ดอกไม้แห้ง เมื่อกล่าวถึงดอกไม้แห่งความรัก แน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องนึกถึงดอกกุหลาบ เป็นอันดับแรก เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีสีสันอ่อนหวานแล้ว บางตำรายังให้ความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสีไว้อีกด้วย เช่น สีขาวแทน ความรักบริสุทธิ์ สีแดงแทนความรักที่ลึกซึ้ง หนักแน่น สีเหลืองเป็นตัวแทนแห่ง มิตรภาพ
ดอกไม้แห้ง แต่สำหรับเกษตรกรผู้ผลิตไม้ดอกให้มูลนิธิโครงการหลวงเชื่อว่า ดอกไม้ ทุกดอกเปรียบเสมือนตัวแทนความรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงมีโครงการในพระราชดำริช่วยให้ประชาชนมีอาชีพสุจริตและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยทรงส่งเสริมให้ ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น แต่หันมาปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล พืชผัก สมุนไพร รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิดที่ปลูกประดับในหลายสถานีของมูลนิธิโครงการหลวง
ซึ่งนอกจากใช้ดอกไม้สดแล้ว ยังพัฒนาโดยทำเป็นดอกไม้แห้ง (Everlasting flower / Immortelle flower) เพื่อเพิ่มมูลค่าอีกด้วย ลักษณะเด่นของดอกไม้ที่นำมาทำให้เป็นดอกไม้แห้งได้คือ สามารถคงความสวยงามของรูปทรงเดิมเหมือนเมื่อครั้งยังสดอยู่ไว้ให้ได้มากที่สุด แม้จะผ่านกระบวนการตากแห้ง ฟอก หรือย้อมสีก็ตาม
ลาเวนเดอร์ (Lavender: Lavandula angustifolia) มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนและทางตอนใต้ของยุโรป เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1 เมตร ไม่ผลัดใบ ดอกเป็นช่อเชิงลดสีชมพูถึงม่วง ทุกส่วนของต้นมีกลิ่นหอม ช่วยผ่อนคลายความเครียด จึงนิยมปลูกประดับแปลง อีกทั้งยังนำใบและดอกมาทำน้ำมันหอมระเหยและทำเครื่องดื่มด้วย
สแตติส (Statice: Limonium sinuatum) จัดเป็นไม้พุ่ม อายุหลายปี สูงได้ถึง 2 เมตร ใบมีขนหยาบสากมือ ออกดอกเป็นช่อมีหลายสี เช่น สีขาว เหลือง ชมพู ส้ม ม่วง ม่วงอมฟ้า นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอกเพื่อทำดอกไม้แห้ง ชอบแสงแดดจัดและอากาศเย็น ปลูกริมทะเลได้ดี
หญ้าหางกระต่าย (Bunny tail Grass: Lagurus ovatus) มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นพืชวงศ์หญ้า อายุหลายปี สูง 30 – 50 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวอ่อน ช่อดอกเป็นรูปไข่ อ่อนนุ่มคล้ายหางกระต่าย นิยมปลูกประดับแปลง ปลูกในกระถาง ชอบแสงแดดจัดและดินที่ระบายน้ำดี