เครื่องอบผ้า เป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยในขั้นตอนการทำความสะอาดเสื้อผ้า ที่ไม่ได้ช่วยแค่การประหยัดเวลา โดยทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยลดพื้นที่ในการตากผ้า และ ไม่ต้องคอยกังวลกับ ฟ้าฝน หรือ แสงแดดที่อาจทำให้ผ้าซีดเร็ว อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นละอองต่าง ๆ ในอากาศ ที่มักจะติดมากับผ้าในขณะตากโดยที่ไม่รู้ตัว
ซึ่งประโยชน์ของ เครื่องอบผ้า ก็มีเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเครื่องอบผ้าใหม่ทั้งที ก็ต้องดูให้ดีก่อนว่าการเลือกซื้อเครื่องอบผ้าในครั้งนี้ จะคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว และ ตอบโจทย์ที่สุด วันนี้ my home มาบอกเคล็ดลับวิธีการ เลือกซื้อเครื่องอบผ้า ให้ตรงใจ แบบไหนที่ใช่สำหรับบ้านคุณ
เครื่องอบผ้ามีกี่ประเภท? เลือกอย่างไรดี?
1.เลือกเครื่องอบผ้าที่มี ขนาด เหมาะสมกับจำนวนสมาชิก

การเลือกซื้อเครื่องอบผ้าเครื่องหนึ่งนั้น เราต้องคำนวณความจุของเครื่องอบผ้า ให้เหมาะสมกับจำนวนของสมาชิกในบ้าน รวมไปถึง ความถี่ในการทำความสะอาดเสื้อผ้าในแต่ละครั้งด้วย เพื่อให้เครื่องอบผ้า อยู่กับเราได้ไปอีกนานแสนนาน และไม่ต้องเสียพื้นที่โดยไม่จำเป็น รวมทั้งค่าใช้จ่าย ที่ต้องเสียไปกับเจ้าเครื่องอบผ้าเครื่องใหม่นี้ด้วยค่ะ เราอาจจะใช้วิธีง่าย ๆ คือ การเลือกเครื่องอบผ้าให้มีขนาดใกล้เคียงกับความจุของเครื่องซักผ้า ที่ใช้งานอยู่ปัจจุบัน เพื่อสะดวกในขั้นตอนการทำความสะอาดอย่างต่อเนื่อง เช่น พอเราซักเสร็จจากเครื่องซักผ้าแล้ว ก็สามารถย้ายมาที่เครื่องอบผ้าได้ อย่างง่ายดาย ซึ่งเครื่องอบผ้าส่วนใหญ่ที่นิยมนำมาใช้งานกันนั้น ก็จะมีความจุตั้งแต่ 6 – 10 กิโลกรัม ซึ่งจะแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของปริมาณผ้าที่เครื่องอบผ้าจะสามารถรับได้ ขนาดตัวเครื่องอบผ้า รวมถึงกำลังไฟที่ใช้ และ เรื่องของราคาค่าตัวเครื่องอบผ้าด้วยค่ะ
2. เลือกเครื่องอบผ้าที่มี ระบบ ที่เหมาะกับพื้นที่

ในส่วนของระบบการทำงานของตัวเครื่องอบผ้านั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่สุดค่ะ เพราะระบบการทำงานของเครื่องอบผ้า นั้นเกี่ยวข้องกับพื้นที่ในการติดตั้งโดยตรง ซึ่งหากมีพื้นที่เหลือเฟือ การเลือกเครื่องอบผ้าระบบลมร้อนก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะมีราคาไม่สูงเท่าไหร่นัก ที่สำคัญยังใช้เวลาอบที่สั้นกว่า แถมยัง ได้ผ้าที่แห้งสนิทมากกว่าอีกด้วย เนื่องจากเครื่องอบผ้าระบบลมร้อนนั้น ใช้วิธีการทำให้ผ้าแห้งด้วยการเป่าลมร้อนโดยตรง และ ระบายออกไปทางท่อ ดังนั้น เครื่องอบผ้าระบบลมร้อน จึงจำเป็นต้องอาศัยพื้นที่ในการติดตั้ง อยู่ค่อยข้างมากเลยทีเดียวค่ะ
แต่ถ้าหากมีพื้นที่การใช้งานที่ค่อนข้างจำกัด เราขอแนะนำให้เลือกเครื่องอบผ้า ที่เป็นระบบควบแน่นแทน แต่อาจจะมีราคาที่สูงกว่า เครื่องอบผ้าระบบลมร้อนอยู่บ้าง ส่วนเรื่องพื้นที่การใช้งาน และ ความสะดวกในการติดตั้งนั้น เครื่องอบผ้าระบบควบแน่น ติดตั้งได้ง่าย และ ใช้พื้นที่น้อยกว่าเครื่องอบผ้าระบบลมร้อนอยู่มากทีเดียวค่ะ เพียงแค่เสียบปลั๊ก เครื่องอบผ้าระบบควบแน่น ก็พร้อมใช้งานได้ในทันที โดยระบบจะใช้การควบแน่น ทำให้ความชื้นในเนื้อผ้ากลายเป็นน้ำ และ ถูกส่งไปอยู่ในช่องที่สามารถนำออกมาเททิ้งได้ แต่การอบผ้าในเครื่องอบผ้าระบบควบแน่นนั้น ผ้าที่ได้อาจมีความชื้นเหลืออยู่ในเนื้อผ้าหลังอบเสร็จซักเล็กน้อยค่ะ อาจจะต้องนำไปพึ่งลมให้แห้งต่อสักหน่อย
3. เลือกเครื่องอบผ้าที่มี ฟังก์ชันเสริม เพิ่มความสะดวกสบาย

อย่าลืมสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานเครื่องอบผ้าในแบบต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการตั้งเวลา การปรับระดับความร้อน และ โปรแกรมสำหรับอบเนื้อผ้าประเภทต่าง ๆ ที่ต้องครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งสำหรับการอบผ้านวมที่หนาฟู และ เสื้อผ้าจากเส้นใยที่ต้องการถนอมเป็นพิเศษ หรือ ฟังก์ชันในการจดจำโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำ ทำให้เราสามารถใช้งานเครื่องอบผ้าได้อย่างสะดวกมากขึ้น
4. เลือกเครื่องอบผ้า ให้ใกล้เคียงกับงบประมาณ

การเลือกซื้อเครื่องอบผ้าสักเครื่อง เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านนั้น หากไม่พูดถึงเรื่องราคา ก็คงไม่ได้ เพราะงบประมาณ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องอบผ้าสักตัวเหมือนกันค่ะ และ เคร่ื่องอบผ้าเครื่องนั้นต้องมีประสิทธิภาพ และ ความคุ้มค่า คุ้มราคา ถึงจะถือว่าผ่าน ซึ่งการตั้งงบประมาณนั้น จะทำให้สามารถทำให้เรา กำหนดสเปคของเครื่องอบผ้าในดวงใจได้ ในระดับหนึ่งเลยค่ะ โดยต้องคำนึงถึง ระบบการทำงานของเครื่องอบผ้า ฟังก์ชันเสริมที่สำคัญของเครื่องอบผ้าเครื่องนั้นๆ และ ความจำเป็นมากที่สุดก่อน ถึงจะเริ่มเปรียบเทียบราคาของเครื่องอบผ้าแต่ละยี่ห้อต่อไป ถ้าได้คำตอบในใจแล้วก็ ตัดสินใจซื้อได้เลยค่ะ รับรองว่าเครื่องอบผ้าเครื่องใหม่ในครั้งนี้ต้องคุ้มค่า เป็นเครื่องอบผ้าที่ใช่สำหรับบ้านคุณแน่นนอน
story : กมลชนก ลิ้มปริสุทธิ์