ยังจำได้ว่ามีบ้านหลังหนึ่งเคยชนะการประกวด Show Me Your Home 2016 เป็นบ้าน 2 ชั้นที่เต็มไปด้วย ไอเดียและการตกแต่งบ้าน ที่จัดเต็มแบบล้นบ้านของ คุณเล็ก – จินตนา และ คุณเหน่ง – สุทธินนท์ ทองสุข คู่สามี – ภรรยา ที่รักการแต่งบ้านเป็นชีวิตจิตใจ
วันนี้เมื่อ my home ได้เห็นภาพบ้านหลังใหม่ของทั้งคู่ จึงไม่รอช้าที่จะไปเก็บภาพ ไอเดียและการตกแต่งบ้าน มาฝาก ว่าแต่บ้านหลังใหม่นี้จะสวยน่าอยู่แค่ไหน ตามมาดูเลยค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้าน สิ่งแรกที่ได้เห็นคือภาพของบ้านที่มีพื้นที่ขว้างขวาง แถมยังมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือทุกพื้นที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและของตกแต่งที่บ่งบอกถึงความชอบของเจ้าของบ้านได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
คุณเล็กเล่าให้ฟังว่า “เหตุผลที่พวกเราย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นเพราะพี่ต้องการย้ายมาอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของลูกชายบวกกับโลเกชั่นในย่านนี้ค่อนข้างลงตัว เพราะมีบรรยากาศร่มรื่นเหมือนบ้านนอก แถมยังอยู่ไม่ไกลจากเมือง ทำให้สะดวกต่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นห้าง ร้านอาหาร หรือแม้แต่จะเดินทางไปต่างจังหวัดก็ง่าย และที่สำคัญ เราสองคนต้องการบ้านที่มีขนาดเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้มีพื้นที่ที่เพียงพอต่อความต้องการและกิจกรรมต่างๆ ของทุกคนค่ะ”
บริเวณบ้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ตัวบ้านหลังใหญ่และคาเฟ่กลางสวน ตัวบ้านหลังใหญ่เป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ เดิมมีสภาพค่อนข้างเก่า มีสภาพผุพังและเสื่อมโทรม เจ้าของใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการรีโนเวตใหม่เกือบทั้งหลัง โดยเริ่มจากการถมที่ให้สูงขึ้นเพื่อปรับระดับพื้นให้เหมาะสมกับการใช้งานและป้องกันปัญหาน้ำท่วม รวมถึงทำการย้ายตำแหน่งเสาไฟที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน เพื่อปรับทัศนียภาพของบ้านให้ดูสะอาดตาและน่ามองยิ่งขึ้น
คุณเล็กเล่าว่า “สำหรับตัวบ้านเดิมเราไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมาก ยังคงโครงสร้างเดิมไว้ เพราะพี่ชอบโครงสร้างของเก่าของโบราณ มันมีความรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านเดิม บ้านเก่าสมัยเราอยู่กับพ่อแม่ ที่สำคัญยังดูแน่นหนาและแข็งแรงโดยโครงสร้างที่เราคงไว้ก็จะมีเสา คาน พื้น ส่วนสิ่งที่ปรับเปลี่ยนหลักๆ ก็จะเป็นหลังคาและผนังบางส่วนที่ปรับให้เป็นผนังกระจกแทนผนังทึบ เพราะโครงสร้างของบ้านชั้นล่างมีลักษณะเพดานต่ำ บวกกับการถมที่ให้สูงขึ้นมานั้นทำให้ทำบ้านดูเตี้ย หากเป็นผนังทึบไปหมดบ้านอาจจะยิ่งดูแคบ พี่จึงแก้ปัญหาโดยทำเป็นห้องกระจกและมีช่องแสงให้มากที่สุดทั้งประตู – หน้าต่างรวมถึงหลังคาต่อเติมบางส่วนให้เป็นหลังคาแบบใส ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่งแล้ว ยังช่วยเปิดมุมมองธรรมชาติรอบๆ บ้านได้อีกด้วย”
บริเวณชั้น 1 ภายในบ้านแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนเปิดโล่ง ที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่แบบโอเพ่นสเปซ โดยแบ่งแยกมุมต่างๆ ด้วยโทนสีเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งและการใช้งานที่แตกต่างกัน อย่างมุมนั่งเล่นที่ตกแต่งในโทนสีชมพูหวาน ก็จัดวางโซฟาสไตล์คลาสสิกที่เข้ากันกับพรม หมอนอิง และหุ่นนกฟลามิงโกน่ารักๆ
ถัดไปเป็นมุมอ่านหนังสือ จิบกาแฟเก๋ๆ ที่มีไอเดียการจัดวางโต๊ะขนาดใหญ่หันหน้าเข้าหาหน้าต่างทำให้สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารมุมพักผ่อน และมุมอื่นๆ ได้อย่างลื่นไหล
ถัดมาเป็นโซนห้องกระจกที่เจ้าของตั้งใจให้เป็นพื้นที่ปิด จึงเป็นห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศ พี่เล็กแอบกระซิบมาว่าห้องนี้ถือเป็นห้องโปรดของทุกคนในบ้านเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่มีแอร์เย็นๆ แต่ยังสามารถทำกิจกรรมได้หลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งดูหนัง ทำการบ้าน นั่งพักผ่อน “พี่ตั้งใจให้บ้านมีอารมณ์ที่หลากหลาย จึงแบ่งมุมพักผ่อนให้มีทั้งแบบเปิดโล่งรับลมธรรมชาติ แต่ก็ไม่ละเลยที่จะต้องมีห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะพี่ต้องการให้บ้านหลังนี้มีทุกอย่าง อยากให้ทุกคนอยู่แล้วสบายที่สุด” พี่เล็กกล่าว
และเมื่อขึ้นมาสู่ชั้น 2 ก็ได้เห็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยสิ่งแรกที่พบคือบริเวณโถงที่เต็มไปด้วยของตกแต่งแบบนับไม่ถ้วน บวกกับตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่มีลวดลายการแกะสลักไม้อย่างประณีต ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีความกว้างเป็นพิเศษ แถมยังมีห้องแต่งตัวและห้องน้ำในตัว ภายในห้องนอนตกแต่งได้ราวกับหลุดเข้ามายังโลกเทพนิยาย เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เลือกใช้เป็นแบบลอยตัว เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและปรับเปลี่ยนและเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มีหน้าบานแบบโปร่งให้สามารถมองเห็นของตกแต่งและของสะสมได้
นอกจากนี้ยังมีส่วนหน้าบ้านที่เจ้าของออกแบบไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งเดิมบริเวณด้านหน้าเป็นลานโล่งๆ แต่ได้รับการเนรมิตให้เป็นคาเฟ่กลางสวนตามความตั้งใจของเจ้าของโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน นั่นคือ ส่วนสวนกับตัวอาคารโครงสร้างซีเมนต์ 2 ชั้นล้อมด้วยประตู – หน้าต่างกระจก ด้านล่างมีไว้สำหรับต้อนรับแขกและรับรองเพื่อนๆ ส่วนชั้น 2 เป็นห้องฟิตเนสและระเบียงสำหรับนั่งชมวิวสวนด้านล่าง ซึ่งในอนาคตแว่วๆ ว่าคุณเล็กอยากเปิดบ้านเป็นคาเฟ่ให้ลูกค้าและคุณแม่ๆ ได้มาจิบชากาแฟสบายๆ ที่บ้านอีกด้วย
คุณเล็กเล่าต่อว่า “รสนิยมความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน สำหรับพี่เป็นคนที่ชอบของเก่า เพราะของเก่ามันมีเสน่ห์ในตัว มีร่องรอยที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหากเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่พี่จะไม่กล้าใช้เพราะรู้สึกว่ามันไม่สวย นั่งไม่สบายเท่าของเก่า อาจเป็นเพราะมันยังไม่เซตตัวไม่พอดีเท่ากับของที่ถูกใช้งานมาแล้ว แรกๆลูกๆ ก็เฉยๆ แต่พอเขาได้อยู่กับสิ่งเหล่านี้ทุกวัน กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกคนในบ้านชอบอะไรที่คล้ายๆ กันไปหมดแล้ว”
เพราะเจ้าของบ้านเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งบ้าน ทำให้ทุกมุมของบ้านเต็มไปด้วยของตกแต่งมากมาย แต่สังเกตได้ว่าถึงแม้จะมีข้าวของเยอะเพียงใด แต่กลับไม่รู้สึกว่ารกตาเลย ซึ่งคุณเล็กได้เผยเคล็ดลับในการจัดข้าวของต่างๆ ให้พวกเราฟังว่า “ทุกคนในบ้านมักจะชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน ชอบซื้อ ชอบสะสม อย่างงานบ้านและสวนแฟร์เนี่ยไปตลอด ไม่ว่าจะจัดที่ไหนก็ไป และทุกปีก็จะได้ของเพิ่ม แต่ด้วยความที่พี่สนุกกับการแต่งบ้าน ทำให้เราโฟกัส คลุกคลีและให้เวลากับมันทั้งวัน พี่ไม่มีทฤษฎีอะไรมากมาย เน้นความชอบล้วนๆ ที่สำคัญบ้านของพี่จะเปลี่ยนไปทุกวัน ของแต่งบ้านส่วนใหญ่จะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันระหว่างบ้านหลังนี้ บ้านลูกชาย กับร้านอาหารที่เราทำ บางอย่างก็เอากลับมาซ่อมแซม ทาสี และหาที่วางใหม่ มันก็เป็นความสุข และ ความสนุกอย่างหนึ่ง แถมยังทำให้บ้านดูไม่น่าเบื่อ”
หลังจากเดินชมจนทั่วบ้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้คือ บ้านหลังนี้ไม่มีสไตล์ที่ชัดเจน ไม่มีแพตเทิร์นใดๆ มีแต่ข้าวของที่เจ้าของชอบ และถึงแม้บางชิ้นจะมาจากต่างที่ต่างสไตล์ แต่พอมาอยู่รวมกันแล้วกลับดูเข้ากัน แถมยังบ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี และไม่เพียงความสวยงามของบ้านเท่านั้น เรายังสัมผัสได้ถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นช่อดอกไม้หลากสีสัน ต้นไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามมุมต่างๆ ของบ้าน หรือจะเป็นกลิ่นอโรมาหอมๆ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้นอีกด้วย
“พี่ว่าความสุขของคนเรามันต้องทำตอนมีชีวิตอยู่ พี่เชื่อว่าพี่เป็นคนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นยาวนานมาก และทุกวันนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก อีกทั้งยังโชคดีที่เรามีลูกที่น่ารัก มีสามีที่เข้าใจ และก็เป็นพ่อแม่ลูกที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน มีเคมีที่ตรงกัน มันก็เลยทำให้เราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข” คุณเล็กกล่าว
OwnerS – design คุณเล็ก – จินตนา และคุณเหน่ง – สุทธินนท์ ทองสุข
Story นภสร ศรีทอง Photo ณัฐวุฒิ เพ็งคำภู, อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
STYLE วรวัฒน์ ตุลยทิพย์
