มอง…อย่างเข้าใจ

           “ผมมองว่าความเจริญรุ่งเรืองซึ่งเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจของกรุงเทพฯไม่ได้ชี้วัดจากตึกระฟ้าอันทันสมัยในย่านธุรกิจใหญ่ใจกลางเมือง แต่แสดงออกมาผ่านวังและวัดวาอารามที่สวยงาม รวมถึงผู้คนและวัฒนธรรมอันดีงาม ผมจึงเลือกที่นี่เป็นบ้าน เพราะผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มอง” 
นี่เป็นทัศนะที่น่าสนใจของ Mr. Jason M. Friedman ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเดอะสยาม โรงแรมระดับห้าดาวของตระกูลสุโกศล ในวันที่ผมมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมบ้านของเขาซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 7 ของอาคารแห่งหนึ่งในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ ผมเองรู้สึกทึ่งกับแนวคิดและความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับกรุงเทพฯ ของคุณเจสัน ซึ่งเป็นมุมมองจากชาวตะวันตกที่คนไทยบางคนอาจมองข้ามไป 
คุณเจสันเล่าถึงที่มาของบ้านนี้ให้ฟังว่า “ผมทำงานที่โรงแรมเดอะสยามตั้งแต่เริ่มสร้างโรงแรมเมื่อปี 2010 เดิมมีแผนจะซื้อคอนโดในย่านธุรกิจ แต่เมื่อมีโอกาสมาพบที่นี่ซึ่งเป็นที่ว่างบนดาดฟ้าชั้น 7 ของอาคารในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ มองเห็นเมืองได้ 360 องศา ทำให้ผมเปลี่ยนใจมาเตรียมแผนปรับปรุงที่นี่เป็นที่พักแทน”
ภายในบ้านแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วนหลัก ส่วนแรกเป็นพื้นที่ใช้สอยทั่วไป ประกอบด้วยส่วนรับแขก ส่วนรับประทานอาหาร ส่วนนั่งเล่น และครัวที่ออกแบบให้ต่อเนื่องกันแบบ Open Plan มีมุมทำงานที่แยกออกมาเป็นสัดส่วนต่างหาก คุณเจสันยังเล่าอีกว่าเขาชื่นชอบการทำอาหาร บางครั้งก็ไปซื้อผักและผลไม้ตามตลาดสดด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงตั้งใจออกแบบครัวให้ใหญ่กว่าปกติ เสมือนยกครัวจากภัตตาคารในโรงแรมมาตั้งในบ้านเลยทีเดียว
ส่วนที่สองเป็น
พื้นที่ใช้สอยส่วนตัว นอกจากห้องนอนและห้องน้ำแล้ว ยังมีส่วนยิมออกกำลังกายด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่คุณเจสันโปรดปราน ส่วนไอเดียในการตกแต่งบ้านนี้ก็มาจากประสบการณ์ที่ได้ไปท่องเที่ยวตามประเทศต่างๆ ของแต่งบ้านและงานศิลปะส่วนใหญ่ได้มาจากหลายที่ ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักที่จังหวัดเชียงราย ของทุกชิ้นจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นไทยแฝงอยู่ หรือไม่ก็เป็นสไตล์ตะวันออกร่วมสมัย มีกลิ่นอายของความเป็น Rustic Industrial ดูตรงไปตรงมา แต่มีรายละเอียดที่เท่ไม่น้อย ภายใต้การเลือกใช้โทนสีอบอุ่นอย่างน้ำตาลของผนังอิฐมอญและเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงสีเข้ม ซึ่งคุณเจสันชื่นชอบเป็นอย่างมาก
คุณเจสันได้ทิ้งท้ายกับทีมงาน “บ้านและสวน” ว่า “ผมมองว่าบ้านและความหรูหราในการอยู่อาศัยไม่ได้มาจากการประดับประดาด้วยลวดลายหรือของมีค่าราคาแพง แต่ผมมองว่าต้องเป็นบ้านที่เราอยู่แล้วสบายทั้งกายและใจ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เต็มเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในการอยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์”
เห็นทีเราอาจต้องหันกลับมามองบ้านและเมืองที่คุ้นเคยกันใหม่ เพราะการใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเร่งรีบอาจทำให้เราหลงลืมคุณค่าของสิ่งรอบตัวไปก็เป็นได้

ศุภชาติ บุญแต่ง
ศุภกร ศรีสกุล