เทคนิคเลือกสีทาผนัง ให้ปัง และคูล!

สีภายในห้องเป็นสิ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายที่สุด สำหรับ เทคนิคเลือกสีทาผนัง การเลือกสีห้อง ควรเลือกอย่างน้อย 3 สีขึ้นไปเช่น สีขาว สีครีม และสีเด่นๆ อีกสักสีหรือใครชอบสีสดๆ เล่นสีเยอะๆ ก็สามารถเล่นสีฟ้า สีส้ม และสีกลางอย่างสีขาวก็ได้เมื่อเราได้สีที่ต้องการแล้วก็ให้แบ่งการใช้สีห้องออกเป็น

  • 60 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสีหลักภายในห้อง
  • 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสีเด่นภายในห้อง
  • 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสีที่เสริมให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น

เมื่อแบ่งเปอร์เซ็นต์การใช้สีแล้วลองมาดูผนังแต่ละด้านกันบ้าง เพื่อไม่ให้จำเจ เราไม่ควรทาสีผนังทั้งสี่ด้านเป็นสีเดียวกันทั้งหมด แนะนำให้ทาสีบนผนังด้านที่เด่นที่สุดเพียงหนึ่งด้านด้วยสีที่แตกต่างจากผนังด้านอื่นๆ ซึ่งเรามีหลักการเลือกสีทาผนังมาฝากดังต่อไปนี้

เทคนิคเลือกสีทาผนัง br3

ห้องน้ำ (Bathroom)

ความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรเลือกใช้เฉดสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สะอาด สบายตาเช่น สีขาว สีฟ้าน้ำทะเล สีน้ำเงินอมเขียว หรือจะเลือกแบบเท่ๆ ก็สีดำ

  • 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังและเพดานห้องทั่วไป
  • 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังด้านอ่างล้างหน้าหรือผนังด้านข้างห้องอาบน้ำ
  • 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นบานประตู บัวพื้นหรือบัวเพดาน

 

6

e_rm_104_p110-124-6

ห้องรับประทานอาหาร(Dining Room)

ควรเลือกใช้เฉดสีอุ่นโทนกลางที่ดูแล้วสะอาดสบายตา เช่น สีชมพูหรือสีส้มอ่อนๆ สีเขียว หรือสีสดแสบๆ อย่างสีเหลืองเพื่อช่วยเพิ่มบรรยากาศและกระตุ้นความอยากอาหาร

  • 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังและเพดานห้องทั่วไป
  • 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังด้านข้างโต๊ะรับประทานอาหาร หรือผนังติดกับแพนทรี่
  • 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นบานประตู บัวพื้นหรือบัวเพดาน

 

a-jouney_01

เทคนิคเลือกสีทาผนัง

ห้องนั่งเล่น (Living Room)

สามารถเลือกเฉดสีที่ดูโปร่งสบายตา ไม่ร้อนแรงเกินไปนัก เช่น สีครีม สีเขียวอ่อน สีชมพูอ่อน เพื่อสร้างบรรยากาศชวนพักผ่อน ควรแบ่งอัตราส่วนการทาสีดังนี้

  • 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังและเพดานห้องทั่วไป
  • 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังด้านหลังโซฟาหรือผนังหลังตู้วางโทรทัศน์
  • 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นบานประตู บัวพื้น หรือบัวเพดาน

 

 

1 2

ห้องนอน (Bedroom)

มีหลายสีที่เหมาะกับห้องนอน โดยเฉพาะสีขาวซึ่งเป็นสีที่ดูสะอาดสบายตา หรูหรา และโรแมนติก ในขณะที่สีเหลืองจะช่วยให้ห้องดูสดชื่นส่วนผู้ที่ชอบนอนดึกและตื่นสายจะเหมาะกับโทนสีเข้มที่ให้บรรยากาศอบอุ่นแต่หลักๆ แล้วในห้องนอนควรเลือกใช้เฉดสีที่สบายๆ สงบ ไม่ร้อนแรงเกินไปอย่างสีฟ้าอ่อนและสีครีม ในกรณีห้องนอนเด็ก อาจเลือกใช้เฉดสีที่สดใสและมีชีวิตชีวาอย่างสีเหลืองสดหรือสีแดงเพื่อเพิ่มความรู้สึกร่าเริง

  • 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังและเพดานห้องทั่วไป
  • 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นผนังด้านหัวเตียงหรือปลายเตียง
  • 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นบานประตู บัวพื้น หรือบัวเพดาน

3

นอกจากนี้สียังมีความสำคัญกับขนาดพื้นที่ เช่น ห้องที่กว้างจะดูอ้างว้างยิ่งขึ้นถ้าใช้สีสว่างมากเกินไป หรือผนังที่แคบจะยิ่งอึดอัดมากขึ้นถ้าใช้สีเข้มและทึบ นี่คือข้อแนะนำในการเลือกใช้สีให้เหมาะกับขนาดของห้องแบบต่างๆ

  • ห้องแคบ ควรเลือกใช้เฉดสีอ่อนๆ หรือเฉดสว่างๆจะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น
  • ห้องกว้าง ควรเลือกใช้เฉดสีที่เข้มขึ้นเพื่อให้ห้องดูไม่กว้างจนเกินไป
  • ห้องที่มีเพดานสูง ควรเลือกใช้เฉดสีที่เข้มกว่าหรือเข้มเท่ากับสีของผนังห้อง จะช่วยลดความสูงของเพดานได้
  • ห้องที่มีเพดานต่ำ หลีกเลี่ยงการใช้สีเข้มทาเพดานเพื่อให้ห้องดูโล่งไม่อึดอัด

ตามมาดูห้องสวยๆ เทคนิกการเลือกสีปังๆได้ที่นี่เลย

[COLOR SOLUTION] NAVY IS A NEW BLACK – แมทช์ห้องสวยด้วย สีน้ำเงินเข้ม
[COLOR SOLUTION] IN THE MOOD FOR COFFEE – ห้องนี้กลิ่นกาแฟ
[COLOR SOLUTION] MELLOW YELLOW INGREDIENTS – ห้องสีเหลือง สนุกซุนซน
[COLOR SOLUTION] LOVE THAT RED – ห้องสีแดง ร้อนแรงแต่หรูหรา


เรื่อง รัฐพล ศักดิ์ดามพ์นุสนธิ์
ภาพ แฟ้มภาพนิตยสาร room, บ้านและสวน
เรียบเรียบ Parichat K