ความสุขที่แท้จริง

          ผมมีโอกาสได้อ่านเรื่อง “101 Things to Do Before You Die” เป็นหนังสือแนะนำ 101 สิ่งควรทำก่อนที่คุณจะตาย (ประมาณว่าเกิดมาทั้งทีคุณจะพลาดกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้ได้อย่างไร) พออ่านจบแล้วก็รู้สึกว่าหากมีใครสักคนทำสิ่งเหล่านี้มาหมดแล้ว คงจะเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุด หรือไม่ก็เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในโลก เพราะบางอย่างที่ในหนังสือนี้แนะนำเป็นสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะต้องทำหรือไม่คิดจะทำเลยด้วยซ้ำ เช่น การสัก หรือการกระโดดบันจี้จั๊มป์
          ทว่าเมื่อลองมานั่งคิดดูดีๆ บางครั้งสิ่งที่เราอยากทำและยังไม่ได้ทำในชีวิตนี้อาจมีไม่มากถึง 101 สิ่งอย่างที่หนังสือว่ามาก็ได้ บางทีสิ่งที่เราต้องการจะทำอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ สักอย่างหรือสองอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็นความสำคัญ แต่นั่นละ ใครจะไปรู้ความต้องการของเราดีเท่ากับตัวเราเองล่ะ
          คุณแอนเดรีย – กุลกนิษฐ์ ทังสุนันทน์ ก็เป็นผู้หนึ่งที่เคยคิดทบทวนว่าในชีวิตนี้เธออยากทำอะไรบ้าง และหนึ่งสิ่งจากหลายสิ่งก็คือ การมีบ้านพักหลังเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นท่ามกลางหุบเขา ซึ่งเธอก็ไม่รีรอที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ
          “โวคบัลลังก์เมฆ” คือชื่ออาณาจักรแห่งความสุขของคุณแอนเดรียตั้งอยู่ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา แทรกตัวอยู่กลางธรรมชาติสีเขียวสด คุณแอนเดรียเล่าว่า เธอเป็นคนกรุงเทพฯ มีการงานที่ดีและมีชีวิตที่มั่นคงอยู่ในเมืองหลวง ทว่าวันหนึ่งชีวิตของเธอก็ถึงจุดอิ่มตัว ความพอดีที่เคยมีอยู่ก็ถูกสภาพสังคมและความสับสนวุ่นวายของเมืองกลืนกินไปทีละน้อยคุณแอนเดรียจึงเริ่มแสวงหาสิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ากับจังหวะของชีวิตและตรงความต้องการของเธอจริงๆ เสียที
          “หลายปีก่อนมีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนที่เขาใหญ่ ก็รู้สึกได้ทันทีว่า นี่ละคือที่ที่ใจของเราต้องการจะอยู่จริงๆ เวลาของที่นี่เดินช้ากว่าที่กรุงเทพฯ ไม่ต้องรีบร้อนตื่นมาแย่งกันกิน แย่งกันไปติดแหง็กบนท้องถนน แย่งกันใช้เงิน แย่งกันหายใจ อยู่ที่นี่เรามีพื้นที่ให้เดินเล่นกว้างใหญ่กว่าห้างดังในกรุงเทพฯ มีพืชผักที่ปลูกได้เอง ไม่ต้องกลัวเรื่องสารพิษตกค้างชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องมีฟอร์มมีหน้ากาก ตกดึกก็คิดแต่เพียงว่าเมื่อไรจะเช้า จะได้ตื่นมารดน้ำต้นไม้ที่รักเสียที”
          บ้านของคุณแอนเดรียมีลักษณะเป็นเรือนสองชั้น หลังคาทรงปั้นหยาทาสีขาวทั้งหลัง พื้นที่ภายในออกแบบให้ดูไม่ซับซ้อนด้วยการจัดวางห้องตามแนวยาว ทำให้ไม่มีห้องใดซ้อนทับและบังทิศทางของแสงแดดและลม วันที่อากาศแจ่มใสเพียงเปิดประตูและหน้าต่างออก ภายในบ้านก็จะเย็นสบาย และเนื่องจากที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีความลาดเอียงไม่น้อย สถาปนิกจึงออกแบบให้ทางเข้าหลักอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน (ในส่วนที่สูงกว่า) ต่อเนื่องไปในทางลาดที่ต่ำกว่า ก็จะมีพื้นที่ในการสร้างห้องชั้นล่างมากขึ้น จึงวางห้องรับแขกซึ่งใช้งานไม่บ่อยนักไว้ที่ชั้นล่างนี้ “ส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิตอยู่ชั้นบน?มีห้องนอน 2 ห้อง ครัวเล็กๆ ห้องน้ำ?และระเบียงขนาดใหญ่ เพราะบ้านหลังนี้ใช้ระเบียงเป็นเหมือนห้องห้องหนึ่ง ไม่ว่าจะทำงาน นั่งจิบกาแฟ หรืออ่านหนังสือ ก็ใช้พื้นที่ตรงนี้ตลอด”
          ในอาณาบริเวณของโวคบัลลังก์เมฆ?นอกจากบ้านของคุณแอนเดรียแล้วยังมีบ้านพักหลังเล็กอีก 2 หลัง ซึ่งเจ้าของบ้านเปิดโอกาสให้ผู้ที่รักธรรมชาติและอยากสัมผัสกลิ่นอายของขุนเขาได้เข้ามาพัก บ้านพักเหล่านี้มีลักษณะคล้ายบ้านของคุณแอนเดรีย?แต่สร้างเป็นเรือนชั้นเดียว บริเวณด้านหน้าทางเข้าของพื้นที่ยังทำเป็นร้านกาแฟเล็กๆ สำหรับรับรองแขกและเพื่อนฝูงที่แวะมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำ
          ความกว้างขวางของพื้นที่ยังเอื้อให้คุณแอนเดรียทำในสิ่งที่เธอรักมากอีกอย่างคือ การปลูกพืชผักไร้สารพิษ ฟาร์มดอกไฮเดรนเยียที่ออกดอกตลอดทั้งปี รวมทั้งสนสามใบที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งๆ ที่อยู่ในเมืองไทย แต่ด้วยภูมิอากาศที่เย็นสบายเพราะอยู่สูงจากระดับทะเลมากรวมถึงบรรยากาศที่ล้อมรอบด้วยม่านหมอกของเมฆและความชื้น ทำให้ผมรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในป่าแถบเมืองหนาวเสียจริงๆ
          แม้ว่าคุณแอนเดรียและหนังสือ “101 Things to Do Before You Die” อาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่นัยที่ทั้งสองพยายามจะบอกก็คือ การลองมองชีวิตในแง่มุมใหม่ๆ?เพราะชีวิตของเรามักเจอกรอบของสิ่งต่างๆ ที่บีบให้ต้องเดินอยู่ในวงกลมที่เล็กและแคบ แต่ก่อนที่คุณจะก้าวผ่านกรอบที่แสนอึดอัดนั้น คงต้องหาเส้นบางๆ ที่ขีดรอบตัวให้เจอเสียก่อน วันไหนที่เจอแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ ก้าวออกมา…เท่านั้น
          สนใจเข้าพักที่โวคบัลลังก์เมฆ เข้าไปดูที่ www.voguebunlungmak.org

 

เรื่องโดย : เอกราช ลักษณสัมฤทธิ์
ภาพโดย : สังวาล พระเทพ