มาดูแลแคคตัสกัน

แคคตัสก็เช่นเดียวกับต้นไม้นานาชนิดที่เราปลูกไว้ในสวน ซึ่งต้องการสภาพที่เหมาะกับการเติบโต อันได้แก่ ดิน น้ำ แสงแดด

น้ำ แม้แคคตัสจะทนแล้งได้ดี นานๆ รดน้ำทีก็ยังเติบโตได้ แต่ปัญหาที่เรามักพบบ่อยๆ ในหมู่นักเล่นแคคตัสหน้าใหม่ก็คือ ให้น้ำมากเกินไป ตามปกติแคตตัสต้องการน้ำเฉพาะในช่วงที่กำลังเติบโต ซึ่งก็คือช่วงฤดูฝนที่มีความชื้นสูง ส่วนช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงพักตัว แคคตัสจะต้องการน้ำน้อยมาก ดังนั้นการรดน้ำในฤดูฝนจึงทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนในฤดูหนาวก็ให้ลดลง พอถึงช่วงฤดูร้อนจึงค่อยให้น้ำมากขึ้น การลดปริมาณน้ำในช่วงที่แคคตัสพักตัวจะช่วยให้ต้นผลิดอกได้ ดังนั้นเมื่อซื้อแคคตัสแล้วก็ควรถามคนขายว่า ต้นจะพักตัวและออกดอกช่วงไหน จะได้งดให้น้ำในช่วงนั้น

 รดน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี การรดน้ำแคคตัสหรือต้นไม้อื่นๆ มีหลักพิจารณาคือ
สถานที่ตั้งกระถางหรือสถานที่ปลูก ให้ดูว่าสถานที่นั้นได้รับแสงมากหรือน้อย ในกรณีที่แดดจัด น้ำในดินหรือวัสดุปลูกจะระเหยได้เร็ว อาจทำให้ต้องรดน้ำบ่อยกว่าบริเวณที่ร่มรำไรหรือต้นที่เลี้ยงไว้ในบ้าน ประเมินกันว่า ต้นไม้หรือแคตตัสที่ตั้งในในบ้าน น้ำจะระเหยหมดภายใน 5-7 วัน แต่ถ้าตั้งไว้นอกอาคารจะระเหยหมดใน 2-3 วัน
ความโปร่งร่วนของดินหรือวัสดุปลูก ดินที่โปร่ง ร่วนซุยจะระบายน้ำได้ดีกว่าดินที่เหนียว หรืออัดแน่นอยู่ในกระถาง
ขนาดของกระถางหรือภาชนะปลูก ถ้ากระถางใหญ่ใส่ดินหรือวัสดุปลูกมากจะอุ้มความชื้นไว้นานกว่าภาชนะเล็กๆ
ชนิดของภาชนะหรือกระถาง  มีผลต่อการรดน้ำ กระถางดินเผาจะระบายน้ำและอากาศได้ดีกว่า วัสดุปลูกอาจแห้งเร็วกว่ากระถางพลาสติก

รดน้ำเมื่อไรดี
-ควรรดในช่วงเช้า เพื่อให้น้ำที่ค้างอยู่บนต้นระเหยไปเมื่อถูกแสงแดด แต่ทางที่ดีอย่าปล่อยให้น้ำขังอยู่ที่ต้น เพราะอาจทำให้ต้นเน่าหรือถูกแดดเผามากเกินไป
-รดน้ำให้โชกจนน้ำไหลออกจากรูระบายที่ก้นกระถาง และรดน้ำอีกครั้งเมื่อวัสดุปลูกแห้งเท่านั้น
-หากไม่แน่ใจว่าควรรดน้ำหรือไม่ ให้ใช้ไม้เล็กๆ เช่น ไม้เสียบลูกชิ้น ไม้จิ้มฟันปักลงในดินหรือวัสดุปลูก เพื่อตรวจดูความชื้นในดินก่อนรดน้ำ

ควรใช้น้ำอะไรรดดี น้ำประปาก็สามารถรดต้นไม้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรกักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ให้คลอรีนระเหยออกไปให้หมดก่อน

แสงแดด เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับต้นไม้ทุกชนิดรวมถึงแคคตัสด้วย ต้นไม้แต่ละชนิดต้องการแสงแดดมากน้อยแตกต่างกันไป สำหรับแคคตัสควรได้รับแสงแดดอย่างน้อยครึ่งวัน หรือมากกว่าวันละ 6-8 ชั่วโมง และต้องพรางแสงให้ลดลงเหลือ 50-80 เปอร์เซนต์ หรือวางให้รับแดดในช่วงเช้าหรือบ่ายๆ ซึ่งเป็นช่วงที่แดดไม่แรงนัก ในกรณีที่เลี้ยงในห้องทำงาน ควรวางไว้ใกล้หน้าต่าง เปิดมู่ลี่หรือม่านให้แสงผ่านเข้ามาได้ แต่ไม่ควรตั้งชิดกระจกหน้าต่างจนเกินไป เพราะความร้อนอาจทำให้ต้นเสียหาย หมั่นหมุนกระถางให้ต้นทุกด้านได้รับแสง มิเช่นนั้นต้นจะโน้มเอียงไปทางด้านที่มีแสง

ปุ๋ย เป็นอาหารเสริมที่สำคัญของต้นไม้และแคคตัส แม้เราจะผสมปุ๋ยคอกหรือใบไม้ผุเมื่อตอนปลูกแล้วก็ตาม แต่ธาตุอาหารก็อาจไม่เพียงพอกับการเจริญเติบโต การให้ปุ๋ยแคตตัสควรเลือกสูตรที่มีปริมาณธาตุฟอสฟอรัส (P) และโปแตสเซียม (K) มากกว่าไนโตรเจน เพื่อบำรุงต้นให้ออกดอกและช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับต้น การให้ปุ๋ยควรให้ 2 สัปดาห์ครั้ง โดยเจือจางกว่าอัตราที่ระบุไว้บนฉลากครึ่งหนึ่ง เมื่อให้แล้วต้องรดน้ำตาม นอกจากนี้อาจฉีดยากันเชื้อราสักเดือนละครั้ง หรือในช่วงฤดูฝน

เปลี่ยนกระถางเมื่อไร เมื่อเห็นว่าต้นโตขึ้น มีรากโผล่ออกมานอกกระถางก็ควรเปลี่ยนกระถาง กระถางที่นำมาเปลี่ยนใหม่ก็ไม่ควรใหญ่มาก ให้ยึดหลักการเลือกภาชนะที่เคยบอกไว้แล้ว

การดูแลอื่นๆ
-หากเห็นว่าลำต้นมีฝุ่นเกาะ ควรทำความสะอาดบ้าง โดยใช้แปรงขนนุ่มๆ หรือพู่กัน ปัดเบาๆ หรือใช้เครื่องเป่าผม เปิดระดับลมเบาที่สุด และทำความสะอาดโคนต้นเพื่อป้องกันแมลงรบกวน
-หากต้นเสียหาย เช่น เน่า แห้ง ให้ตัดส่วนที่เสียหายทิ้งให้หมด
-แคคตัสที่แตกหน่อเป็นกลุ่มๆ ควรตัดแต่งบ้าง เพื่อให้ต้นแตกหน่อใหม่และสวยงาม
-แคคตัสที่ออกดอกแล้วและเหี่ยวแห้ง ให้เด็ดดอกทิ้ง

ข้อมูล มือใหม่หัดปลูก แคคตัส โดย วชิรพงศ์ หวลบุตตา สำนักพิมพ์บ้านและสวน

สงวนสิทธิ์ โดยบมจ. อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง ใช้เผยแพร่ทางอินเตอร์เนต ห้ามทำซ้ำหรือดัดแปลงด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต