หมดก็มักจะนำไปทำเป็นของหวานอีกทีหนึ่ง อย่างขนมเข่งบัวลอย ขนมเข่งคลุกมะพร้าว ขนมเข่งชุบงาดำ หรือขนมเข่งบัวลอยเผือก เพื่อเพิ่มรสชาติความหอมหวานละมุนลิ้นและสีสันชวนรับประทาน หรือจะนำไปทำเป็นเมนูทอดยอดนิยมอย่างขนมเข่งชุบแป้งทอด และขนมเข่งชุบไข่ทอด ก็อร่อยสุดยอดไม่แพ้กัน ซึ่งโดยปกติของหวานมักจะเก็บไว้ได้นานกว่าอาหารคาว แต่การตั้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานๆ อาจจะทำให้ขนมขึ้นราได้ เพราะมีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียวกับน้ำตาล ดังนั้นการเก็บรักษาในตู้เย็นจะช่วยลดการขึ้นราได้อย่างดี มีอายุอยู่ได้นานหลายสัปดาห์เลยค่ะ
5. ผลไม้

เมื่อบนโต๊ะเซ่นไหว้มีอาหารคาวหวานครบถ้วนแล้ว ผลไม้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ โดยผลไม้ที่นิยมนำมาไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษได้แก่ ส้ม หมายถึงมหาสิริมงคล หรือโชคดี กล้วย หมายถึงโชคลาภ องุ่น หมายถึงความเพิ่มพูน สับปะรด หมายถึงการเรียกโชคเข้ามาหา และแอปเปิ้ล หมายถึงสันติสุข ซึ่งผลไม้ทุกชนิดสามารถนำมาล้างให้สะอาดแล้วปอกเปลือกทานสดเลย เพื่อรับวิตามินและสารอาหารแบบจัดเต็ม แต่หากทานไม่หมดก็นำไปเก็บรักษาไว้ในตู้เย็น เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่จะเข้ามาทำลายผลไม้ และลดการเหี่ยวเฉาลงได้ด้วย หรืออาจนำไปแปรรูปเป็นของหวานที่มีทั้งแบบ ตาก เชื่อม และบวช รวมไปถึงเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพค่ะ
Tips : – เมื่อกล้วยเจออากาศร้อนชื้นจะทำให้สุกไวมาก จนเกิดจุดดำบนผิวเปลือก ซึ่งดูแล้วไม่น่าทาน ดังนั้นการนำสก๊อตเทป หรือพลาสติกห่ออาหารมาพันตรงแกนหัวกล้วยให้มิดชิด สามารถช่วยยืดอายุได้
– การนำองุ่นวางนอนไว้ในถุงพลาสติกโดยมีรูระบายให้อากาศผ่าน สามารถลดการช้ำและเน่าได้ง่าย
– การนำผ้าขนหนู กระดาษชุบน้ำหมาดๆ วางบนแอปเปิ้ลที่อยู่ในตู้เย็น อุณหภูมิระหว่าง -1.1 ถึง 1.7 องศาเซลเซียส สามารถคงความสดได้นานถึง 3 สัปดาห์
เรื่องโดย : หนึ่งฤทัย บุญมา
หลักการไหว้และข้อควรปฏิบัติรับเทศกาลตรุษจีน