ด้วยรูป แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่โปร่งโล่ง เด่นสง่าท่ามกลางชุมชนย่านชานเมืองหลังนี้ ทำให้ผู้คนละแวกใกล้เคียงต่างพากันสงสัยว่า นี่คือบ้านพักอาศัยจริงๆ เหรอ เพราะด้วยรูปทรง ภายนอกที่ดูเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมแปลกตา หลายคนจึงคิดว่ามันคือโรงงานเสียมากกว่า กระทั่งเริ่มมีการปูหญ้าสนาม ทําร้ัว ทุกคนถึงเชื่อและหายข้องใจ
สิ่งเหล่านี้เป็นคำบอกเล่าเรื่องราวจากพี่นุ – พิษณุ กุศลวงศ์ และพี่หน่อย-วาณี ชาติเศรษฐกานต์ เจ้าของบ้านที่แสนน่ารักและอารมณ์ดี ซึ่งพวกเขาเปิดพื้นที่ส่วนตัวนภายใต้รูป แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง พร้อมแซนด์วิชอร่อยๆ ที่พี่หน่อยตั้งใจทําเตรียมไว้
“ก่อนหน้านี้เราสองคนอยู่บ้านกับคุณพ่อของพี่หน่อยค่ะ พอเริ่มอยากมีบ้านเป็นของตัวเองก็มองหาที่ดินไปเรื่อยๆ จนบังเอิญมาเจอที่ตรงนี้ซึ่งใกล้บ้านคุณพ่อ เราชอบเลยตัดสินใจซื้อ หลังจากนั้นก็มาเจองานออกแบบของคุณอาร์ต – อยุทธ์ มหาโสม ในนิตยสาร room เห็นแล้วชอบสไตล์ อยากให้เขามาช่วยออกแบบให้ แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะคะ เพราะช่วงนั้นคุณอาร์ตงานเยอะมากเลยปฏิเสธ เราสองคนอยากให้เขาออกแบบให้จริงๆ จึงโทรไปตื๊ออีกหลายครั้ง และบอกเขาว่า ให้รอนานแค่ไหนเราก็รอได้ (หัวเราะ) จนสุดท้ายคุณอาร์ตก็ยอมใจอ่อนโทร.กลับมาตกปากรับคําทํางานนี้”
เจ้าของบ้านทั้งสองตั้งใจจะใช้ชีวิตกันแบบสบายๆ บ้านเนื้อที่ 169 ตารางวาหลังนี้จึงมีฟังก์ชันที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก รวมถึงเปิดกว้างและให้อิสระกับสถาปนิกอย่างเต็มที่ จึงทำให้งานนี้ลงตัวในเวลาอันรวดเร็ว เพราะโดยส่วนตัว พี่นุกับพี่หน่อยชอบความเรียบง่ายและสไตล์โมเดิร์นกันอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องตีโจทย์เพิ่มคงเป็นเรื่องของพื้นที่ที่เน้นความโปร่งโล่งสบายเป็นหลัก
ผลลัพธ์คือโถงดับเบิ้ลสเปซในมุมนั่งเล่นที่ตกแต่งฝ้าเพดานขาวโปร่ง ทรงจั่วล้อกับหลังคาสามารถเปิดประตูท้ังสองฝั่งเพื่อรับลมเข้าออกได้สะดวกทั้งยังเชื่อมกับสวนหย่อมที่เป็นความชอบและความต้องการของพี่นุ เพราะตัวบ้านออกแบบเป็นรูปตัวแอล (L) ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนๆ ก็สามารถมองเห็นวิวได้ไม่เว้นแม้แต่ในห้องครัวที่เป็นมุมโปรดของพี่หน่อย ด้านข้างมีคอร์ตเล็กๆสร้างบรรยากาศความเป็นธรรมชาติที่ต่อเนื่อง ก่อนจะเดินไปยังห้องพักผ่อนอเนกประสงค์ที่อยู่สุดทางซึ่งใช้เป็นห้องออกกําลังกาย โยคะ และชกมวยของทั้งคู่ในวันว่าง
ความแตกต่างที่สัมผัสได้ในชั้นบนของตัวบ้านคงเป็นวัสดุปูพื้นซึ่งเปลี่ยนจากพื้นกระเบื้องในชั้นล่างมาเป็นพื้นไม้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายเท้ามากกว่า รวมถึงเท็กซ์เจอร์และสีน้ำตาลของไม้ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่น ลดความแข็งกระด้างของบ้านดีไซน์โมเดิร์นที่เน้นงานปูนและงานอะลูมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ มีห้องพระเป็นห้องแรกสำหรับสวดมนต์ไว้พระในทุกๆ วัน
ถัดจากห้องพระมีทางเดินเชื่อมต่อมายังห้องน้ำแบบกึ่งเอ๊าต์ดอร์ตกแต่งด้วยต้นไผ่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรเฟอเรนซ์ที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ ก่อนที่จะเดินมาถึงห้องสุดท้ายซึ่งเป็นห้องนอนที่มีไฮไลท์สําคัญคือ ฟาซาดอะลูมิเนียมสีดําแบบบานเฟี้ยมล้อมรอบทั้งบ้าน สามารถเปิด-ปิดให้ความเป็นส่วนตัวไปพร้อมๆกับความปลอดภัยเวลาไม่อยู่บ้าน พี่นุเล่าให้เราฟังว่า การใช้ชีวิตในวัยของเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย อยากอยู่สบายๆในบ้านที่นั่งจิบชากาแฟตรงไหนก็ได้ หลายๆมุมจึงสามารถนั่งเล่นได้ไม่เว้นแม้แต่ชั้นบน
ตลอดการสนทนากับพี่หน่อยและพี่นุ เราสัมผัสได้เลยว่าเขาท้ังสองมีความสุขกับบ้านหลังนี้มากขนาดไหน ไม่ใช่แค่เรื่องงานที่ออกมา สวยงามตรงใจ แต่รวมถึงการได้เพื่อนใหม่อย่างคุณอาร์ตและทีมงานที่ตอบโจทย์ความสุขที่ต้องการได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม