Healthy Home บ้านเพื่อสุขภาพ บ้านอยู่สบาย ดีต่อสุขภาพ

6. หูธรรมชาติ
               เสียงจากธรรมชาติช่วยเพิ่มบรรยากาศในห้องเงียบๆได้ เช่น เสียงน้ำตก เสียงนก เสียงคลื่น ในกรณีที่บ้านมีสวนหรือธรรมชาติอยู่รอบๆ ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้ได้รับเสียงจากธรรมชาติบ้าง แต่ถ้าอาศัยอยู่กลางเมือง การสร้างบรรยากาศในห้อง เช่น มีอ่างน้ำพุหรือน้ำตกจำลอง รวมถึงการตกแต่งบ้านด้วยต้นไม้ทนร่ม ก็ช่วยให้อารมณ์และจิตใจได้เกิดความผ่อนคลาย
houseidea-01-07
7. จมูกผ่อนคลาย
              บ้านสะอาดมาคู่กับกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นมีผลต่ออารมณ์และการทำงานของสมองในแต่ละวันโดยไม่รู้ตัว นอกจากการออกแบบบ้านโดยเลี่ยงไม่ให้มีมุมอับ การจัดเก็บของให้เข้าที่เป็นระเบียบ มีหน้าต่างเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท การหมั่นทำความสะอาดทุกวัน ก็ช่วยลดการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ อาจเลือกสร้างกลิ่นหอมหอมอ่อนๆเพิ่มเติมด้วยการฉีดสเปรย์กลิ่นมินต์จากธรรมชาติ วางเปลือกมะนาว มะกรูด เทียนหอม หรือน้ำมันหอมระเหยสกัดจากธรรมชาติ ตามจุดต่างๆในบ้าน เช่น ส่วนนั่งเล่น ห้องน้ำ นอกจากช่วยให้คลื่นสมองตื่นตัวและสดชื่นผ่อนคลายแล้ว แสงจากเทียนยังช่วยสร้างบรรยากาศพิเศษในบ้านได้ดีอีกด้วย
houseidea-01-05
8. แยกครัวสบายจมูก
              
บ้านที่ทำอาหารแต่ละมื้ออย่างจริงจัง ควรแยกครัวไทยออกจากตัวบ้าน หรือออกแบบให้แยกห้องเป็นกิจจะลักษณะ และติดพัดลมดูดอากาศ เพื่อไม่ให้กลิ่นอาหารเข้าไปรบกวนพื้นที่ส่วนอื่นๆภายในบ้าน ทั้งห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ฯลฯ นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงการวางตำแหน่งห้องครัวในทิศที่อยู่ปลายลมก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เช่นกัน
houseidea-01-09
9. ตกแต่งจมูกโล่ง
              “ฝุ่น” และ “ไรฝุ่น” ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เคืองจมูก หากสะสมนานๆอาจกลายเป็นโรคภูมิแพ้ได้ การเลือกตกแต่งบ้านให้เรียบเกลี้ยงแบบโมเดิร์น ออกแบบตู้เบิลท์อินเต็มพื้นที่โดยมีบานปิด เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนัง หรือผ้าม่านและพรมเป็นผ้าสังเคราะห์แทนการใช้ผ้าฝ้าย หมั่นทำความสะอาดหรือดูดฝุ่นเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นได้ รวมถึงการเลือกวัสดุผิวเรียบและลื่น เช่น กระเบื้องเซรามิกขอบเรียบ พื้นหินขัด พื้นไม้ธรรมชาติปูชิดไม่เว้นร่อง หรือการกรุผิวหน้าเฟอร์นิเจอร์ด้วยแผ่นลามิเนต จะช่วยให้เช็ดทำความสะอาดง่าย และไม่อมฝุ่น
houseidea-01-08
10. เย็นตัว…สบายใจ
              “สภาวะน่าสบาย” ของคนเราอยู่ในช่วงอุณหภูมิ 22 -27 องศาเซลเซียส และสัมพันธ์กับความชื้นในอากาศที่ 20-75%RH ซึ่งในเมืองไทยต้องอาศัยการปรับสภาพแวดล้อม เช่น การอาศัยร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ และละอองน้ำ รวมถึงการออกแบบบ้านให้มีช่องเปิดทางทิศเหนือและใต้เพื่อให้ลมพัดผ่าน การติดฉนวนกันความร้อนทั้งผนังและฝ้าเพดาน หรือการใช้กระเบื้องธรรมชาติ อย่างกระเบื้องดินเผา กระเบื้องแกรนิตโต้ จะยิ่งช่วยให้ผิวสัมผัสเย็นกว่าปกติ ทำให้อากาศเย็นลงจนเกิดเป็นสภาวะน่าสบายได้
houseidea-01-10

เรื่องโดย : รนภา นิตย์
ภาพโดย : คลังภาพบ้านและสวน, นิตยสาร room และสำนักพิมพ์บ้านและสวน