เป็นเรื่องปกติที่วัสดุหรือของใช้ภายในบ้านจะเกิดพังเสียหายขึ้นอย่าง กระเบื้องแตกร้าว เฟอร์นิเจอร์ไม้หัก ซึ่งจะทำการซื้อใหม่หรือจ้างช่างมาก็คงจะเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเกินไป ดังนั้นการซ่อมแซมด้วยตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แล้วตัวเลือกที่หลายคนมักจะคิดนำมาซ่อมแซมก่อนแน่นอนนั่นคือ กาว แต่จะเลือกใช้กาวอย่างไรให้ถูกกับงานดีล่ะ?
ครั้งนี้บ้านและสวนจึงพาไปรู้จักกับคุณสมบัติของ กาว แต่ละประเภท และวัสดุไหนจะเหมาะกับกาวประเภทไหน ไปชมกันเลยครับ
กาวตะปู
กาวสารพัดประโยชน์ที่ใช้ในการซ่อมแซมทั่วไปภายในและภายนอกบ้าน กาวชนิดนี้หลายคนมักนำไปใช้ติดตั้งวัสดุที่ไม่สามารถตอกตะปูได้ เพราะด้วยคุณสมบัติเมื่อกาวแห้งเต็มที่จะมีแรงยึดเกาะสูงสามารถรับน้ำหนักได้กว่า 180 กก.ต่อตารางเมตรเสมือนตอกตะปูเลยทีเดียว
วัสดุที่เหมาะในการใช้งาน : พลาสติก อะลูมิเนียม เหล็กเซรามิก ไม้และโลหะต่างๆ
กาวซีเมนต์
กาวสำหรับใช้ในการปูกระเบื้องหรือซ่อมแซมกระเบื้องที่เสียหายได้ ซึ่งกาวซีเมนต์มักได้รับความนิยมมากกว่าปูนซีเมนต์ผสมทราย เนื่องด้วยคุณสมบัติการยึดเกาะที่ดีกว่า หรือการใช้งานที่ง่ายและสะดวกรวดเร็ว แถมยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า
วัสดุที่เหมาะในการใช้งาน : กระเบื้อง โมเสคแก้ว แกรนิตโต้
กาวอีพ็อกซี่
เป็นกาวที่ทำการผสมกันสองอย่างระหว่าง เนื้อกาวและสารทำให้แข็ง กาวชนิดนี้มีคุณสมบัติแห้งเร็ว ยึดติดแน่น ทนทาน แต่ไม่ยืดหยุ่น ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในบ้าน และยังใช้งานได้เกือบทุกวัสดุ เพราะกาวอีพ๊อกซี่นั้นมีหลายเกรด ซึ่งแต่ละเกรดก็จะมีบอกว่าควรใช้กับงานประเภทอะไร
วัสดุที่เหมาะในการใช้งาน : แก้ว กระจก หิน เซรามิก พลาสติก
กาวลาเท็กซ์
กาวชนิดแห้งช้าเพราะเป็นกาวที่มีความยืดหยุ่นสูง ถ้ากาวลาเท็กซ์โดยทั่วไปจะเหมาะสำหรับติดงานเบาๆ แต่ถ้าคุณภาพเกรดดีหน่อย จะสามารถใช้งานหนักๆได้อย่างการซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ไม้หรือการติดบัวฝ้า-บัวผนังเลยทีเดียว
วัสดุที่เหมาะในการใช้งาน : ผ้า ไม้ ปูน
