สัมผัสวิถีสโลไลฟ์ใกล้ฝั่งโขง และชื่นใจไปกับหมู่บ้านคนไทยเชื้อสายเวียดนามที่นครแห่งความสุข จ.นครพนม

หนึ่งจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับประเทศลาว และห่างจากประเทศเวียดนามเพียงแค่ 145 กิโลเมตร อย่างจังหวัดนครพนมที่ในอดีตสองฝั่งบริเวณลุ่มน้ำโขงแห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางของชนเผ่าหลากหลายชาติพันธ์ และทุกวันนี้ก็ยังคงอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครพนมมากถึง 7 ชนเผ่า จึงทำให้เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าจดจำ ว่าแต่ทำไมจังหวัดนครพนมถึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นนครแห่งความสุข เราลองไปหาคำตอบกันค่ะ

2 3 4

เริ่มต้นการท่องเที่ยวแบบวิถีลโสไลฟ์ปั่นจักรยานเลียบริมน้ำโขงเพื่อเที่ยวชมจุดต่างๆ ของจังหวัดได้อย่างง่ายดาย จุดแรกที่เราจะพามาทำความรู้จักคือพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าฯ อาคารสีเหลืองสไตล์ฝรั่งเศสที่ถูกรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ของจังหวัดนครพนม ที่มีไฮไลท์อยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคารนั่นก็คือนิทรรศการเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) และยังมีห้องประทับแรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เคยเสด็จมาประทับในคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 จึงถือเป็นหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่น่าจดจำของชาวนครพนม

5 6 7

เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของเมืองนครพนมก็คืออาคารเก่าแก่สไตล์ฝรั่งเศสที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป อย่างเช่นหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถที่แต่เดิมเคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดนั่นเองค่ะ และถ้าปั่นจักรยานเลาะริมโขงต่อไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้มาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกอย่างวัดนักบุญอันนา หนองแสง ทีใช้วัสดุก่อสร้างส่วนหนึ่งจากเมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม และที่นี่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติของผู้คนในจังหวัดนครพนมที่มีทั้งคนไทย คนจีน คนลาว คนเวียดนาม รวมไปถึงกลุ่มชนเผ่าชาติพันธ์ต่างๆ อีกด้วย และอีกหนึ่งสถานที่ที่ทำให้เชื่อว่านครพนมเป็นเมืองที่อบอุ่นจากอ้อมกอดของประเทศเพื่อนบ้างจริงๆ นั่นก็คือหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์นั่นเองค่ะ

8 9

ถึงแม้ว่าในต้นฤดูหนาวฟ้าอาจจะมืดเร็วไปหน่อย แต่การได้สัมผัสทัศนียภาพของเมืองนครพนมริมฝั่งไทยและเมืองท่าแขกริมฝั่งลาวยามค่ำคืนที่ผืนน้ำสะท้อนกับแสงไฟในบรรยากาศเย็นสบายก็ทำให้เกิดภาพแห่งความประทับใจไปอีกนานแสนนาน

10 11

ตื่นเช้ามารับแสงตะวันพร้อมกับเที่ยวตลาดนัดไทย-ลาว ท่าอุเทน ซึ่งเป็นตลาดที่พี่น้องชาวลาวจะขนของข้ามมาขายร่วมกับพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยซึ่งตลาดแห่งนี้มีเสน่ห์ตรงที่เราจะเห็นของแปลกๆ ทั้งต้นไม้ ผลไม้ เนื้อสัตว์ รวมถึงของป่า ตลาดแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมประมาณ 20 กิโลเมตร และจะเปิดขายเพียงแค่ 2 วันเท่านั้นคือวันจันทร์และวันพฤหัสบดีค่ะ

12

จากตลาดนัดไทย-ลาว ท่าอนุเทน เราจะไปต่อกับที่หมู้บ้านอาจสามารถเพื่อพบกับชนเผ่าไทยแสก 1 ใน 7 ชนเผ่าของนครพนม ซึ่งการเดินทางง่ายมากค่ะ หากเริ่มต้นที่ตัวเมืองนครพนมให้ขับตรงมาตามถนนนิตโยเมื่อถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนราษฎรอุทิศให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเลี่ยงเมือง ขับตรงไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร จนถึงสามแยกชยางกูร แล้วค่อยเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 212 ทางหลวงจังหวัดนครพนม-มุกดาหาร ขับต่อไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะพบกับหมู่บ้านอาจสามารถแล้วค่ะ

13

ก่อนที่เราจะเข้าไปเที่ยวในชุมชนก็ถือโอกาสแวะมาเยี่ยมชมงานฝีมือของกลุ่มแม่บ้านชาวไทยแสกที่ถนัดการเย็บ ปัก ถัก ร้อย จึงมารวมกลุ่มกันประดิษฐ์ของที่ระลึกจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวซึ่งก็มีตั้งแต่พวงกุญแจผ้าหน้าตาน่ารักๆ ประเป๋าผ้ารูปแบบต่างๆ ซึ่งของที่ระลึกส่วนใหญ่ก็จะใช้สีดำและสีแดงซึ่งเป็นสีประจำของชนเผ่าไทยแสกนั่นเอง

14 15 16

ไหนๆ เราก็มาเที่ยวชุมชนเลียบริมน้ำโขงทั้งทีก็ต้องแวะมาดูการเลี้ยงปลาน้ำจืด โดยเฉพาะปลาเผาะ ปลาน้ำจืดแห่งลุ่มน้ำโขงตระกูลเดียวกับปลาสวายและปลาเทโพ ที่มักจะนำมาทำเมนูปลาจุ่มอาหารขึ้นชื่อของหมู่บ้านอาจสามารถ ที่มีวิธีการทานคล้ายๆ กับหมูจุ่ม แต่ความนุ่ม ความสด ความละมุนขอยกให้ปลาจุ่มชนะเลิศไปเลยค่ะ หลังจากฟินกับเมนูปลาจุ่มกันแล้วเราก็ไปขึ้นเรือเพื่อไปล่องชมวิวแม่น้ำโขงยามเย็น พร้อมกับชมสะพานมิตรไทย-ลาวแห่งที่ 3 ที่สวยงามและยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ

17

หลังจากที่ได้ไปทำความรู้จักกับชาวเผ่าไทยแสกแล้ว เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันที่อีกหนึ่งหมู่บ้านซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสาวเวียดนามซึ่งอพยบมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดนครพนมมามากกว่า 130 ปี ที่สำคัญหมู่บ้านนี้ยังเคยเป็นที่อาศัยของประธานโฮจิมินห์ สมัยที่ท่านได้ลี้ภัยมา หมู่บ้านนี้ชื่อว่าบ้านนาจอกอยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้าเรื่มต้นจากตัวเมืองนครพนมให้เดินทางมาตามถนนนิตโยผ่านสี่แยกที่ตัดเข้ากับถนนราษฎรอุทิศ ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนเจอหลักกิโลเมตรที่ 238 จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายและตรงเข้ามาในหมู่บ้านได้เลยค่ะ

18 19

และสถานที่แรกที่เราจะไปเยี่ยมชมก็คือพิพิธภัณฑ์ประธานโฮจิมินห์ ซึ่งที่นี่ได้จัดแสดงชีวประวัติ รูปภาพ จดหมาย ห้องจำลอง และเรื่องราวการกอบกู้เอกราชของเวียดนามจนมีชัยชนะเหนือฝรั่งเศสโดยการนำของท่านประธานโฮจิมินห์ในสมัยสงครามอินโดจีน นับเป็นวีรกรรมสำคัญที่คนเวียดนามยกย่องมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็รวมถึงชาวไทยเชื้อสายเวียดนามที่หมู่บ้านนาจอกแห่งนี้ด้วยค่ะ

20 21 22

นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วที่นี่ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาดนั่นก็คืออนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อประกาศให้คนรุ่นหลังรู้ว่าครั้งหนึ่งท่านประธานโฮจิมินห์เคยมาพักอาศัยอยู่ที่นี่ จุดเด่นของอนุสรณ์สถานเหล่านี้อยู่ที่สถาปัตยกรรม การตกแต่ง และบรรยากาศที่เสมือนว่าที่นี่คือเวียดนามเพราะฉะนั้นกิจกรรมสุดฮิตของนักท่องเที่ยวก็คือการมาเช่าชุดอ๊าวหย่าย(ชุดประจำชาติเวียดนาม) เพื่อมาถ่ายรูปกันค่ะ ซึ่งถ้าอยากสัมผัสถึงประเทศเวียดนามก็มาที่นี่ได้เลยค่ะ

23 24

นอกจากสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแล้วที่นี่ยังมีโอมสเตย์และกิจกรรมดีๆ ที่เตรียมไว้ให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิต การกินการอยู่แบบคนไทยเชื้อสายเวียดนามอีกด้วย บรรยากาศที่โฮมสเตย์เป็นบ้านไม้สไตล์อบอุ่นตามแบบฉบับโฮมสเตย์บ้านนาจอก แต่ละห้องก็กว้างขวางสามารถมาพักกันได้แบบเป็นหมู่คณะ และที่ชอบมากที่สุดคือระเบียงด้านหลังที่สามารถออกไปชมวิวสวนผักสวยๆ และยืนรับลมเย็นๆ ได้อีกด้วย

25 26 27 28 29

มาพักที่โฮมสเตย์ชาวไทยเชื้อสายเวียดนามทั้งทีก็ต้องลองเมนูปอเปี๊ยะสูตรเวียดนามแท้ๆ ที่ต่างจากปอเปี๊ยะทั่วไปตรงวิธีการทานเพราะที่นี่จะห่อด้วยผักกาดหอม ก่อนจะราดน้ำจิ้มทานกันคำโตๆ อร่อยจุใจ และหลังจากอิ่มหนำกับปอเปี๊ยะแล้วก็ได้มีโอกาสชมของที่ระลึกของกลุ่มแม่บ้านนาจอกที่ต้องการต่อยอดของที่ระลึกอย่างหมวกทรงแหลมอันจิ๋ววซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวเวียดนามที่ทำมาจากกาบหมากแห้ง มีคุณสมบัติเหนียว ทนทาน แข็งแรง และสามารถหาได้ทั่วไปจากต้นหมากในหมู่บ้านนั่นเอง

30 31

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งหมู่บ้านนาจอก และหมู่บ้านอาจสามารถกำลังต้องการความช่วยเหลือในเรื่องเดียวกัน ชื่นใจไทยแลนด์จึงได้ทำการพัฒนา และปรับปรุงรูปแบบของที่ระลึกให้ทันสมัยดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ซึ่งผู้ที่จะมาร่วมมือกับทีมงานชื่นใจไทยแลนด์ในวันนี้ก็คือเจ้าของเพจหลงมือ ผู้อยู่เบื้องหลังความเรียบ เท่ อย่างมีเอกลักษณ์ของเสื้อผ้า Handmade ที่มาช่วยพัฒนาของที่ระลึกจนมีความชิค ความเก๋ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าผ้าปลาเผาะ หรือพวงกุญแจสวยๆ สำหรับห้อยกุญแจสร้างความชื่นใจให้กับทั้งสองชุมชนได้อย่างมาก

32 33

และนี่คือความชื่นที่ได้มาท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนม ได้พบทั้งความเอื้ออารี และมิตรไมตรีอันดีงามระหว่างประเทศไทย ลาว และเวียดนาม ได้สัมผัสวิวแม่น้ำโขงในมุมที่งดงาม ได้ร่วมภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ได้พบกับรอยยิ้มและการต้อนรับที่น่ารัก อบอุ่น ทั้งหมดนี้ทำให้มั่นใจได้เลยว่าที่นี่เหมาะสมแล้วกับตำแหน่ง นครแห่งความสุข อ.เมือง จ.นครพนมค่ะ

ติดต่อเยี่ยมชมชุมชน
พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าฯ โทร. 042-511-574
พิพิธภัณฑ์ประธานโฮจิมินห์ โทร.087-248-6111
อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ โทร.089-275-9194
นาจอกโฮมสเตย์ โทร.089-713-0261