เตรียมบ้านให้พร้อมรับลมร้อน

‘การเตรียมบ้านให้พร้อม สำหรับรับลมร้อน’ เป็นอีกหนึ่งข้อควรปฏิบัติสำหรับคนรักบ้าน ซึ่งการเตรียมบ้านนอกจากจะช่วยให้เจ้าของบ้านอย่างเราประหยัดพลังงานจากการเปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว ยังถือโอกาสนี้ปรับเปลี่ยนบ้านซะเลย!! โดยเรามี 4 เทคนิคที่ช่วยให้บ้านเย็นมาฝากกัน

• เงยหน้ามองหลังคา ติดฉนวนกันความร้อนแล้วหรือยัง
หลังคาเป็นองค์ประกอบแรกของบ้านที่ความร้อนจากแสงอาทิตย์มากระทบ ไม่ว่าบ้านของคุณจะติดตั้งหลังคาประเภทไหน หากติดตั้ง ‘ฉนวนกันความร้อน’ จะช่วยให้บ้านเย็นขึ้น โดยจะทำหน้าที่สะท้อนรังสีความร้อนออกไป ขณะเดียวกันก็ลดความร้อนที่เข้าสู่บ้าน ดังนั้นการติดฉนวนกันความร้อนให้บ้านจึงเป็นเทคนิคแรกที่ทำให้บ้านเย็น

ฉนวนกันความร้อนที่ดีต้องมี 2 คุณสมบัติคือ (1) การนำพาความร้อนต่ำ คือพาความร้อนจากภายนอกเข้าสู่บ้านต่ำ และ (2) การต้านความร้อนสูง คือสามารถสะท้อนรังสีความร้อนจากภายนอกได้เป็นอย่างดีนั่นเอง เราแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่คือ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นและฉนวนกันความร้อนแบบพ่น ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ดังนั้น

– ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น  มีข้อดีที่ติดตั้งง่าย เจ้าของบ้านสามารถซื้อมาติดตั้งได้เอง ขณะเดียวกันหากเกิดความเสียหายก็สามารถซ่อมแซมได้ง่ายเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติคงทน ไม่ทำให้ระเคืองผิว และมีราคาไม่แพง แต่เมื่อใช้ไปนานฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะเสื่อมได้ง่าย นอกจากนี้การติดตั้งต้องติดตั้งผ่านแป ไม่สามารถติดลงบนหลังคาได้เลย

– ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น มีข้อดีที่สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร แถมยังใช้งานได้กับทุกสภาพพื้นผิว โดยยังทำหน้าที่เป็นวัสดุแต่งผิวหลังคาได้อีกด้วย แถมยังช่วยลดรอยแตกร้าวบนหนังคาได้ แต่การติดตั้งฉนวนกันความร้อนประเภทนี้ต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญในการพ่น และหากหลังคาเกิดชำรุด การซ่อมบำรุงหลังคาที่พ่นฉนวนกันความร้อนประเภทนี้จะยุ่งยากกว่า

สามารถหาซื้อฉนวนกันความร้อนแบบต่างๆ ได้ที่ www.HomePro.co.th คลิก!!

• เปลี่ยนสีผนังบ้านใหม่ เลือกใช้สีทาผนังสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสียูวี
สีทาผนังในปัจจุบันไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ทำให้บ้านสวยเท่านั้น แต่สีทาบ้านหลายแบรนด์ยังมาพร้อมคุณสมบัติช่วยให้บ้านเย็นอีกด้วย โดยเฉพาะสีทาบ้านภายนอกที่ส่วนใหญ่มาพร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน รังสียูวี และลดอุณหภูมิในบ้านไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญการทาผนังบ้านใหม่ยังเป็นการปรับบ้านให้ดูดีและเจ้าของบ้านอย่างเราสามารถลงมือทาเองได้

ยกตัวอย่างสีทาบ้านที่ช่วยสะท้อนความร้อนและป้องกันรังสียูวี สีทาภายนอก Jotun รุ่น JS-Antifade, สีรองพื้น Captain รุ่น Coolmax, สีทาภายนอกและภายใน Beger รุ่น BegerCool All Plus Semi-gloss ฯลฯ

สามารถหาซื้อสีทาบ้านที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน รังสียูวี และทำให้บ้านเย็น พร้อมด้วยอุปกรณ์ทาสีบ้านได้ที่ www.HomePro.co.th คลิก!!

• เคยล้างแอร์บ้างไหม แล้วแอร์ที่มีอยู่ อายุรุ่นปู่หรือเปล่า
เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ คือเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวสำคัญที่ทำหน้าที่ดับร้อนและช่วยให้บ้านเย็นสบาย แต่หลายคนมักละเลย เป็นผลให้แอร์ไม่เย็น วิธีแก้ในเบื้องต้นคือ ‘ล้างแอร์’ โดยปกติแล้วควรล้างแอร์ปีละ 2 ครั้งหรือ 6 เดือนล้างหนึ่งครั้งนั่นเอง ซึ่งการล้างแอร์นอกจากจะทำให้แอร์กลับมาเย็นแล้ว ยังเป็นการทำความสะอาด เอาฝุ่นละอองที่สะสมในแอร์ออกไปด้วย

แต่หากแอร์ที่บ้านมีอายุ 10-15 ปี การทำความเย็นจะลดลง ขณะเดียวกันกับใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้น ดังนั้นเมื่อคำนวณแล้วว่าเราจะต้องจ่ายค่าไฟมากกว่าการเปลี่ยนแอร์ตัวใหม่ ก็อย่าลังเลที่จะเปลี่ยน โดยการพิจารณาซื้อแอร์สักเครื่อง ควรคำนึงถึง

– เลือกขนาดแอร์หรือ BTU ให้เหมาะกับขนาดของห้อง หากเป็นห้องมีขนาด 16 – 20 ตร.ม. แอร์ขนาด 12,000 – 16,000 BTU ก็เพียงพอ แต่หากห้องมีขนาด 30 – 40 ตร.ม. แอร์ที่ติดตั้งก็ควรมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย โดยขนาด 20,000 – 30,000 BTU จึงจะเพียงพอ

– ต้องมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แต่ใช่ว่าแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟจะต้องประหยัดไฟจริงๆ แต่ควรดูค่า EER (แบบเก่า) และ SEER (แบบใหม่) ควบคู่กันด้วย โดยยิ่งตัวเลขของค่า EFR / SEER สูงแสดงว่าแอร์เครื่องนั้นจะช่วยประหยัดไฟได้ดีนั่นเอง

– เลือกแอร์ระบบ Inverter จะดีกว่า ซึ่งข้อดีของระบบ Inverter คือเมื่ออุณหภูมิถึงจุดที่ต้องการ คอมเพรสเซอร์จะทำงานน้อยลงแต่ไม่หยุดทำงาน ซึ่งแอร์ Inverter จะสามารถควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำและประหยัดค่าไฟกว่าแอร์ระบบธรรมดา แม้จะมีราคาที่สูงแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า

มองหาเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับบ้านได้ที่ www.HomePro.co.th คลิก!!

• มองหาตัวช่วยอื่นๆ อย่าง ‘พัดลมไอเย็น
แต่หากงบประมาณในกระเป๋าเรามีจำกัด ไม่สามารถเปลี่ยนแอร์ตัวใหม่ได้ แนะนำให้มองหาตัวช่วยอื่นๆ มาเสริมให้ห้องเย็นอย่าง “พัดลมไอเย็น” ที่มีราคาถูกกว่า โดยข้อดีของพัดลมไอเย็นคือ สามรถลดอุณหภูมิได้ 4 10 องศาเซลเซียส ไม่มีละอองน้ำ ไม่ทำให้ห้องอับชื้น และได้ลมเย็นสดชื่นเหมือนลมธรรมชาติ โดยสามารถใช้ได้ทั้งพื้นที่แบบเปิดและปิด ที่สำคัญยังประหยัดไฟและประหยัดน้ำ  

พัดลมไอเย็น เป็นพัดลมที่ทำงานโดยใช้ระบบ Evaporative Cooling Systems ใช้หลักการดึงความร้อนออกจากอากาศ เมื่อพัดลมดูดอากาศร้อนให้ไหลผ่านปะทะกับน้ำบนแผ่นทำความเย็น (Cooling Pad) น้ำจะระเหยออก ส่งผลให้อุณหภูมิของอากาศลดลงนั่นเอง ส่วนการเลือกซื้อพัดลมไอเย็นก็เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่คำนวณขนาดห้องกับขนาดของพัดลมไอเย็นให้สอดรับกัน ซึ่งห้องขนาดใหญ่ก็ควรเลือกพัดลมไอเย็นตัวใหญ่ตามไปด้วยนั่นเอง

มองหาพัดลมไอเย็นที่เหมาะกับบ้านได้ที่ www.HomePro.co.th คลิก!!